ตอนที่ 10

2380 คำ
  ยังคงอยู่ที่หน้าห้องนอนของนายแบบหนุ่ม  “คือเมื่อเช้านี้เสือลืมทายาที่หลังให้เราน่ะ เราเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้เลยนุ่งผ้าขนหนูมา เสือจะได้สะดวกเวลาทายาที่หลังให้เรา”  “เดี๋ยวนะ ไอ้หลอดสีขาวน้ำเงินนั่นเป็นยาทาแก้ฟกช้ำของปีโป้หรอ..”  “ใช่ ก็ยาแก้ฟกช้ำที่เสือทาให้เราทุกวันไง มีอะไรหรือเปล่า!..”  มาถึงจุดนี้ผมถึงกับไปไม่เป็น ความรู้สึกไม่ดีมันทำให้คนคิดเลอะเทอะได้ขนาดนี้เลยหรือไง (ไอ้เสือบ้าเอ้ย ไอ้เราก็หลงคิดไปว่ามันเป็นน้ำยาหล่อลื่นซะอีก เห็นมันเป็นหลอดสีขาวน้ำเงิน มึงจะอยากได้เขาขนาดนี้ไม่ได้นะเสือ จำไว้นั่นเขาเป็นเพื่อนมึงนะ จำไว้สิ!!) ผมก่นด่าตัวเองในใจกับความคิดไม่ซื่อที่เกิดขึ้น  “อ๋อเปล่าหรอก จะทายาใช่ไหมเข้ามาในห้องเสือก่อนสิ หรือจะให้เสือทาตรงนี้เลย”  “ไปทาหน้าโต๊ะแต่งตัวดีกว่า”  “ไปสิ เดี๋ยวเราทาให้เอง จะว่าไปใส่ผ้าขนหนูมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ยาจะได้ไม่เลอะเสื้อปีโป้ด้วย”  “โอเคเดี๋ยวต่อไปทุกครั้งที่เราจะให้เสื้อทายาให้เราจะใส่ผ้าขนหนูแบบนี้มาทุกครั้งเลยนะ”  “จัดไปเลยเพื่อน”  ผมตอบรับข้อเสนอแนะของปีโป้ในการทายาแก้ฟกช้ำตามร่างกายของเขาที่ยังหลงเหลือร่องรอยอยู่ไม่มากนัก มันทำให้ผมได้เห็นความขาวเนียนทั่วแผ่นหลังของปีโป้ได้ชัดขึ้น ตั้งแต่ทายาตัวนี้มารอยฟกช้ำเริ่มจางหายเผยให้เห็นผิวที่ขาวเนียนชวนลูบไล้มากกว่าตอนแรก  “เสือดูแปลกไปนะตั้งแต่เมื่อเช้าละ มีอะไรอยากปรึกษาเราปรึกษาได้นะไม่ต้องเกรงใจ”  “เราไม่ได้เป็นอะไร เราก็ปกตินั่นแหละแต่อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเช้านี้เราเป็นห่วงย่ามากเลยทำให้ปีโป้ได้เห็นอาการแบบนั้นไป”  ปีโป้เดินตรงไปที่โต๊ะแต่งตัวที่อยู่ปลายเตียงของผมก่อนจะนั่งลงหันหน้าเข้าหากระจกจึงเป็นการหันหลังให้ผมโดยอัตโนมัติ (ผู้ชายอะไรหุ่นสวยเหมือนกับผู้หญิงเลย) ผมคิดในใจอย่างอดไม่ได้ ที่คนตรงหน้ากำลังเหมือนทอดร่างกายให้ผมเชยชม ขณะที่ปลายนิ้วมือข้างถนัดทำหน้าที่ลูบไล้ตัวยาบนลงไปบนรอยฟกช้ำไปมาช้าๆ มันทำให้ปลายนิ้วผมได้สัมผัสกับความเนียนนุ่มของแผ่นหลัง ทั้งที่ใจแท้จริงของผมอยากจะลูบไล้ทั้งสองมือเสียด้วยซ้ำ แต่เกรงจะทำให้ความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของเราต้องจบลงเพราะการกระทำที่ย่ามใจของผม ผมจึงทำได้เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วลูบไล้แค่บริเวณรอยดังกล่าวเท่านั้น แต่มันก็เกือบจะทั่วเรือนร่างที่ชวนหลงใหลแล้ว ผมยังคอยจับจ้องโลมเลียแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเพื่อนรักไม่วางสายตา…  “เสือชอบเราหรอ!!”  ผมสะดุ้งสุดตัวหลอดยาที่อยู่ในมือร่วงลงกับพื้นไม่เป็นท่า สายตาของเจ้าของแผ่นหลังมองมาที่ผมผ่านกระจกด้านหน้าด้วยสายตาเว้าวอนอยากจะรู้คำตอบจากปากของผมให้ได้ เมื่อเห็นดังนั้นผมสติหลุดไปห้าวินาทีเห็นจะได้ สีหน้าผมเริ่มถอดสี มือไม้สั่น เหงื่อแตกไหลพรากอีกครั้ง ทันทีที่ได้ยินคำถาม…  “คือเสือ.. เสือ..”  “เราก็ชอบเสือเหมือนกันนะ!!”  ผมแทบลมจับเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปากคนที่ผมกำลังคลั่งไคล้อยู่ตอนนี้ ขณะที่ผมกำลังจะตอบคำถามจากเขาด้วยอาการตะกุกตะกัก มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ยที่ปีโป้ก็ชอบผมเหมือนกัน  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรหรือตอบคำถามใดๆ ผมมาได้สติแบบจริงจังอีกครั้งบนเตียงนอนของผมเองโดยมีปีโป้เพื่อนใหม่ของผม ที่ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไร้ผ้าขนหนูผืนสีขาวนั้นกำลังทาบทับบนร่างของผมอยู่ ดวงตาคู่สวยจับจ้องดวงตาผมอย่างไม่กระพริบ เรียวปากสวยเป็นกระจับมันช่างดูอวบอิ่มเชิญชวนให้ลิ้มรสเสียเดี๋ยวนั้น ฝ่ามือเรียวเล็กข้างไม่ค่อยถนัดสอดรัดมาโอบอุ้มลำคอผมไว้เหมือนกำลังจะเชื้อเชิญให้ผมได้ลิ้มรสเรียวปากชมพูระเรื่อนั่น ในขณะที่มือเรียวอีกข้างที่แสนถนัดมันได้ล้วงหายเข้าไปในขอบกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวน้อยของผมอย่างเสียวซ่านแล้วคลึงเคล้นแก่นกายของผมสนุกมือ  ทันใดนั้นผมจึงเริ่มปฏิบัติตามเสน่หาเชื้อเชิญทันที โดยยกมือแกร่งทั้งสองข้างกอดรอบลำคอระหงษ์ค่อยๆ โน้มลงมาใกล้ใบหน้าของผม ก่อนผมจะใช้ริมฝีปากหนานุ่มไปสัมผัสลิ้มรสความหวานจากเรียวปากคนตรงหน้าอย่างไม่รีรอ ทันทีที่ริมฝีปากของเราชนกันมันทำให้ผมอารมณ์แตกซ่านไปทั่วร่าง เหมือนรสชาติใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองแต่ตอนนี้ผมได้ลองแล้วแล้วจะไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปนับจากนี้ ผมพยายามบดเบียดริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากเล็กนั้นไปมาเพื่อให้ริมฝีปากของกันและกันได้ลิ้มรสชาติอันหอมหวานที่ปรารถนามานานแสนนาน ผมค่อยๆ ส่งปลายลิ้นเข้าไปในช่องปากของคนตัวเล็กเพื่อหาความหวานและรสชาติใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ฝ่ามือกร้านของผมกวัดแกว่งไปมาบนด้านหลังเนียนนุ่ม บ้างก็เคลื่อนไปที่บั้นท้ายอันกลมกลึงสลับกันไปมาช้าๆ มันเป็นสัมผัสใหม่ที่ผมยากจะลืมเลือน ยิ่งผมได้ใช้ปลายนิ้วกลางค่อยๆ กรีดร่องก้อนกลมนูนนุ่มขาวเนียนทั้งสองข้าง มันทำให้ผมได้สัมผัสถึงหุบเขาอันน่าพิศวง ทันทีที่ปลายนิ้วผมสัมผัสหุบเขาอันน่าพิศวงมันก็ส่งผลให้ปีโป้เกร็งลำตัวสะท้านกอดคอผมแน่นพร้อมทั้งหายใจเฮือกใหญ่ราวกับจะขาดใจบนอ้อมกอดผม เมื่อผมเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกย่ามใจแล้วใช้ปลายนิ้วเดิมสะกิดจุดนั้นเล่นขึ้นลงไปมาอยู่ชั่วครู่ ปีโป้ถึงกับร้องครางไม่เป็นภาษา ดิ้นพรานกอดคอผมแน่นไม่วางมือ  “นายอย่าแกล้งเราสิเสือ เราเหนื่อยแล้วนะ ถ้านายไม่รังเกียจเราว่าเคยมีแฟนแล้วจะทำอะไรก็ทำเถอะ แกล้งเราอยู่ได้งั้นเราก็กลับห้องแล้วนะ”  ผมส่งยิ้มชอบใจให้กับคนบนตัวผมก่อนจะรีบกอดคอคนตัวเล็กไว้แน่นเพราะเห็นว่าเขากำลังจะเตรียมลุกออกจากตัวผมไป ทันทีที่ผมได้ยินคำอนุญาตจากคนเชื้อเชิญผมก็ไม่รอช้ารีบปฏิบัติตามคำอนุญาตนั้นแทบจะทันทีและสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนในช่วงสายวันนั้น ก็คือคำตอบว่าผมรู้สึกยังไงกับปีโป้      ณ บ้านเรือนไทยสไตล์โมเดิร์น  “พ่อโชค วันนี้หมอสิงห์โทรมาหรือยังลูก”  “ยังเลยครับแม่ ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าลูกผมคิดอะไรอยู่ นี่มันก็จะเดือนนึงแล้วนะยังไม่ติดต่อกลับมาบ้านอีก ถ้าไม่ติดว่าลูกเสือบอกว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ผมคงเป็นบ้าเป็นหลังมากกว่านี้แน่เลยแม่”  “อย่าไปว่าลูกเลยพ่อโชค หมอสิงห์คงมีเหตุผลของเขาไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตัดสินใจแบบนั้นหรอก แม่เชื่อว่าสักวันหนึ่งหมอสิงห์ต้องติดต่อกลับมาหากพวกเราลูก”  ฉันเดินเข้าไปวางมือบนบ่าของลูกชายเพื่อจะปลอบโยนคลายความไม่สบายใจของเขาลง โดยตัวฉันเองก็อดเป็นห่วงหลานคนโตในบ้านไม่ได้เช่นกัน แต่จะให้ทำยังไงได้เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องช่วยให้กำลังใจกันไปเพื่อวันหนึ่งคนที่เรารักจะกลับมาอย่างปลอดภัย    ณ คอนโดนายแบบหนุ่มมาดเซอร์  “มานี่ๆ ดูซิว่าเสือเอาอะไรมา นี่ไงกับข้าวฝีมือย่าของเสือ มีหลายอย่างเลยนะย่าบอกว่าอยากให้ปีโป้ได้กินฝีมือย่าบ้าง กินแต่ฝีมือของเสือคงจะเบื่อแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าปีโป้เบื่อฝีมือการทำอาหารของเราหรือยังน๊า..”  ผมเดินเข้าไปจูงปีโป้มาจากห้องนั่งเล่นขณะที่เขากำลังนั่งดูซีรีย์เกาหลีอยู่คนเดียว เนื่องจากผมออกไปทำธุระข้างนอกเลยแวะไปบ้านเรือนไทยของย่า ก็พบว่าย่าเพิ่งทำอาหารเสร็จใหม่ๆ กลิ่นหอมหวลชวนท้องร้องมาก เลยขออนุญาตแบ่งอาหารบางส่วนกลับมาให้ปีโป้ได้ลองทานฝีมือของย่าผมบ้าง  “ทำไมเสือพูดแบบนั้นล่ะ เราไม่มีวันเบื่อฝีมือการทำอาหารของเสือหรอกนะ ถึงจะทำเมนูซ้ำๆ ทุกวันให้เรากินไปจนแก่ตายเราก็ไม่เบื่อ..”  ผมพาปีโป้มานั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ พอได้ยินคำพูดของเขาแบบนั้นก็ทำให้ผมแอบหลงดีใจไม่ได้ก่อนจะแก้เขินด้วยการก้มลงไปหอมที่หัวของเขาหนึ่งที  “ปากหวานจังเลยนะ ไหนดูซิถ้าได้ลองชิมฝีมือของย่าเสือแล้ว ยังจะปากหวานกับเสืออยู่หรือเปล่า..”  ทันทีที่ผมเปิดกล่องบรรจุอาหารอย่างดี แล้วนางกล่องอาหารเหล่านั้นมาจัดเรียงบนโต๊ะทานข้าว ทำให้ปีโป้ถึงกับร้องอุทานด้วยความตกใจ  “โห! เยอะแยะไปหมดเลยน่ากินทุกอย่างเลยเสือ.. มาๆ กินข้าวกันดีกว่า”  ตาของปีโป้เบิกกว้างเมื่อเห็นเมนูละลานตาบนโต๊ะทานข้าวพร้อมกับกลิ่นหอมหวลชวนลิ้มลอง   “เห็นไหม ขนาดยังไม่ได้กินนะก็ดูสนใจอาหารของย่าเสือมากกว่าตัวเสืออีก เฮ้อ!..”  ผมแกล้งพูดใส่คนตรงหน้าตามด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าคนตัวเล็กถึงกับเงยหน้าจากอาหารอันแสนอร่อยแล้วรีบลุกเดินอ้อมมากอดคอผมพร้อมกับจุ๊บที่แก้มผมไป 1 ทีเพื่อเป็นการขอโทษ  จุ๊บ!!  “ไม่โกรธเรานะ เราไม่ได้เห็นอย่างอื่นดีกว่าเสือหรอก แต่แค่เราหิวไปหน่อย แหะๆ”  ปีโป้ทำพูดทีเล่นทีจริงแต่คงเห็นว่าผมยังมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่ เขาจึงเดินอ้อมมาจูบที่แก้มอีกข้างหนึ่งเพื่อเป็นการยืนยันการขอโทษ  จุ๊บ!!  “อ่ะ.. หายโกรธแล้วนะ แต่ถ้ายังไม่หายโกรธอีกคืนนี้เดี๋ยวเรานอนห้องของเราก็ได้..”  (เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้สิ งอนจริงขึ้นมาแล้วสินะ ต้องรีบง้อก่อนที่จะได้นอนคนเดียวนะไอ้เสือ..) ผมบ่นตัวเองยกใหญ่เมื่อได้ยินว่าปีโป้จะนอนแยกห้องกับผม  ไม่ทันที่ปีโป้จะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง ผมรีบสวมกอดเขาแล้วดึงลงมานั่งที่ตักก่อนจะสารภาพความจริง  “ปีโป้งอนเสือหรอ.. เสือขอโทษ เมื่อกี้เสือแค่หยอกปีโป้เฉยๆ ไม่งอนนะเสือขอโทษ นะๆ ดีกันนะ นะคร้าบ..”  แต่ดูท่าคนตัวเล็กจะงอนผมจริงๆ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ไม่เคยมีแฟนมาก่อนซะด้วย จะง้อยังไงดีล่ะครับเนี่ย  คนตัวเล็กนั่งเงียบไม่พูดไม่จาขณะที่ยังนั่งอยู่บนตักของผม แต่แล้วความโชคดีก็เข้าข้างผมจนได้ เมื่อนึกขึ้นได้แบบนั้นจึงเริ่มปฏิบัติการ...  ในคอนโดห้องนี้มีผมที่รู้อยู่คนเดียวว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องนี้สามารถสั่งงานได้ด้วยโทรศัพท์เพียงเครื่องเดียว  อันดับแรกผมเริ่มสั่งปิดทีวีถูกคนตัวเล็กเปิดเมื่อช่วงเย็น  “เดี๋ยวกลับมาพบกับรายการช่วงเย็นเห็นข่าวกันใหม่นะคะ.. “  ฟุ้บ!!!  “อะไรอ่ะ ทำไมจู่ๆ ทีวีดับเองได้ล่ะ.. อะไรเนี่ย..”  ปีโป้มีสีหน้าแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเขามีความตื่นตระหนกพร้อมอาการสะดุ้งเล็กน้อย ที่หันไปเห็นปรากฏการณ์ทีวีดับเองได้ทัน  “ทีวีเสียหรือเปล่า.. เดี๋ยวเสือเดินไปดูให้นะ”  เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นจึงลุกจากตักของผมกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตน ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่ผมเดินไปที่ทีวีเพื่อทำทีตรวจสอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้นเองผมก็ทำการปิดไฟทั้งห้อง  ฟุ้บ!!  “เฮ้ย!!.. เสือ.. เสื้ออยู่ตรงไหนอ่ะ ช่วยเราด้วยเรากลัว..”  “เดี๋ยวนะ เสือขอเปิดไฟมือถือแป๊บนึง..”  “เสือ!!”  ทันทีที่ไฟมือถือของผมถูกเปิดขึ้น ทำให้เกิดแสงสว่างไปทั่วคอนโดได้ไม่มากนัก แต่ก็ทำให้คนตัวเล็กมองเห็นผมได้ก่อนที่เขาจะวิ่งมากอดผมไว้แน่น ด้วยความหวาดกลัวจนรับรู้ได้  “ไม่เป็นไรนะ ไฟหน้าจะตกน่ะ ไม่ต้องกลัวนะเสืออยู่ตรงนี้แล้ว..”  แล้วผมก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสวมกอดปีโป้กระชับแขน ก่อนจะกดเปิดไฟที่มือถืออีกครั้ง จะปฏิบัติการนั้นมันทำให้ผมได้รู้ว่าผมเล่นแรงไปจนได้เห็นน้ำตาที่เปียกแก้มคนที่ผมรัก  “เสื้อขอโทษนะที่ทำให้ปีโป้ต้องกลัว..”  “จะขอโทษทำไม ไฟตก ไฟดับ มันห้ามกันไม่ได้หรอกเสือ เรากลับไปกินข้าวกันเถอะเราหิวมากแล้ว.. ไม่ต้องคิดมากนะ”  ผมรู้สึกกลัวตัวเองไม่น้อยที่คิดแผนง้อคนรักแบบนี้ แต่มันก็ทำให้เขาหายโกรธผมทั้งยังเป็นฝ่ายปลอบโยนผมอีกต่างหาก (ไอ้เสือนะไอ้เสือ เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง หื้ม!) ผมบ่นให้ตัวเองในใจในขณะที่กำลังตักอาหารจานโปรดของเขาที่เป็นฝีมือย่าให้เขาได้กิน…       
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม