บนรถตู้สีดำระหว่างทางที่กำลังแล่นกลับมาที่บ้านเรือนไทย
“เท่าที่ยายได้ฟังเรื่องราวจากพ่อหนุ่ม ยายไม่รู้หรอกนะว่าพ่อหนุ่มได้ปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นไหมหรือเป็นความจริงทั้งหมด แต่การกระทำของพ่อหนุ่มมันผิดนะ มันผิดยังไงรู้ไหม.. มันผิดที่พ่อหนุ่มปากก็บอกว่ารักเด็กหนุ่มคนนั้นส่วนการกระทำมันคนละเรื่องกันเลยนะ ถ้าเป็นยายนะหรอคงไม่ทนพ่อหนุ่มได้ถึงขนาดนั้นหรอกลูก อีกอย่างถ้ายายเป็นหลานยายเอง ยายก็คงเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนกัน ชีวิตหนึ่งชีวิตกว่าจะเกิดขึ้นมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แแล้วชีวิตของเขายังต้องมาขาดพ่อขาดแมกระทั่งมาได้พ่อหนุ่มช่วยอุปการะเลี้ยงดู เขาก็คิดว่าพ่อหนุ่มคือคนที่สำคัญในชีวิตของเขาคนนึงในทางกลับกันพ่อหนุ่มกลับคิดว่าเขาเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ของพ่อหนุ่มเท่านั้น มันผิดตั้งแต่เจตนารมย์ของพ่อหนุ่มแล้วล่ะ ที่ต้องการอุปการะเขามาเพื่อปรนเปรอความต้องการของตัวเองและการที่เขาอยากหนีไปจากพ่อหนุ่มมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก มันเป็นสิทธิ์ที่เขาสามารถทำได้เข้าใจใช่ไหมที่ยายพูด..”
ฉันอธิบายความคิดหลังจากได้ฟังเรื่องราวซึ่งเป็นต้นเหตุให้เด็กหนุ่มคนนั้นถูกหลานชายของฉันเข้ามาช่วยชีวิต โดยไม่รู้เลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ จากการสังเกตสีหน้าในขณะนี้เขาดูอารมณ์เย็นลง มีความเป็นมิตรมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างที่เขากำลังขับรถตู้โดยมีฉันนั่งประกบด้านข้างแทนพวกลูกน้องของเขาที่ไม่สามารถจะขับรถได้เนื่องจากถูกฉันสั่งสอนไปเมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ก่อนที่ฉันจะหันไปเห็นน้ำใสๆ ที่กำลังไหลย้อยเปียกแก้มเป็นระยะ
“ใจจริงแล้วผมรักปีโป้มากนะครับยาย รักมากรักตั้งแต่แรกพบ ตั้งแต่ผมรับเขาเข้ามาในชีวิตของผม เขาได้มาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของผมหลายอย่าง ผมเองก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันครับเลยเข้าใจหัวอกลูกกำพร้าด้วยกัน พ่อแม่ผมถูกคู่แข่งทางการค้าส่งคนมาลอบฆ่าตายไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน หลังจากนั้นผมต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าใหญ่แทนพ่อด้วยอายุเพียง 10 กว่าปี พอโตขึ้นผมก็มีความคิดอยากจะดูแลใครสักคนที่คนๆ นั้นเป็นลูกกำพร้าเหมือนผม ในที่สุดผมก็ได้มาเจอกับปีโป้ผ่านภาพถ่ายในเฟสบุ๊ค จนผมรู้สึกถูกชะตาจึงให้ลูกน้องไปติดต่อและดำเนินการขอรับปีโป้มาอุปการะแล้วตั้งแต่นั้นมาครับ..”
“ยายเข้าใจนะ.. พ่อหนุ่มเดี๋ยวหนูจอดตรงหน้าปากซอยด้านหน้านี้ก็ได้ลูก ยายขอให้พ่อหนุ่มจำไว้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วอย่าให้ใครรู้เด็ดขาด เรื่องที่ยายสั่งสอนพวกหนูไปถือว่าให้ปิดเป็นความลับ เข้าใจนะ!!”
เขาพยักหน้ารับก่อนที่จะจอดรถตู้บริเวณใกล้ปากซอยหน้าบ้านแล้วให้ลูกน้องคนหนึ่งเดินลงไปเปิดประตูรถตู้ฝั่งตรงข้ามคนขับให้กับฉัน ไม่นานเขาก็ขับรถจากไปในขณะที่ฉันก็เดินดุ่มๆ เข้ามาที่บ้านโดยแวะซื้อของที่หน้าเซเว่นซัก 2-3 อย่าง ฉันพยายามเลือกซื้อของที่แทบจะไม่มีในละแวกบ้านหรือตลาดใกล้เคียงก่อนจะเดินมาหลบบริเวณที่ปลอดคนแล้วจัดการของที่ซื้อมาเปลี่ยนมาใส่ถุงพลาสติกธรรมดาแล้วเดินเข้าบ้าน
ที่คอนโดนายแบบหนุ่มมาดเซอร์
ผมรู้สึกเป็นห่วงย่ามาก การที่ผมจะไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านเรือนไทยท่านทั้งสองคนก็ไม่ยอมให้ผมกลับไป ท่านบอกว่าให้ผมอยู่เป็นเพื่อนปีโป้เพราะกลัวว่าคนใจร้ายจะส่งคนมาลักพาตัวปีโป้ไปอีกคน
“เสียงโทรศัพท์มือถือเข้า”
“สวัสดีครับย่า!!”
ผมทักคนปลายสายเสียงหลงเมื่อรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาขึ้นชื่อว่า ‘ย่า’ ของผม
“ย่าเป็นยังไงบ้างครับ”
“อยากจะเป็นอะไรล่ะลูก พอดีย่าไปซื้อของที่ตลาดไทมาคนเยอะมากเลยลูก ขอโทษนะที่ทำให้หลานเป็นห่วง”
ผมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับย่า ไปตลาดมาหรอ แล้วทำไมมีแผ่นกระดาษเขียนแบบนั้นเสียบไว้ที่ตู้จดหมายหน้าบ้าน โดยไม่ลืมเปิดลำโพงให้ปีโป้ฟังด้วยเพราะเขาเองก็ห่วงย่าไม่แพ้กับเขา
“เขาไม่ได้ทำอะไรย่าใช่ไหมครับ”
“นั่นเสียงใครละลูกเสือ หนูอยู่กับใครล่ะลูก”
จู่ๆ ปีโป้เอ่ยถามย่าผม ส่งผลให้ย่าผมถามกลับอย่างสงสัย
“เสียงปีโป้ครับย่า คนที่ผมช่วยวันนั้นจนย่าถูกลักพาตัวไปเมื่อเช้าไงครับ..”
“เหลวไหลไปกันใหญ่แล้ว ใครถูกลักพาตัวลูก ก็ย่าบอกว่าย่าไปซื้อของที่ตลาดไทไปขึ้นรถที่หน้าปากซอยลืมบอกพ่อกับแม่ของหลานไว้ก็เท่านั้นเอง ตอนนี้ย่าก็ปลอดภัยดีแล้วทำไมต้องให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตล่ะเสือ!..”
จากน้ำเสียงของย่าฟังดูท่านเริ่มจะไม่พอใจผมสักเท่าไหร่แล้ว ที่ยังพูดถึงเรื่องลักพาตัวไม่จบไม่สิ้น
“โอเคครับย่าผมขอโทษครับ ก็พวกผมเป็นห่วงย่านี่ครับ และอีกอย่างข้อความแปลกๆ ที่อยู่ในตู้จดหมายหน้าบ้านก็ทำให้ผมกับทุกคนคิดไปแบบนั้น”
“ไอ้ซองสีขาวๆ อยู่ในตู้จดหมายนะหรอ เมื่อเช้านี้ย่าก็เห็นนะแต่ไม่ได้หยิบออกมาเปิดดูก็เท่านั้น เห็นเมื่อเช้าตอนโพล้เพล้เห็นมีคนมายืนด้อมๆ มองๆ บริเวณหน้าบ้านอยู่พักหนึ่ง แต่ย่าไม่ได้สนใจคงจะเป็นซองกระดาษของผู้ชายคนนั้นมั้งลูก พอละเลิกพูดเรื่องลักพาตัวได้แล้ว เย็นวันนี้พาเพื่อนใหม่มากินข้าวที่บ้านสิลูก ย่าจะเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้เยอะๆ เลยลูก”
“คงไม่สะดวกครับย่า ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของปีโป้ครับ กลัวว่าแฟนของเขาจะส่งคนมาทำร้ายเขาอีกครับ เดี๋ยวผมไปเป็นตัวแทนเขาก็ได้ครับย่า”
ผมพยายามปฏิเสธท่านอย่างสุภาพที่สุด
“เอ๊!.. มันดูยังไงๆ นะเสือน้อยของย่าช่วงนี้..”
“มันยังไงๆ เหรอครับย่า ผมก็เป็นห่วงเพื่อนผมปกตินี่ครับ”
“แน่ใจนะ ว่าเป็นห่วงด้วยความรู้สึกปกติไม่ได้พิเศษอะไรใช่ไหม..”
อย่าเล่นผมซะแล้ว ทำให้ผมแทบจะไปไม่เป็นเลยเมื่อเจอประโยคนี้ของย่าเข้าไป ขณะที่คนข้างๆ ผมก็มีสีหน้าแปลกๆ เหมือนสงสัยอะไรบางอย่างในตัวผม
“เสือนายเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าแดงจัง ไม่สบายหรือเปล่า เมื่อกี้ยังดูดีๆ อยู่เลย”
ปีโป้เพื่อนรักก็สาธยายสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมอย่างละเอียดให้คนปลายสายได้ฟังด้วย
“เสือน้อยหลานย่าไม่ได้เป็นอะไรหรอกลูก เขาแค่เขินที่ย่าพูดความจริงเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ”
มันคือความจริง แล้วผมก็ไม่รู้จะมองหน้าคนด้านข้างยังไงเมื่อความรู้สึกทั้งหมดที่ย่าพูดไปแทนผมแล้ว
“เอ้อ.. ย่าแค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวตอนเย็นเจอกันครับ ทำอาหารไว้เยอะๆเลยนะครับเดี๋ยวผมจะไปกินแทนปีโป้เอง”
ผมรีบพูดตัดบทก่อนที่ผมจะเก็บอารมณ์อายเอาไว้ไม่อยู่
“ได้จ้า อย่างน้อยเสือหลานย่าก็จะมากินแทนเพื่อน ก็ดีเหมือนกันเนาะปีโป้ลูก คนหนึ่งอิ่มท้อง อีกคนอิ่มใจ เพระมากินแทนกัน.. ฮ่าๆ”
“ย่าก็พูดอะไรไม่รู้ แค่นี้นะครับสวัสดีครับ”
ผมรีบกรอกกลับไปยังปลายสายพร้อมกดวางก่อนจะอมยิ้มหน้าแดงรีบลุกขึ้นกลับเข้าห้องนอนตัวเองอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้ผมโคตรเขินเลย
ณ บ้านเรือนไทย
“แม่ก็ไปแซวหลานอะไรขนาดนั้นล่ะครับ ป่านนี้คงอายม้วนเข้าห้องนอนแล้วมั้ง..”
ทันทีที่ฉันเห็นว่าสายโทรศัพท์จากหลานชายสุดที่รักตัดไป ก็ถูกคนเป็นพ่อเจ้าเสือน้อยหลานรักพูดขึ้นทีเล่นทีจริง
“ก็แม่อยากให้หลานรู้ใจตัวเองสักทีไงพ่อโชค”
“รู้ใจตัวเองยังไงล่ะแม่ นี่กำลังพูดถึงเรื่องอะไรหนูไม่เข้าใจ”
แม่พิมพ์ลูกสะใภ้ที่แสนดีของฉันถามขึ้นด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อยปนความสงสัย
“นี่พวกหนูไม่รู้กันเลยใช่ไหม ว่าพ่อเสือน่ะกำลังมีความรัก..”
“กำลังมีความรัก!”
ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้พูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน จนฉันเองก็รู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่ามันผิดปกติยังไงที่ลูกชายของตัวเองจะมีความรัก
“ก็ใช่น่ะสิ พ่อเสือกำลังมีความรักกับเด็กหนุ่มที่เขาช่วยชีวิตมาไงลูก”
“เดี๋ยวนะแม่ ลูกของหนูเป็นผู้ชายนะแต่กำลังจะมีความรักกับผู้ชาย แม่กำลังหมายความว่าอย่างนี้ใช่ไหมคะ!”
“ใช่แล้วแม่พิมพ์ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้วนะยุคนี้สมัยนี้”
“แม่เป็นอะไรไปน่ะ..”
ทันใดนั้นเองลูกสะใภ้ฉันก็เป็นลมล้มฟุบไป ยังโชคดีที่พ่อโชคลูกชายของฉันเข้าไปรับเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงจะอาการหนักต้องล้มหมอนนอนเสื่อแน่ๆ (แม่พิมพ์เอ๊ยแม่พิมพ์แม่เองก็ไม่รู้จะช่วยหนูยังไงให้ออกมาจากความเชื่อที่ล้าสมัยที่อาจจะทำให้ลูกของหนูต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแล้วลูก) ฉันแอบคิดในใจก่อนจะรีบลุกไปหยิบยาดมยาหม่องมาให้พ่อโชคช่วยลูกสะใภ้ฉันก่อน
ณ คฤหาสน์สุดหรู
“นะ..”
“นายช่วยไปสืบหน่อยซิว่ายายแก่ในรูปนี้ แกเป็นใคร เอาแบบละเอียดเลยนะว่า พ่อแม่ของแกเป็นใคร หรือรุ่นปู่ย่าตายายได้ยิ่งดี เร็วๆ ด้วยนะฉันอยากรู้อะไรบางอย่าง”
“แล้วนายใหญ่ไปได้รูปนี้มาจากไหนครับ”
“แกจะย้อนถามทำไม ฉันให้แกทำอะไรก็ไปทำเถอะไม่ต้องอยากรู้อะไรมาก ไป!!”
“ครับนายใหญ่”
(ไม่รู้อยากรู้อะไรนักหนา สั่งให้ไปทำก็ไปทำแค่นั้น) ผมบ่นกับตัวเองกับพฤติกรรมของลูกน้องคนสนิทที่ชอบซักไซ้ผมตลอดซึ่งผมไม่ชอบเลยกับพฤติกรรมแบบนี้
หลังจากนั้นผมก็หยิบรูปอีกใบขึ้นมา ซึ่งเป็นภาพยายแก่ๆ คนหนึ่ง ที่ผมถ่ายตอนที่มันเผลอในระหว่างทางที่ผมกลับไปส่งที่บ้าน ดูยังไงก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของคนแก่ทั่วไป แต่นี่เล่นสั่งสอนผมกับลูกน้องนอกสังกัดจนยับเยินไปตามๆ กัน มันต้องเป็นใครสักคนในวงการมาเฟียแน่ๆ แล้วทำไมผมไม่รู้จักมันเลยทั้งที่ผมเองก็เป็นถึงหัวหน้าใหญ่ ที่คอยคุ้มครองกลุ่มแก๊งมาเฟียต่างๆ ทั่วประเทศหลายพันชีวิต มาถึงตอนนี้แล้วผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใครกันแน่ ที่สำคัญผมต้องเอาคืนสิ่งที่มันทำไว้กับผมให้ได้ แต่ถ้าผมทำอะไรมันไม่ได้ผมก็จะไปลงกับหลานของมันให้สาสมกับที่มันทำไว้กับผมร้อยเท่าทวีคูณแทน แล้วคิดหรอครับคำพูดคำสอนของมันผมจะเอามาจำให้รกสมอง
“สักวันมึงต้องมากราบตีนกูร้องขอชีวิตหลานชายของมึงแน่อีแก่!!”
ผมสบถกับตัวเองด้วยความรู้สึกเคียดแค้นอีแก่สรพิษนั้น
ห้องนอนชายโสดนายแบบหนุ่มมาดเซอร์
ก๊อกๆ.. ก็อกๆ…
“เสือเราเข้าไปได้ไหม”
ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนด้านนอกร้องถาม แล้วนั่นก็ไม่ใช่ใคร ปีโป้เพื่อนรักที่ผมเริ่มคิดไม่ซื่อนั่นเอง ผมจะตอบเขายังไงล่ะทีนี้ว่าผมกำลังพยายามรวบรวมความกล้าออกไปหาเขาอยู่เช่นกัน
“อื้ม.. เรากำลังออกไปแป๊บนึงนะปีโป้”
ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงเป็นปกติที่สุดเพราะผมไม่อยากรู้สึกผิดใจกับคนๆ หนึ่งที่เขาให้เกียรติเป็นเพื่อนกับผม ที่สำคัญผมยังเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของเขาอีกด้วย แล้วเขาจะรู้สึกยังไงที่เพื่อนคนเดียวของเขา คิดอยากให้เขาเป็นคนรักมากกว่าเพื่อนคนหนึ่ง
ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อเขามันเกินคำว่าเพื่อนไปไกลมาก ความรู้สึกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนนอกจากปีโป้คนเดียว ความรู้สึกครั้งแรกที่ผมมีต่อเขาคือความสงสาร ที่เห็นเขาถูกคนที่เขารักเราทำกับเขาแบบนั้น หลังจากที่ได้มาอยู่ด้วยกันความรู้สึกดีที่ผมมีให้เขามันก็มากเกินเพื่อนไปแล้ว ความรู้สึกปัจจุบันตอนนี้ของผมก็คือผมอยากดูแลเขาไปตลอดชีวิต…
ผมเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องนอนด้วยอาการประหม่า มือผมสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนกับไม่มีชีวิต เม็ดเหงื่อที่ค่อยๆ ซึมออกมาจากหน้าผาก มันมากขึ้นๆ รวมตัวเป็นเม็ดใหญ่ไหลย้อยผ่านแก้มผมไปเม็ดแล้วเม็ดเล่า ผมพยายามรวบรวมความกล้าที่จะยื่นมือไปจับลูกบิดประตูห้องเพื่อจะบิดแล้วดึงมันเข้ามา แต่ผมคงจะช้ากว่าคนตรงหน้ามาก..
แกร๊ก!..
“เสือเป็นอะไรหรือเปล่า!”
จังหวะที่ผมเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู แต่ประตูห้องเจ้ากรรมก็ถูกเปิดเข้ามาโดยคนด้านนอกแล้ว คราวนี้ผมทั้งตกใจและประหม่าในเวลาเดียวกัน ทที่ภาพตรงหน้มันไม่ใช่เสือผ้าชุดธรรมดาที่ปีโป้ใส่กินข้าวเช้ากับผม ตอนนี้ปีโป้ยืนประจันหน้าผมที่นุ่งผ้าขนหนูสีขาวรัดเอวมาผืนเดียวเท่านั้นพร้อมกับมีหลอดอะไรบางอย่างอยู่ในมือด้านหนึ่ง มันมีสีน้ำเงินขาวตรงฉลากของหลอดในมือของเขา ทำให้ผมนึกถึงน้ำยาอะไรบางอย่างที่ในหนังชายรักชายที่ตากล้องงานถ่ายแบบเคยเปิดให้ผมดูเป็นท่าตัวอย่างในการถ่ายแบบงานหนึ่งเขาใช้กัน ผมทั้งตัวสั่นมือไม้อ่อนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมคิดกับสิ่งที่เขาถือมามันจะใช่อันเดียวกันหรือไม่ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรแล้ว มันเหมือนกับว่าผมพร้อมที่จะล้มลงไปกับพื้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ได้ตลอดเวลา
“เสือระวัง!”
ทันใดนั้นเองขาผมก็รับน้ำหนักตัวเองไม่ไหวซะอย่างนั้น ส่งผลให้ผมล้มลงไปทันที
ตุ้บ!
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองคงจะล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว แต่ก็ได้ยินเสียงหนึ่งร้องเรียกขึ้น
“โอ๊ย!”
“ปีโป้!.. เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เสือขอโทษนะ”
ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาก็พบว่า หัวของปีโป้งพาดกับขอบประตูพอดิบพอดี
“เราไม่เป็นไรหรอกแต่เราเจ็บตรงนั้น..”
ผมฟังจากน้ำเสียงของปีโป้ก็ตกใจ รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่เขาส่งมาหาผมแล้วก็มองตามปลายนิ้วของปีโป้ไปจนพบกับสาเหตุที่ทำให้เขาเจ็บ
“อุ๊ย!.. เสือขอโทษนะ เสือไม่ได้ตั้งใจอ่ะ”
“เราเข้าใจ แต่ก่อนอื่นเสือช่วยลุกออกจากตรงนั้นก่อนได้ไหมเราจุกไปหมดแล้ว..”
ภาพที่ทำให้ปีโป้เจ็บ มันเป็นเพราะว่าผมล้มฟุบลงไปบนตัวของเขา โดยที่บริเวณหน้าอกของผมทาบทับอยู่บนความเป็นชายของเขาเต็มๆ ทันทีที่ผมก้มลงไปมองก็เห็นอะไรบางอย่างที่โผล่พ้นหน้าอกผมขึ้นมา เนื่องด้วยผมเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อด้วยมันเป็นประเด็นสำคัญเลย จึงทำให้ผิวหนังของผมกับผิวหนังของปีโป้สัมผัสแนบสนิทกัน ก่อนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าปีโป้อีกครั้งอย่างคนรู้สึกผิด เมื่อผมคิดได้เช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นออกจากตัวเพื่อนรักคนใหม่ สิ่งที่ผมไม่คาดคิดและไม่คิดว่าจะเห็นก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าผมเต็มๆ เป็นหนที่สอง เพราะผ้าขนหนูของปีโป้ที่ใส่มันได้หลุดลุ่ยลงไปกองกับพื้น คงจะเป็นตอนที่ล้มทับกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้ เจ้าปีโป้น้อยยังคงนอนหลับปุ๋ยบนพวงสวรรค์อย่างไม่ไหวติง ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ปีโป้รีบลุกขึ้นดึงผ้าขนหนูขึ้นมาพันเอวกลับมาเหมือนเดิม เจ้าปี้โป้น้อยเด้งฟาดปลายเฉียดริมฝีปากผมไปนิดเดียว เป็นไปได้ผมอยากจะหยุดเวลาตรงนี้ไว้นานๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว แล้วผมจะอ้าปากจัดการกับปีโป้น้อยให้หายเข้าไปด้านในภายในเสี้ยววินาที แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะปีโป้น้อยต้องเลื่อนลับตาไปเพราะเจ้าของๆ มันลุกขึ้นใส่ผ้าขนหนูเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยสีหน้าตกใจไม่ต่างจากผม
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าเสือ เจ็บตรงไหนไหม”
ยังมีน้ำใจมาถามผมโดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้เจ้าเสือน้อยของผมมันอยากจะขย้ำปีโป้น้อยของเขาเสียให้ได้
“นายมาหาเรามีอะไรหรือเปล่าปีโป้ เราไม่เป็นอะไรแล้ว”
ผมพยายามตอบเขากลับไปอย่างสุดกลั้นอารมณ์ เพราะตอนนี้เจ้าเสือน้อยของผมมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าผมจะอดทนได้นานแค่ไหน คนอะไรทั้งน่ารัก ทั้งขาว ทั้งหุ่นดี โอ๊ยผมผมจะทำยังไงดี…