“อุบัติเหตุเล็ก ๆ”

1532 คำ
– หลังเลิกเรียน – วันนี้ฉันตั้งใจจะรีบกลับบ้าน เพราะแม่โทรมาฝากให้แวะซื้อของเข้าบ้านนิดหน่อย เลยไม่อยากชักช้า กลัวแม่ต้องรอนาน ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านแล้ว รายการของที่ต้องซื้อก็มีไม่มาก…ซอสหอยนางรม น้ำปลา น้ำมัน หมู และไข่ จริง ๆ แม่ฉันก็ออกมาซื้อของเองได้นะ แต่ฉันว่าการที่ฉันแวะซื้อเข้าไปให้แบบนี้ มันน่าจะสะดวกกว่า แถมแม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินออกมาข้างนอกด้วย แต่พอฉันหยิบถาดไข่เสร็จแล้วกำลังจะเดินไปคิดเงิน เสียงคุ้นหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากข้างหลัง “ป้ากิ๊ฟฝากซื้อของเหรอ?” ฉันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองตามเสียง… ไม่ผิดแน่ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพี่กองทัพ เขาอยู่ในชุดเสื้อช็อปกับกางเกงยีนส์ธรรมดา ๆ แต่กลับดูดีเกินเหตุ จนฉันเผลอมองซ้ำอีกรอบแบบไม่รู้ตัว “อะ… ค่ะ แม่ฉันฝากซื้อของนิดหน่อย” ฉันตอบพลางหลบสายตา รู้สึกประหม่าแปลก ๆ ที่ดันมาเจอเขาในที่แบบนี้ “จะกลับยัง?” เขาถามต่อ น้ำเสียงยังเรียบเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ทำไม… มันกลับฟังดูอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด “ก็… จะไปคิดเงินแล้วก็กลับเลยค่ะ” ฉันตอบพร้อมขยับถาดไข่ในมืออย่างเก้ ๆ กัง ๆ โดยไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหนดี “อืม…” เขาตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปหน้าตาเฉย ฉันยืนมองตามหลังเขาไปอย่างงง ๆ “อะไรของเขาเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยทัก ทำเป็นนิ่งใส่ตลอด” ฉันพึมพำเบา ๆ พลางเลิกคิ้วใส่ตัวเองเหมือนต้องการคำตอบ “วันนี้ผีเข้าหรือเปล่าวะ… หรือเมื่อเช้าโดนแดดเผาจนเบลอ?” ฉันยกถาดไข่ขึ้นมากอดไว้แน่นอย่างเหม่อ ๆ ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วเดินไปทางแคชเชียร์ต่อ หลังจากที่ฉันคิดเงินเสร็จ ฉันก็จัดการเก็บของลงถุงเรียบร้อย ก่อนจะเตรียมตัวเดินกลับ พอเดินออกมาหน้าร้าน ฉันมายืนรอข้ามถนนตามปกติ มองซ้ายมองขวาอยู่สองสามรอบเพื่อเช็กว่ามีรถไหม แต่แล้ว… ยังไม่ทันก้าวเท้าข้ามถนนดี รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ พุ่งตรงมาทางฉันด้วยความเร็ว “เฮ้ย—!” ฉันได้แค่เบิกตากว้าง ร่างชะงักกลางถนน ไม่ทันได้ถอย ไม่ทันจะหนี… แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เสียงตะโกนก็ดังขึ้นพร้อมแรงดึงที่กระชากแขนฉันให้หลุดพ้นจากรัศมีของมอเตอร์ไซค์ “ระวัง!” ร่างฉันถูกดึงกลับเข้ามาชิดข้างทางชนิดที่หัวใจแทบจะกระเด็นออกจากอก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง… ก็พบเข้ากับใบหน้าเย็นชาของใครบางคนที่คุ้นตาเป็นอย่างดี พี่กองทัพ… “เป็นอะไรไหม” เขาถามเสียงนิ่ง หน้าตาก็ยังคงเฉยชาเหมือนเดิม “ไม่เป็นอะไรค่ะ แต่ของ…” ฉันพูดพร้อมก้มมองไปที่ถาดไข่ในถุงพลาสติกที่ตอนนี้แตกกระจายเกือบทั้งแผง “ช่างมัน เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่” เขาพูดต่อทันที น้ำเสียงเรียบแต่เด็ดขาด “แล้วเธอทำไมไม่ดูรถให้ดี ๆ อยากตายหรือไง” “ฉันก็ดูแล้วนะ ดูดีแล้วด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไม—” ฉันยังพูดไม่ทันจบ เขาก็สวนขึ้นมาก่อน “ไปขึ้นรถ กลับพร้อมฉัน” คำพูดของเขาทำฉันชะงักเล็กน้อย ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างงง ๆ “หืม?” “จะรอให้ฉันพูดอีกกี่รอบ?” เขาถามกลับ ดวงตานิ่ง ๆ คู่นั้นมองตรงมาอย่างไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ ฉันเม้มปากแน่นนิด ๆ ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “…ค่ะ” พอฉันกับเขาขึ้นมาบนรถ บรรยากาศก็เงียบสนิท… เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจตัวเองเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดอะไรเยอะแยะ เพราะพี่กองทัพก็ขึ้นชื่อเรื่องนิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เงียบขนาดนี้…มันก็เกินไปไหมวะ? ฉันแอบเหลือบมองเขาจากหางตา เขายังคงขับรถไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูด ไม่ถาม ไม่แม้แต่จะหันมามองฉันสักแวบเดียว โอเค… เข้าใจว่านิ่ง แต่นี่นิ่งจนเหมือนฉันเป็นอากาศไปเลยมั้ย? ถ้าแต่งงานกันจริง ๆ ฉันคงได้กลายเป็น “เจ้าสาวใบ้” ไปโดยปริยายแน่ ๆ และในที่สุด… รถก็แล่นมาจอดที่บ้านของฉัน ไม่สิ ต้องเรียกว่าบ้านของเขา เพราะฉัน…ก็เป็นแค่คนอาศัยเท่านั้นเอง ฉันเปิดประตูรถออกอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะก้าวลงมาแล้วปิดประตูตามด้วยเสียง “ปัง” เบา ๆ บรรยากาศยังคงเงียบ… เงียบจนฉันรู้สึกเก้อ ๆ อยู่หน่อย ๆ ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปเรียกเขา “นาย…” พี่กองทัพเงยหน้าขึ้นมองฉันผ่านกระจก “ขอบคุณนะ เรื่องเมื่อกี้…” เสียงฉันแผ่วลงนิดหน่อยในตอนท้าย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี พูดจบ ฉันก็หมุนตัวเดินไปยังประตูสำรองด้านข้าง ประตูที่มีไว้สำหรับคนงานหรือแม่บ้านเท่านั้น ประตูที่…สะท้อนสถานะของฉันในบ้านหลังนี้ได้ชัดเจนที่สุด พอฉันเดินเข้ามาในบ้าน กลิ่นอาหารหอมจาง ๆ ก็ลอยมากระทบจมูกทันที ฉันตรงดิ่งไปที่ห้องครัวตามสัญชาตญาณ พร้อมกับยกถุงของในมือขึ้นอย่างเหนื่อยล้า “แม่!” ฉันตะโกนเรียกเสียงดังลั่น เสียงหั่นผักหยุดลงทันที พร้อมกับเสียงโวยกลับมา “โอ้ยยย จะตะโกนทำไมเสียงดังลั่น! แม่ตกใจหมดเลยนะ ไอ้เมย์!” “ฮ่า ๆ ก็อยากเรียกนี่นา” ฉันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องชวนใจหายมาเมื่อครู่ แม่หันมามองพลางส่ายหน้า แล้วเดินเข้ามาหาฉัน “ไหนล่ะ ของที่แม่ฝากซื้อ?” “นี่ไง…” ฉันยื่นถุงให้ แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ แม่ก็เปิดถุงและหยิบกล่องไข่ออกไปดู ก่อนจะร้องเสียงหลง “ว้ายตายห่า! ทำไมไข่แตกยับเยินแบบนี้ ไปทำอีท่าไหนมานี่! โอ๊ยยย หัวจะปวด!” ฉันยิ้มแหย ก่อนถอนหายใจเบา ๆ “โธ่แม่… เมย์เกือบโดนรถชนนะ ดีที่คุณผู้ชายของแม่เขาดึงไว้ทัน เมย์เลยไม่เป็นไร แต่ไข่น่ะ…มันเลยต้องรับเคราะห์แทน” แม่เบิกตากว้างอย่างตกใจ “ตายจริง! แล้วคุณผู้ชายเป็นยังไงบ้าง!? เขาเจ็บตรงไหนไหม!?” ฉันชะงักกับคำถามนั้นไปเล็กน้อย แล้วมองแม่ด้วยแววตาเอือมระอา “แม่ นี่ลูกแม่นะ ลูกแท้ ๆ ยืนอยู่ตรงนี้ แม่ไม่คิดจะถามลูกก่อนเหรอ?” แม่หัวเราะเบา ๆ แล้วตบแขนฉันเบา ๆ อย่างหมั่นไส้ “ก็ลูกแม่น่ะมันแข็งแรง ใครเขาจะทำอะไรได้ล่ะเมย์! แต่คุณผู้ชายน่ะ…เขานุ่มนวล หน้าตาดี ใจดีด้วย แม่ก็ต้องห่วงเขาหน่อยสิ!” ฉันส่ายหน้าแล้วกลอกตาแรง ก่อนจะเดินหนีเข้ามุมครัวไปวางของ เหมือนจะลืมไปเลยว่าคนที่เกือบโดนชนวันนี้น่ะ “ฉันเอง” ไม่ใช่ “คุณผู้ชายของแม่!” ฉันยืนจัดของที่ซื้อมาเข้าตู้กับข้าวและตู้เย็นอย่างเป็นระเบียบ กว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร พอหันกลับไปมองหาแม่ว่าจะคุยด้วยอีกนิด กลับไม่เห็นเธออยู่ตรงนั้นแล้ว สงสัยจะเดินไปไหนต่อแล้วมั้ง… ฉันถอนหายใจเบา ๆ แล้วกำลังจะเดินไปล้างมือ เตรียมกลับห้องไปทบทวนรายงานที่อาจารย์เพิ่งมอบหมายให้ช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูห้องครัวดี เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นตรงหน้า ก่อนที่แม่จะมายืนดักฉันไว้เสียก่อน “อะไรอีกล่ะแม่…” ฉันเอ่ยถามอย่างเหนื่อยใจ แต่แทนคำตอบ แม่ก็ยื่นกล่องทำแผลเล็ก ๆ มาตรงหน้า “เอาไปทำแผลให้คุณผู้ชายของแม่หน่อย” เธอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อกี้แม่เห็นแวบ ๆ เหมือนตรงศอกกับหัวเข่าเขามีเลือดซึมออกมา” ฉันเลิกคิ้วทันที “แล้วทำไมแม่ไม่ขึ้นไปทำเองล่ะ เมย์ไม่อยากขึ้นไป” แม่ถอนหายใจพลางยกมือเท้าเอว “แม่ว่างที่ไหนกันล่ะ! เราก็เห็นอยู่ว่าแม่ยังยุ่งอยู่ตรงนี้ เมย์นั่นแหละขึ้นไปจัดการ รีบทำรีบเสร็จ ไม่ต้องทำตัวเป็นเด็ก” ฉันมองกล่องทำแผลในมือแม่ ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วพึมพำเบา ๆ อย่างไม่เต็มใจนัก “ก็แค่เลือดออกนิดหน่อยเอง ป่านนี้คงหายไปเองแล้วมั้ง…” แต่สุดท้ายก็ต้องยื่นมือไปรับกล่องมาจนได้ เพราะรู้ดี… ถ้าไม่ทำตาม แม่คงไม่ปล่อยฉันง่าย ๆ แน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม