“อึดอัดจนข้าวแทบติดคอ”

1356 คำ
โต๊ะอาหารขนาดยาวประดับด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา จัดวางจานช้อนชามอย่างเป็นระเบียบ เรียงรายด้วยอาหารฝีมือแม่ฉันที่ยังคงส่งกลิ่นหอมเย้ายวนทั่วห้อง บรรยากาศโดยรอบกลับดูนิ่งเงียบอย่างประหลาด มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานและเสียงพูดคุยเบา ๆ จากคุณท่านกับพี่จอมทัพเท่านั้น ฉันนั่งตัวเกร็งอยู่ข้างพี่กองทัพ ใกล้เสียจนได้ยินเสียงลมหายใจเขา ยิ่งเวลาผ่านไปหัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นทุกที แทบไม่กล้าเงยหน้ามองใคร โดยเฉพาะเขา เพราะแค่เมื่อกี้… เขาเห็นฉันในสภาพที่ไม่ควรเห็นแล้ว! “กินเยอะ ๆ นะหนูเมย์” คุณท่านพูดพลางตักกับข้าวใส่จานให้ฉัน “ขะ…ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบตอบกลับพร้อมก้มหน้าแทบจะจุ่มข้าว มือที่ถือช้อนยังสั่นนิด ๆ พี่กองทัพก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่บรรยากาศรอบตัวเขากลับกดดันแปลก ๆ เหมือนรู้ว่าแค่หันไปสบตา ฉันต้องหน้าร้อนขึ้นมาอีกแน่ “เป็นอะไร ทำไมไม่กิน” เสียงทุ้มนิ่งเอ่ยเบา ๆ ข้างหู ทำเอาฉันสะดุ้งเล็กน้อย ฉันส่ายหน้ารัว ๆ ก่อนจะรีบตักข้าวเข้าปากเพื่อกลบความรู้สึกประหลาดที่ยังวนเวียนในอก เขายังนิ่งเหมือนเดิม…แต่การที่เขาถามแบบนั้น มันก็ทำให้ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีกเลย “กิ๊ฟทำผัดพริกแกงกุ้งอร่อยขึ้นนะวันนี้” เสียงคุณท่านพูดขึ้นพร้อมยิ้มให้แม่ฉันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “เอ่อ…จานนี้กิ๊ฟไม่ได้ทำนะคะ เจ้าเมย์เขาเป็นคนทำเอง” แม่ตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “หืม? ฮ่า ๆ อ้าวเหรอ ลุงนึกว่าแม่เราทำ” คุณท่านหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันมาทางฉัน “แต่เราก็ทำอาหารอร่อยดีนะหนูเมย์” “ขอบคุณค่ะ…” ฉันตอบเบา ๆ ในลำคอ พร้อมก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน รู้สึกได้เลยว่าแก้มเริ่มร้อนวูบขึ้นอีกแล้ว “อื้ม…อร่อยจริงด้วย ถึงว่าไอ้กองทัพตักกินไม่หยุดเลย” เสียงพี่จอมทัพแซวขึ้น ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย ฉันแอบเหล่ตาไปทางเขา พี่กองทัพยังไม่พูดอะไร แค่ตักข้าวเข้าปากเงียบ ๆ เหมือนเคย แต่ดวงตาคมกริบนั่น…กลับเหลือบมามองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะเบนกลับไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แค่แวบเดียว…ก็ทำเอาหัวใจฉันสะดุดวูบ “อืม ก็อร่อยดี” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเบา ๆ ขณะยังคงตักข้าวกินไปเรื่อย ๆ ฉันชะงักช้อนในมือ ใจเต้นแรงแปลก ๆ ทั้งที่ประโยคมันก็แค่สามคำธรรมดา… แต่สำหรับฉัน มันไม่เคยธรรมดาเลย ยังไม่ทันตั้งตัว เสียงคุณท่านก็ดังขึ้น “เออ…เรื่องงานแต่ง หนูเมย์ติดอะไรหรือเปล่า” ฉันแทบสำลักข้าว! จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ… “ติดค่ะ เมย์ไม่อยากแต่งกับลูกชายคุณท่าน” แบบนั้นเหรอ? ขืนพูดแบบนั้น…ฉันคงได้หัวหลุดจากบ่าแน่ ๆ ฉันฝืนยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา “เอ่อ…เมย์ไม่ติดอะไรค่ะ” “แล้วเราล่ะ กองทัพ ติดอะไรหรือเปล่า?” “ไม่ครับ” เขาตอบเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากจาน “ดี งั้นงานจะจัดขึ้นสิ้นเดือนนี้” “ห๊ะ! สิ้นเดือนนี้หรอคะ?” ฉันเผลอร้องออกมาพร้อมนับนิ้วในใจ “หนึ่ง…สอง…โอ๊ย! อีกแค่สองอาทิตย์เองนะนั่น!” ฉันร้องในใจก่อนจะหลุดพูดออกมาเสียงหลง “เอ่อ…มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ?” คุณท่านหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มใจดี แต่คำพูดกลับทำให้ฉันสะอึก “ไม่นะ…ลุงว่ามันช้าไปด้วยซ้ำต่างหาก” “นี่เรียกช้าหรอคะคุณท่าน… แล้วถ้าเร็วของคุณท่าน ไม่วันพรุ่งนี้เลยหรอ งงมาก” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก้มหน้าหลบสายตาผู้ใหญ่ทุกคนโดยไม่รู้เลยว่า… “ฉันได้ยินนะ” เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นชิดหู ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือกจนเกือบทำช้อนหล่น ฉันหันไปมองเขาด้วยความตกใจสุดขีด พี่กองทัพยังคงสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เบาไปหน่อย แต่ก็ยังได้ยินอยู่ดี” เขาโน้มตัวเข้ามากระซิบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงความขำบางอย่างไว้ในน้ำเสียง “พรุ่งนี้ก็ไม่เลวนะ ถ้าเธออยากให้มันเร็วจริง ๆ” เขากระซิบเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับมีแววเจ้าเล่ห์แอบซ่อนอยู่ ฉันรีบหันไปมองเขา ตาโตอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีแล้วพึมพำตอบเบา ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ… เมย์ไม่รีบ…” แต่ถึงปากจะพูดแบบนั้น มือฉันก็ยังจับช้อนไม่มั่นเลยด้วยซ้ำ! แต่ถึงปากจะพูดแบบนั้น… มือฉันก็ยังจับช้อนไม่มั่นเลยด้วยซ้ำ! หลังจากทานอาหารเสร็จ เห้ออ โล่งขึ้นหน่อยเถอะ เป็นมื้อเย็นที่น่าอึดอัดที่สุดในชีวิตแล้วมั้ง! พอเดินกลับมาหลังบ้าน แม่ก็รีบหันมาถามทันที “เป็นยังไงบ้าง ลองได้นั่งกินข้าวกับคุณท่านแล้วก็คุณผู้ชายเต็มรูปแบบ รู้สึกยังไง” ฉันเบะปากเหนื่อยใจ “แม่ก็นั่งกินอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ แม่รู้สึกยังไงล่ะ เมย์อึดอัดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะ!” แม่ทำหน้าทำนองว่า ‘ฉันเข้าใจลูกที่สุด’ “แม่ก็เหมือนกันนั่นแหละ เกร็งจนตัวจะแข็งเป็นท่อนไม้อยู่แล้ว ไม่เคยไปนั่งกินอะไรเป๊ะ ๆ แบบนั้นมาก่อนเลยลูกเอ๊ย” ฉันถอนหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแหมะ “นี่แค่กินข้าวนะคะแม่ ยังเหนื่อยขนาดนี้ ถ้างานแต่งมาจริง ๆ เมย์คงเป็นลมกลางพิธีแน่” ฉันกับแม่ต่างมองหน้ากัน…ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันแบบไม่มีนัดหมาย ใบหน้าของเราทั้งคู่คล้ายกันอย่างประหลาด เศร้า…เหนื่อย…และทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรม “แม่ว่าแม่ยังไม่พร้อมมีลูกเขยเร็วขนาดนี้เลยลูก…” แม่พึมพำเบา ๆ น้ำเสียงปนขำปนเครียด “หนูก็ยังไม่พร้อมเป็นเจ้าสาวเหมือนกันค่ะ…” ฉันตอบกลับไปด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน เราต่างมองหน้ากัน…แล้วก็พากันทำหน้าเศร้าแบบเงียบ ๆ เงียบ…แต่เจ็บลึกมากแม่! “กลับเข้าห้องไปเถอะ ตรงนี้เดี๋ยวแม่เก็บล้างเอง” แม่บอกพลางเก็บจานตรงหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่อ่ะ เมย์อยู่ช่วยดีกว่า” ฉันรีบพูด ทั้งที่รู้ว่าแม่ไม่ยอมแน่ ๆ “ไม่ต้องเลย กลับห้องไปทบทวนหนังสือเถอะ เดี๋ยวตรงนี้แม่จัดการเอง” “งั้น…ไปก็ได้ค่ะ” ฉันตอบเสียงเบาแบบจำยอม ก้าวเท้าออกจากห้องครัวช้า ๆ แต่ในใจก็ยังรู้สึกไม่ค่อยอยากกลับห้องเลยสักนิด ฉันที่เดินกลับมาถึงห้องของตัวเองก็แทบไม่อยากขยับตัวไปไหนอีก ทันทีที่ประตูปิดลง ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม เสียงลมหายใจของตัวเองดังชัดในความเงียบ ราวกับความวุ่นวายบนโต๊ะอาหารเมื่อครู่ยังคงก้องอยู่ในหัว แผ่นหลังสัมผัสกับฟูกเย็น ๆ ทำให้รู้ตัวว่าทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าขนาดไหน ขาทั้งสองข้างยื่นออกนอกเตียงอย่างหมดแรง ขณะที่แขนข้างหนึ่งยกขึ้นปิดตา บางทีอาจเพื่อหลบแสงไฟ หรือไม่ก็เพื่อหลบความเป็นจริงที่กำลังประดังเข้ามา เสียงนาฬิกาดังติ๊ก ๆ อยู่อย่างนั้น คล้ายตอกย้ำว่าฉันกำลังใกล้เข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต การแต่งงานกับผู้ชายที่แทบไม่คุยกันเลย แม้จะบอกตัวเองให้ทำใจ แต่หัวใจก็ยังสั่นไหวทุกครั้งที่คิดถึงชื่อของเขา…พี่กองทัพ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม