“ข้าคือคนที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้น ท่านอ๋องคงจะมีคนในใจอยู่แล้ว ซึ่งคนผู้นั้นไม่ใช่ข้า” หลินลี่ลี่เอ่ยออกมาเสียงสั่น ถ้าเป็นพระชายาแล้วไม่ได้รับการโปรดปรานจากท่านอ๋อง ก็ไม่ต่างจากนางในที่อยู่ในตำหนักเย็น ชีวิตหลังจากนี้คงจะต้องรอเพียงความตายเท่านั้น
“โถคุณหนูของบ่าว บ่าวไปบอกนายท่านให้มั้ยคะ เผื่อว่านายท่านจะช่วยคุณหนูได้” เฟยกุ้ยเอ่ยออกมา ก่อนที่จะกอดผู้เป็นนายที่โตมาด้วยกันและรักกันอย่างกับพี่น้องด้วยความสงสาร เพราะนางคงไม่สามารถช่วยอะไรผู้เป็นนายได้ นางได้แต่ทำหน้าที่ปลอบใจผู้เป็นนายเท่านั้น และนางก็หวังว่าท่านเสนาบดีหลินอี้จะสามารถช่วยบุตรีของท่านได้
“ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อข้าแต่งกับท่านอ๋องแล้ว พ่อข้าก็ช่วยข้าไม่ได้หรอก เพราะข้าคือสมบัติของท่านอ๋อง ได้โปรดอย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นเลย ข้ารู้สึกสงสารตัวเอง เรามาใช้ชีวิตที่เหลือของเราอย่างมีความสุขเถอะนะ ส่วนเรื่องท่านอ๋องก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าไม่ได้ต้องการความรักจากเขา งั้นเราก็มาพยายามอยู่อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องก็แล้วกัน” นี่คือคำปลอบใจที่นางใช้ปลอบใจทั้งสาวใช้และตนเอง นางยอมรับว่าเจ็บปวดกับสิ่งที่นางโดนกระทำ แต่นางจะไม่มีวันให้เรื่องนี้รู้ถึงหูท่านพ่อเด็ดขาด เพราะนางไม่ต้องการให้ท่านพ่อต้องมาเจ็บปวดเพราะบุตรสาวอย่างนางเพราะฉะนั้นการพยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่ที่จวนอ๋องแห่งนี้ให้มีความสุข นั่นคงจะเป็นสิ่งเดียวที่บุตรีอย่างนางสามารถตอบแทนท่านพ่อได้
“คุณหนูของบ่าวเป็นคนดี ทำไมคุณหนูต้องมาเจอแบบนี้ บ่าวไม่เข้าใจจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านอ๋องมองไม่เห็นเลยหรือว่าคุณหนูของบ่าวทั้งสวยทั้งน่ารัก แล้วก็ยังแสนดีมากขนาดไหน” เฟยกุ้ยยังกอดผู้เป็นนายไว้ด้วยความสงสาร ส่วนผู้เป็นนายนั้น แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่นางก็ไม่สามารถที่จะแสดงความอ่อนแอให้เฟยกุ้ยสมเพชตนเองไปมากกว่านี้ แม้ว่าในใจของนางตอนนี้กำลังอาบไปด้วยน้ำตาก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอกเฟยกุ้ย ข้าไม่เป็นไรจริงๆ เรื่องท่านอ๋องก็ช่างมันเถอะ ที่ข้าอ่อนแอวันนี้ก็เพราะว่าข้าไม่ได้นอนที่เตียง เมื่อคืนนอนหนาวที่พื้น ข้าก็เลยไม่สบายเท่านั้นล่ะ หากว่าร่างกายของข้าฟื้นตัว ข้าก็จะไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงข้านะ” หลินลี่ลี่บอกสาวรับใช้คนสนิทด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าใบหน้าจะซีดเซียวแค่ไหนก็ตาม นางก็ต้องพยายามเข้มแข็ง เพื่อให้สาวใช้คนสนิทของนางไม่ต้องมาทุกข์ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนางในตอนนี้
“เจ้าค่ะคุณหนู” เฟยกุ้ยพยายามปาดน้ำตา และพยายามเชื่อฟังผู้เป็นนาย ส่วนผู้เป็นนายก็ยังคงยิ้มให้นางด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่อย่างนั้น ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาเหลือเกิน