“ชื่อเธอมันแปลว่าอะไร”
มาเรียสจำได้ว่าเขาเคยถามเธออย่างนี้หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาล หญิงสาวที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบห้าแต่รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากเด็กสิบขวบ ใช้ดวงตากลมโตดำขลับที่เต็มไปด้วยน้ำตาและขอบตาแดงระเรื่อเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจ้องมองเขา ใบหน้าเล็กๆ ขาวจัดจนแทบจะละลายหายไปกับแสงแดดที่ส่องลอดผ่านม่านในโรงพยาบาลเข้ามา
“ชื่อหนูแปลว่ากระต่ายค่ะ”
เด็กสาวในวันวานตอบเขาอย่างนั้น และนั่นเป็นครั้งแรกที่มาเรียสได้เห็นคนที่มีชื่อสมตัวถึงเพียงนี้ ร่างเล็กถูกห่อหุ้มด้วยชุดกันหนาวตัวใหญ่ที่มีขนฟูฟ่องสีขาวปกคลุมจนดูเหมือนกับกระต่ายน้อยสักตัว ร่างเล็กๆ ในมือยังมีตุ๊กตากระต่ายเก่าๆ ตัวหนึ่งถือไว้แน่น ยามเมื่อเธอเห็นเขาปรายตามอง ใบหน้าเล็กก็พลันแดงจัด ซ่อนเจ้าสิ่งนั้นไว้เบื้องหลังด้วยความอับอาย
“แรบบี้เป็นของดูต่างหน้าพ่อกับแม่ เวลาหนูกลัวจะต้องมีมันอยู่ด้วย แม่บอกว่ามันจะช่วยให้หายกลัวได้ถ้าหนูกอดมันเอาไว้แน่นๆ หนูเอามันมาด้วยเพราะหนูกลัวว่าคุณจะตาย... หนู... ฮึก หนูไม่อยากให้คุณตายเพราะหนู... หนูขอโทษนะคะ”
แล้วเด็กสาวคนนั้นก็ร้องไห้ต่อหน้าเขาด้วยท่าทีน่าสงสาร มาเรียสได้แต่มองภาพนั้นเพราะเขาไม่อาจขยับตัวได้เพราะยังบาดเจ็บมากอยู่ กระนั้นเขาก็อดยิ้มกับความห่วงใยเล็กๆ ที่เธอมีต่อเขาไม่ได้
ซึ่งหลังจากนั้นเขากลับไม่ค่อยได้เจอเธอ ทว่ากลับจดจำเธอได้เสมอ
เจลกา...เหมือนกระต่ายตัวเล็กๆ ขี้ตื่น ขี้กลัว หากในยามปกติกลับนิ่งและดูหยิ่งเสียจนเอาใจไม่ถูก
เธอในความทรงจำของเขาเป็นเช่นนั้นเสมอมา
“ทำไมเจ้าพวกนี้มันเพิ่มขึ้นล่ะ”
เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง และนั่นทำให้เจลกาถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนเจ้าหล่อนจะหันขวับแล้วใช้ดวงตาโตสีดำขลับจ้องมองชายหนุ่มด้วยลักษณะตื่นตระหนก ท่าทางไม่ผิดจากเหล่ากระต่ายในกรงพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“คุณมาเรียส”
เธอเรียกชื่อเขาราวกับตกใจ ส่งผลให้เจ้าของชื่อขมวดคิ้วมุ่นนิดๆ
“ตกใจอะไรกัน”
เขาถามออกมา ทว่ากลับไม่สนใจเอาคำตอบ ร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเบียดแทรกตัวเองมาอยู่หน้ากรงกระต่ายแทนที่เธอ
“ว่ายังไง ทำไมจู่ๆ เจ้าพวกนี้มันเพิ่มขึ้นมาอีก”
ดูเหมือนเขาจะจำได้ว่าเธอขอเลี้ยงพวกนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน อาจจะห้าหกปีที่แล้วกระมัง ตอนนั้นเขาอนุญาตไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจอะไรมาก ตราบเท่าที่มันไม่ได้ขึ้นมาบนบ้านและทำให้เขาขวางหูขวางตา แต่เขาจำได้ว่ามันมีคู่เดียว ทว่าตอนนี้กลับมีมากถึงสิบตัว พวกมันน่าจะเป็นพันธุ์มินิลอปเนื่องจากลักษณะหูยาวตกลงมา มาเรียสอดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วแหย่เข้าไปในกรง แล้วกระต่ายพวกนั้นก็กระโดดหนีให้พ้นมือเขาไปคนละทิศละทาง
เจลกาจ้องมองคนตัวสูงหน้าดุที่แหย่กระต่ายด้วยความรู้สึกพูดไม่ออก หญิงสาวต้องกำมือแน่นห้ามไม่ให้ตัวเองยื่นมือไปตีมือใหญ่สีแทนที่ตามราวีกระต่ายของเธอ หากเป็นเพื่อนสนิทของเธอละก็ รับรองว่าเธอจะต้องต่อว่าเขาที่กล้ามาแหย่สัตว์เลี้ยงแสนรักของเธออย่างนี้แล้ว
“พอดีว่าธอร์กับเจน” เธอชี้ไปยังกระต่ายสองตัวที่อยู่ข้างกันในมุมหนึ่ง “ตั้งท้อง หลังจากนั้นมันก็ออกลูกมาน่ะค่ะ เจก็เลี้ยงพวกมันมาเรื่อยๆ”
หญิงสาวตอบขณะที่มาเรียสพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ
“แล้วทำไมถึงออกมาหาพวกมันเวลานี้”
เขาเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นมือไปปัดเอาเศษหญ้าของคนที่มุดเข้ากรงกระต่ายก่อนที่เขาจะมาถึงออกจากศีรษะให้เธอไปด้วย
เจลกาตัวแข็งทื่อกับความใกล้ชิดโดยไม่ทันตั้งตัว เธอกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งรู้สึกอึดอัดถึงได้รู้ว่าตนเองทำอย่างนั้น
“ก็เจกลัวพวกมันจะหนาว แล้วก็มาเช็กดูว่ามีคนให้อาหารมันหรือยังน่ะค่ะ”
และก็พบว่าแม้จะให้อาหารแล้ว แต่น้ำพวกนั้นเย็นจัดเกินไปจนเธอกลัวว่าพวกมันจะไม่สบายเอาได้ หญิงสาวนึกดีใจที่ตนเองหยิบเอาอาหารกับน้ำติดมือมาด้วยเลย
เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นวันหยุดยาว ทุกปีป้ามักจะให้คนงานส่วนใหญ่กลับบ้านได้อยู่แล้ว ส่วนนี้เป็นคำสั่งของมาเรียสเองที่ต้องการอย่างนั้นและชายหนุ่มก็จะกลับมาอยู่ที่บ้านช่วงเวลานี้เกือบทุกปี เธอเองก็เช่นเดียวกัน กระทั่งเมื่อปีที่แล้วเธอไม่ได้กลับมา และช่วงเวลาที่เธอกลับมาก็มักจะไม่ตรงกับชายหนุ่ม เพราะเขาไม่เคยอยู่นานเลยสักครั้งเดียว ส่งผลให้สามปีหลังนี้เธอกับเขาคลาดกันมาตลอด
“เสร็จหรือยัง”
ชายหนุ่มถาม เลื่อนสายตามองออกไปข้างนอกโรงเลี้ยงสัตว์ที่นอกจากกระต่ายพวกนี้แล้ว ก็มีกรงสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้อยู่สองสามตัว ก่อนจะไปจบอยู่ที่ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของหญิงสาวที่ง่วนเปลี่ยนน้ำให้กระต่ายและเลยไปถึงสุนัขทั้งสามตัว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
กระทั่งทำเสร็จแล้วเธอจึงตอบคำถามของเขา มาเรียสพยักหน้ารับแล้วออกคำสั่ง
“กลับกันเถอะ”
เขาสั่งง่ายๆ ก่อนจะเดินนำออกไป ก่อนจะหยุดท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปรายเพื่อมองหญิงสาวที่ปิดประตูโรงเลี้ยงสัตว์และร่างเล็กก็เดินตามหลังเขามา
ชายหนุ่มเหลียวมองร่างเล็กที่กำลังทุลักทุเลกับการย่ำเท้าลงบนกองหิมะ เธอเซไปเซมาตามแรงลมจนเขาทนดูไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหันหลัง หมุนตัวไปดึงมือเล็กกระชากเข้ามาหาตัวเองจนเธอเซถลาเกือบล้ม เขาสอดมือรัดรอบหน้าอกของเธอแน่น ท่อนแขนแกร่งสัมผัสได้ถึงทรวงอกนุ่มที่ทำให้เขาถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจว่าเธอก็มีมันด้วย ไม่คิดว่าร่างเล็กๆ อย่างนี้จะมีหน้าอกอยู่เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะพูดออกไป
“คุณมาเรียส!”
เจลกาเรียกชื่อเขาอย่างตื่นตระหนก แม้อากาศข้างนอกจะเย็นเฉียบ แต่เธอกลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้าเมื่อถูกคนตัวโตกว่าจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อรับรู้ว่าท่อนแขนแกร่งกำลังเบียดชิดกับหน้าอกของเธอ
“ฉันอุ้มเธอไปแบบนี้นี่แหละดีแล้ว เพราะถ้าปล่อยให้เธอเดินเอง ขาสั้นๆ อย่างนี้อีกชั่วโมงก็ไม่ถึงบ้านหรอก ไม่ก็เธออาจจะสะดุดล้มตายอยู่ใต้กองหิมะ ฉันไม่อยากให้เจนนี่ต้องมาเสียใจที่หลานสาวตายเพราะเรื่องโง่ๆ แบบนี้”
คำพูดจิกกัดนั้นทำให้เธอได้แต่อ้าปากค้าง ก็รู้อยู่หรอกว่ามาเรียสไม่ใช่คนนิสัยดี เขาเก่งนักเชียวล่ะเรื่องเสียดสีให้คนฟังรู้สึกเจ็บแสบ แต่กลับไม่เคยโดนมาด้วยตัวเองอย่างนี้
เธอว่าที่เขาเป็นมหาเศรษฐีคนเดียวที่อยู่ในกลุ่มห้าปีศาจผู้โด่งดังแต่กลับมีข่าวน้อยมาก ทั้งๆ ที่ควงแต่พวกนางแบบ เซเลบริตี้หรือลูกสาวพวกผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย คงเป็นเพราะส่วนหนึ่งนอกจากเขาจะมีเส้นสายในวงการสื่อแล้ว อาจจะเป็นเพราะนิสัยอย่างนี้ทำให้ไม่มีนักข่าวคนไหนอยากสัมภาษณ์เขาให้มาเสียดสีตัวเองเล่นๆ เช่นนี้ก็ได้
โอเค เธอก็แค่มโนไปเอง เธอทำงานด้านนี้รู้ดีว่าที่มาเรียสเป็นข่าวน้อยมากเพราะเจ้าตัว ‘ไม่ต้องการ’ นั่นแหละคือสิ่งสำคัญ ปาปารัซซี่แทบจะถ่ายรูปเขาได้น้อยมากเพราะเชาปิดตัวเองอยู่เสมอ รอบตัวเขานั้นเธอรู้ดีว่าเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดมากขนาดไหน
“เจเดินเองได้ค่ะคุณมาเรียส ปล่อยเจลงเถอะ”
หญิงสาวร้องขอเมื่อชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนแน่น ตอนนี้เขาอุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงแล้วก้าวเดินท่ามกลางหิมะโปรยปรายอย่างรวดเร็ว
“ก็บอกแล้วว่าฉันพาเธอกลับไปจะไวกว่า” เขาตอบเสียงเฉียบขาดขณะที่ก้าวยาวๆ พาเธอเดินกลับไปยังคฤหาสน์วาคอนซีเลสอย่างรวดเร็ว
เจลการู้แน่แล้วว่าตนเองไม่อาจต้านทานความต้องการของเขาได้ จึงได้แต่ยินยอมให้เขาพาเธอกลับบ้านไปแต่โดยดี
เขาช่างไม่รู้เลยว่าการทำแบบนี้นั้นกำลังทำให้หัวใจของเธอนั้นสั่นไหวมากแค่ไหน ความใจดีเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาหยิบยื่นให้เพราะเห็นแก่ป้าของเธอนั้นกำลังทำให้เธอตกหลุมรักเขามากยิ่งขึ้น และเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนระยะเวลาที่ห่างกันไปนั้นไม่ได้ช่วยให้เธอตัดใจจากเขาได้เลย
เจลกาแอบซุกใบหน้าแนบกับแผ่นอกของเขา แตะนิดๆ อิงแอบเพียงแผ่วเบาไม่ให้เขารู้ตัว แก้มของเธอแตะถูกบริเวณผ้าเย็นเฉียบของเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่เขาสวม แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
ท่ามกลางหิมะโปรยปรายที่ทำให้คฤหาสน์วาคอนซีเลสดูเลือนลางโดดเด่นราวกับปราสาทในเทพนิยาย เจลกากลับรู้สึกอยากหยุดช่วงเวลานี่เอาไว้ให้นานที่สุด…
...อยากให้ช่วงเวลาที่เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้หยุดนิ่งไปตลอดกาล…