เป็นห่วงมันมากใช่ไหม 2

1678 คำ
เป็นห่วงมันมากใช่ไหม เมื่อคืนกว่าปรางขวัญกับชัยพฤกษ์กลับถึงห้องพักก็ตอนตีสามเกือบจะตีสี่ ได้นอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นมาทำงานต่อ อีกทั้งเช้านี้ภัท**นนก็เรียกทุกคนในแผนกให้เข้าไปประชุมร่วมกับทีมสถาปนิก รวมถึงปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ด้วย เป็นการประชุมหารือและรายงานความคืบหน้าของโพรเจกต์ใหญ่ โครงการก่อสร้างตึกเก้าสิบชั้นแถวสาทร รวมทั้งโพรเจกต์ยิบย่อยต่าง ๆ กว่าจะประชุมเสร็จก็กินเวลาไปเกือบจะถึงเวลาพักเที่ยง และแน่นอนว่าการที่ถูกเรียกเข้าไปประชุมด่วนแบบนี้ ทำให้รายงานที่ภัท**นนสั่งให้ปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ทำเมื่อวานก็ต้องล่าช้าออกไปอีก แม้ทั้งคู่จะใช้เวลาพักเที่ยงและช่วงบ่าย ไม่ว่าเร่งมือยังไงก็ไม่สามารถทำให้เสร็จตามเวลาที่ภัท**นนกำหนดได้ ทั้งสองคนจึงถูกภัท**นนเรียกเข้าไปพบเมื่อเลยกำหนดส่งงานไปแล้ว อันที่จริงต่อให้ไม่มีการประชุมในวันนี้ ทั้งปรางขวัญและชัยพฤกษ์ก็ไม่มีทางทำรายงานที่ภัท**นนมอบให้เสร็จตามกำหนดได้อยู่แล้ว เนื่องจากมีข้อมูลไม่เพียงพอ อีกทั้งเวลาที่ได้ก็น้อยจนเกินไป "นี่แค่งานแรกก็ยังล้มเหลวไม่เป็นท่า ต่อไปพวกคุณจะทำงานใหญ่ ๆ กันได้เหรอ" ภัท**นนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไร้ความรู้สึก ก่อนจะหยิบรายงานที่ปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ทำไปแล้วบางส่วนขึ้นมา เปิดมันดูคร่าว ๆ ไม่นานเขาก็โยนมันลงที่เดิม "ไม่ได้เรื่อง!" "ขอโทษครับ แต่ผมคิดว่าทำได้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ้าเทียบกับเวลาที่คุณให้" ชัยพฤกษ์พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว ในขณะที่ปรางขวัญไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา เพราะกลัวว่าจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้เขาโมโหขึ้นมากว่าเดิม ภัท**นนเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ "คุณจะบอกว่าเวลาที่ผมให้มันน้อยเกินไปงั้นหรือ?" "ครับ" "แล้วคุณคิดว่าต้องใช้เวลากี่วัน กับการทำรายงานแค่ไม่กี่ฉบับ" ชัยพฤกษ์กับปรางขวัญมองไปกี่กองรายงานที่กองเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะ พลางคิดในใจ กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่กี่ฉบับ "ก็ถ้าพวกเรามีข้อมูลที่เพียงพอ สามวันก็น่าจะเสร็จครับ แต่นี่พวกเราเพิ่งมาใหม่ แถมยังไม่ได้รับผิดชอบโปรเจกต์พวกนี้โดยตรง ผมคิดว่าคุณควรจะให้เวลาพวกเราอย่างน้อยห้าวันนะครับ" ภัท**นนยกยิ้มที่มุมปากให้กับคนที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขา กล้าดีนี่ "ผมคงประเมินพวกคุณสูงไปสินะ ผมได้อ่านผลงานที่ผ่านมาของพวกคุณคร่าว ๆ เห็นอยู่ในระดับดีเยี่ยม ผมก็เลยคิดว่าพวกคุณน่าจะเก่งกว่านี้เสียอีก" พูดจบเขาก็หยิบรายงานขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง อันที่จริงมันก็พอใช้ได้ แต่แค่ข้อมูลไม่ได้ครบถ้วนก็แค่นั้นเอง "ผมควรจะทำยังไงกับพวกคุณดี" ชัยพฤกษ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ หากแต่ยังมองหน้าภัท**นน อย่างไม่หลบสายตา แค่นี้เขาก็พอจะรู้แล้วว่าชีวิตการทำงานของเขาหลังจากนี้คงไม่สงบสุขแน่ ในเมื่อเจ้านายจ้องแต่จะเอาเรื่องกันแบบนี้ "ขอเวลาพวกเราเพิ่มอีกสักสามวัน แล้วจะรีบทำให้เสร็จค่ะ" ปรางขวัญพูดขึ้นมาในที่สุด หลังจากที่ได้แต่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ มานาน ภัท**นนรีบตวัดสายตาไปมองคนพูดทันที "สามวันเลยเหรอ? มากไปไหม ถ้าจะใช้เวลาทำมากขนาดนั้น ก็คงไม่ต้องทำงานอื่นกันพอดี" "งั้นก็แล้วแต่คุณจะพิจารณาเลยค่ะ" ภัท**นนยิ่งมองหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุดันขึ้นไปอีก เมื่อเธอตอบโต้เขากลับมาแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรออกไป "ผมให้เวลาพวกคุณอีกสองวัน ถ้าคราวนี้ยังไม่เสร็จอีก ไตรมาสนี้ผมคงไม่ให้พวกคุณผ่านการประเมิน" แล้วเขาก็ดันกองรายงานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะออกมานิดหน่อย "เอากลับไปทำต่อให้เรียบร้อย" ชัยพฤกษ์เดินเข้าไปยกกองรายงานขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของภัท**นนไปทันที เหลือเพียงแค่ปรางขวัญเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้เดินตามชัยพฤกษ์ออกไป เพราะมีเรื่องจะพูดกับชายหนุ่มตรงหน้า "มีอะไร" ภัท**นนเอ่ยถามเสียงขุ่น เมื่อเห็นว่าปรางขวัญยังยืนอยู่ที่เดิมและมีท่าทีเหมือนอยากจะพูดอะไรกับเขา ปรางขวัญเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น อย่างตัดสินใจว่าควรจะพูดดีไหม ทว่าสุดท้ายเธอก็พูดออกมา "เรื่องนี้พฤกษ์ไม่เกี่ยวอะไรด้วย" "เธอหมายถึงเรื่องอะไร" เขาถามกลับทันที ทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหญิงสาวหมายถึงเรื่องอะไร "ก็ที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้" "แล้วฉันทำอะไร" ชายหนุ่มไม่ยอมรับ แล้วยังถามเธอกลับไปอีกครั้งพร้อมกับมองอย่างไม่วางตา ปรางขวัญเองก็มองหน้าภัท**นนอย่างไม่หลบตาเช่นกัน "งั้นก็ช่างเถอะค่ะ และไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ พฤกษ์ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย" พูดจบปรางขวัญก็เตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป ทว่าก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินคำถามต่อมาของภัท**นน "เป็นห่วงมันมากขนาดนั้นหรือไง" ปรางขวัญเงียบ ไม่ตอบอะไร ภัท**นนจึงถามขึ้นอีกครั้ง "ฉันถามว่าเป็นห่วงมันมากใช่ไหม" "ค่ะ" "หึ! เธอนี่ก็กล้าดีนะ" กล้ากลับมาให้เขาเห็นหน้าอีกไม่พอ ยังกล้าพาผัวใหม่มาเย้ยผัวเก่าอย่างเขาถึงที่อีกต่างหาก "ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวค่ะ" ไม่รอให้เขาอนุญาต พอพูดจบเธอก็รีบหมุนตัวเดินออกไปทันที เพราะไม่อาจทนต่อสายตาเหยียดหยามของเขาได้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นยังมีผลต่อความรู้สึกของเธอเสมอ …ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในสายอาชีพที่ต้องทำงานเกี่ยวกับกับสิ่งปลูกสร้าง มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า ‘งานที่ราบรื่นคืองานที่ปราศจาก ‘ซินแส’ ’ เพราะถ้ามีเรื่องความเชื่อ ตำราโหรศาสตร์อะไรเทือกนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง สถาปนิกและวิศวกรก็อาจจะต้องกุมขมับกันไปเป็นแถบ ๆ บางทีก็อยากจะตะโกนออกไปให้มันจบ ๆ ว่าถ้าอยากจะเชื่ออะไรสักอย่าง ให้มาเชื่อฝีมือสถาปนิกกับวิศวกรจะดีกว่า ก่อนที่บ้านจะถล่มลงมาทับหัวตายเพราะมัวแต่เชื่อคำทำนายของซินแส โดยไม่สนใจความแข็งแรงของโครงสร้าง "เป็นไงบ้างพี่" จิรายุเอ่ยถามแซว ๆ หลังจากเห็นภัท**นนกับขุนพลพร้อมทั้งทีมสถาปนิกเดินออกจากลิฟต์มา หลังจากไปคุยกับลูกค้ารายหนึ่งเสร็จ "กูบอกเลยว่าอาชีพไหนที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับซินแสคือดีที่สุด ปวดหัวฉิบหาย" ขุนพลบ่นออกมาอย่างหัวเสีย แปลนบ้านที่เอาไปเสนอลูกค้าวันนี้ เขาได้คำนวณอย่างมั่นใจแล้วว่ามันดีและมีโครงสร้างที่แข็งแรงปลอดภัยที่สุด แต่ทางลูกค้ากลับเอนไปทางซินแสที่มาด้วยมากกว่า จึงทำให้ต้องรื้อแบบใหม่เกือบทั้งหมด จิรายุหัวเราะร่าเมื่อเห็นท่าทีหัวเสียของวิศวกรรุ่นพี่และผู้เป็นนาย "เอาน่า งานเรากับซินแสมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ฮวงจุ้ยน่ะ" "ถุย! ฮวงชุ้ยน่ะสิไม่ว่า แล้วจะเอาไงต่อ" สบถกับจิรายุจบ ขุนพลก็หันไปถามภัท**นนที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่ ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนแบบนี้ แต่โดนทีไรก็อารมณ์เสียทุกที จะตามใจซินแสทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงความแข็งแรงของโครงสร้างเลยก็ไม่ได้ เพราะความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก "ก็ปรับแก้เท่าที่ปรับได้ ผมฝากพี่ตามงานนี้กับเต็กทีมด้วยนะ ผมขอไม่เกินอาทิตย์หน้า" ‘เต็ก’ หรือ ‘อาร์คิเทค (Architect)’ ที่ภัท**นนพูดถึงคือสถาปนิก ส่วนทีมนั้นเป็นสถาปนิกของบริษัท เวลาเรียกขานกันก็มักจะมีคำว่าเต็กนำหน้า เช่น เต็กทีม เพื่อบอกให้รู้ว่าคนคนนี้อยู่แผนกสถาปนิก "ได้ เดี๋ยวพี่จะเร่งให้" ขุนพลพยักหน้ารับ "ขอบคุณมากครับ" จากนั้นขุนพลก็เดินแยกเข้าห้องทำงานไป ภัท**นนหันมาพูดกับจิรายุต่อ "จอร์จ ชอปดอร์อิ้ง(Shop drawing) ที่ให้เช็กเมื่อวานเสร็จหรือยัง" "ใกล้แล้วครับ" "ดี เร่งมือหน่อยแล้วกัน ถ้ามีปัญหาอะไรก็รีบไปปรึกษาสถาปนิก" "ครับ!" จิรายุรีบรับคำสั่งอย่างแข็งขัน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ "เอ่อ ลูกพี่ครับ" "อะไร" "ที่ลูกพี่เคยบอกว่าจะพาวิศวกรใหม่ไปเลี้ยงต้อนรับ จะไปเมื่อไหร่ครับ" จริง ๆ มันกลายเป็นธรรมเนียมของฝ่ายไปแล้ว ไม่ว่าใครจะเข้าจะออก ภัท**นนก็มักจะพาไปเลี้ยงต้อนรับหรือเลี้ยงส่งทุกครั้ง หรือแม้แต่โอกาสต่าง ๆ ก็พาไปไม่ขาดสาย จิรายุจึงนึกแปลกใจเพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ปรางขวัญกับชัยพฤกษ์ย้ายเข้ามา ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าภัท**นนจะพาวิศวกรใหม่ไปเลี้ยงต้อนรับอย่างที่เคยพูดเอาไว้เลย ตอนที่บอกว่าจะพาไปเลี้ยงต้อนรับ ภัท**นนยังไม่รู้ว่าวิศวกรที่ย้ายมาใหม่คือใคร แต่ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าคนที่ย้ายเข้ามาคือคนที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา เขาจึงตอบออกไปโดยไม่ต้องคิด "ไม่ไป ถ้าอยากไปก็ไปกันเอง"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม