บรรยากาศในห้องเรียนที่เคยคุ้นกลับดูแปลกตาไปในวันนี้
โต๊ะเรียนถูกจับจองแน่นเกือบทุกตัวเร็วกว่าปกติ เสียงพูดคุยในห้องเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จากที่เคยเป็นเพียงเสียงกระซิบ ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียงคุยแบบเปิดหน้าชัดเจน
แอร์ยังคงทำงานตามปกติ เสียงลมเย็น ๆ พัดแทรกผ่านห้อง แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ความวุ่นวายเบาลงเลยแม้แต่น้อย
นักศึกษาหลายคนเริ่มมองซ้ายขวาอย่างงุนงง บางคนถึงกับกระซิบถามเพื่อนว่า
“เฮ้ย ภาคไฟฟ้าเรียนรวมกับเราด้วยหรอวะ?”
เพราะตอนนี้—
กลุ่มนักศึกษาจากภาควิศวกรรมไฟฟ้า เริ่มทยอยเดินเข้ามาในห้องทีละกลุ่ม ทั้งเสื้อช็อปสีกรมที่โดดเด่น ทั้งท่าทางนิ่งขรึมและการวางตัวที่ต่างจากบรรยากาศเดิม ๆ ของห้องนี้ มันทำให้ใครหลายคนเผลอเหลียวมองตามโดยไม่รู้ตัว
เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเลือกนั่งแถวหลังเหมือนจงใจ เว้นระยะห่างจากกลุ่มเด็กภาคอื่น
แม้ไม่มีใครพูดอะไรมากนัก แต่ความเงียบขรึมของพวกเขากลับกลายเป็นจุดสนใจอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะบางคน… ที่แค่เดินผ่านเข้ามา ก็ดึงสายตาไปทั้งห้องแบบไม่ต้องพยายาม
ฉันเองก็รู้สึกได้—
แม้พยายามนั่งนิ่ง ไม่แสดงอะไร แต่บรรยากาศในห้องเรียนตอนนี้มันไม่ได้ปกติอีกต่อไป
“ไอกอง มึงไปนั่งตรงนั้นแล้วกัน”
เสียงของพี่แทนไทดังขึ้นเบา ๆ แต่ชัดเจนพอจะทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย
เขาพยักเพยิดไปทางเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง เก้าอี้ที่อยู่ ข้างฉันเอง ใกล้… จนรู้สึกถึงแรงอึดอัดที่แผ่ซ่านมาก่อนคนจะมาถึง
ฉันเบือนหน้าหนีโดยอัตโนมัติ พยายามทำตัวเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
พี่กองทัพไม่ได้ตอบอะไร ไม่แม้แต่จะพยักหน้ารับคำ
เขาเพียงหันมามองฉันเงียบ ๆ ด้วยสายตานิ่งเรียบ สายตาแบบที่ฉันไม่เคยอ่านออก
ก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงช้า ๆ ราวกับไม่เร่งรีบ… แต่ทุกฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา กลับหนักแน่นจนฉันเผลอกำมือแน่น
เสียงอาจารย์เริ่มดังขึ้นหน้าห้อง ขณะอธิบายสไลด์ตรงนั้นตรงนี้ ฉันพยายามตั้งใจฟัง ไม่อยากให้ตัวเองวอกแวกไปกับคนข้างตัวมากนัก
แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ตลอด…
บางจังหวะ…ฉันก็เผลอแอบเหลือบมองเขา
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจจะเพราะเขานิ่งเกินไป… เงียบเกินไป… จนฉันอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่ไม่นานเสียงอาจารย์ก็เรียกสติฉันให้กลับมาเต็ม ๆ
“เอาล่ะ เดี๋ยววันนี้อาจารย์จะสั่งรายงานให้นะคะ เป็นงานคู่เล็ก ๆ ไม่ต้องเครียดนะ โดยมีเงื่อนไขว่า…
ปีหนึ่งทุกคนต้องจับคู่กับรุ่นพี่ภาคไฟฟ้า”
เสียงในห้องเริ่มดังฮือกันทันที แทบทุกคนหันไปมองหน้ากันตาโต
“จะคู่กับใครก็ได้ค่ะ อาจารย์ไม่ห้ามนะ จะชายหญิง หรือหญิงหญิงก็ได้ ไม่มีปัญหา ขอแค่มีรุ่นพี่ภาคไฟฟ้าคนหนึ่งในคู่ของตัวเอง แค่นั้นพอ”
โอ้โห…
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง แอบถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ
นี่มันอะไรอีกเนี่ย…
จะบังเอิญไปไหม ที่วันนี้ดันเรียนรวม
แล้วอาจารย์ก็เล่นสั่งจับคู่กับ “รุ่นพี่ภาคไฟฟ้า” พอดีอีก…
สายตาจากเพื่อนรอบตัวเริ่มวิ่งว่อน บ้างมองไปที่กลุ่มรุ่นพี่ บ้างหันมาซุบซิบข้างหูกันยกใหญ่
ส่วนฉันน่ะเหรอ…
แค่หันไปมองด้านข้าง ก็เจอสายตาเรียบนิ่งของพี่กองทัพที่เหมือนจงใจรอให้ฉันหันไปหาอยู่ก่อนแล้ว
“เรามีเรียนกันอีกทีวันจันทร์หน้า อาจารย์นัดส่งจันทร์หน้าเลยนะคะ หัวข้อตามที่อาจารย์สอนวันนี้เลยค่ะ”
เสียงอาจารย์พูดชัดถ้อยชัดคำก่อนจะกดรีโมตเปลี่ยนสไลด์สุดท้ายขึ้นมา
เสียงฮือฮาในห้องยังไม่จางหาย
บางคนเริ่มหันไปคุยกับเพื่อน บางกลุ่มเริ่มทาบทามรุ่นพี่อย่างไม่อ้อมค้อม
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง ไม่รู้จะเริ่มยังไง
ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันควรหันไปถามใคร หรือควรรอให้โชคชะตาเล่นตลกกับฉันอีกครั้งเหมือนที่ผ่านมา
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ตัดสินใจ…
เสียงผู้หญิงหวาน ๆ จากด้านหน้าก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เอ่อ… พี่กองทัพมีคู่ทำรายงานหรือยังคะ?”
เสียงนั้นดังไม่มาก แต่ก็ดังพอจะทำให้ฉันหันไปมองอย่างเผลอไผล
“พอดีแนนยังไม่มีคู่ค่ะ ถ้า—”
คำพูดของเธอยังไม่ทันจบดี เสียงทุ้มต่ำก็ดังแทรกขึ้น เสียงที่เรียบนิ่งแต่หนักแน่นจนทั้งกลุ่มเงียบกริบ
“โทษที มีคู่แล้ว”
เขาพูดโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ
แต่กลับหันมามอง… ฉัน
สายตาของเขานิ่ง เรียบ และแน่วแน่ ราวกับไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้งหรือเข้าใจผิดได้อีก
จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำข้างตัวก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่แม้จะพูดแค่ไม่กี่คำ…
แต่กลับดังชัดในหัวใจยิ่งกว่าคำพูดของอาจารย์เสียอีก
“ไม่ต้องหาคู่”
“เธอจับคู่กับฉัน”
“ห๊ะ!!”
ฉันร้องออกมาเบา ๆ อย่างตกใจ พร้อมชี้นิ้วใส่ตัวเองโดยไม่ทันคิด
“ฉันเหรอ?”
เขาไม่ได้ตอบ… แค่เลื่อนสายตานิ่ง ๆ มองมาทางฉันอย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนคำพูดของเขามันชัดเจนอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องอธิบายซ้ำ
ฉันกระพริบตาปริบ ๆ ทำอะไรไม่ถูก สมองยังประมวลผลไม่ทันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คู่? คู่กับเขา? จริงเหรอ?
เสียงเพื่อนบางคนที่นั่งใกล้ ๆ แอบบ่นเสียดายเบา ๆ แต่ก็พอให้ฉันได้ยินเต็มสองหู
“โธ่… เสียดายอ่ะ กูอุตส่าห์เล็งพี่กองทัพไว้ตั้งแต่เปิดเทอมแล้วเชียว”
“อดคู่กับคนหล่อเลยอะ ฮือออ”
ฉันได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาใครต่อใครที่เริ่มหันมามอง
ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ดี
ยิ่งพอหันไปมองคนข้างตัว ที่ยังคงนั่งนิ่งหน้าตายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนบังคับกลาย ๆ ให้ยอมรับโดยปริยาย
ฉันขยับตัวเล็กน้อย พยายามเบี่ยงหนีระยะห่างที่ใกล้เกินไป
ยังไม่ทันได้คิดจะพูดอะไร เสียงเขาก็พูดต่อกับแนนแบบเรียบ ๆ โดยไม่แม้แต่จะหันมามอง
“เธอหลบไปหน่อย ยืนบังสไลด์”
คำพูดนั้นทำเอาแนนชะงัก ก่อนจะรีบถอยกลับไปที่เดิมอย่างเงียบ ๆ
บรรยากาศรอบตัวดูจะเงียบลงไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงกระซิบกระซาบของเพื่อน ๆ จะค่อย ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง
ฉันรู้สึกถึงแรงจ้องจากใครหลายคนรอบตัว เหมือนกลายเป็นเป้าสายตาแบบที่ไม่ได้ตั้งใจจะเป็น
ทั้งที่ฉันไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่ฉันยังไม่ได้แม้แต่จะตกลง… แต่แววตานิ่ง ๆ ที่เขาหันมามองเมื่อครู่นี้ มันชัดเจนกว่าคำพูดเสียอีก
ฉันถอนหายใจเบา ๆ ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก พยายามทำเป็นสนใจเนื้อหาที่อาจารย์กำลังสอน แม้ว่าคำว่า “จับคู่กับฉัน” จะยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุดเลยก็ตาม…
หลังจากอาจารย์ปล่อย พวกกลุ่มของพี่หมอกก็ทยอยลุกออกจากห้องไปก่อน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอายความสงบนิ่งแบบประหลาดที่ยังลอยค้างอยู่
และทันทีที่ประตูปิด เสียงนินทาแบบไม่เก็บอาการของแจมก็ดังขึ้นทันที
“มึง เห็นหน้าตอนที่พี่กองทัพบอกไอแนนเรื่องยืนบังสไลด์ป่ะ หน้านางแบบ… หน้าเหวอขั้นสุด กูกั้นขำแทบตายอะ!” แจมแทบจะฟาดโต๊ะ
“จริง สติหลุดเลยตอนนั้น!” นุ่นรีบเสริม สีหน้าตื่นเต้นเหมือนได้ดูหนังตลก
น้ำหวานหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาอยากรู้สุดขีด “แล้วนี่เมย์ คู่กับพี่กองทัพเลยนะ มึงโอเคเปล่าวะ?”
ฉันยังไม่ทันตอบ แบมแบมก็โพล่งขึ้นมาอย่างคาใจ
“เออ แล้วพี่กองทัพแม่งเลือกคู่กับมึงได้ไงอ่ะ มึงไปทำอะไรไว้หรือเปล่า?”
ฉันถอนหายใจเบา ๆ พยายามไม่แสดงสีหน้าหนักใจออกมา
“ไม่รู้ดิ… เขาคงเห็นกูนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วไม่รู้จะเลือกใครมั้ง”
แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่ลึก ๆ แล้ว… ฉันเองก็สงสัยไม่ต่างกันเลย ว่าทำไมถึงต้องเป็น ฉัน… ทั้งที่คนอื่นก็ยื่นไมตรีให้เขาตั้งหลายคน
หรือว่า… เขาแค่ กันท่า ไม่ให้ใครเข้ามา?
หรือว่า…
ไม่สิ เมย์ อย่าคิดไปไกล… เขาคงแค่ขี้เกียจหาใหม่