“ฉันรู้นะว่าการทำงานแบบนี้เงินดีรายได้ดี แต่เธอไม่คิดว่าออกมาทำงานกลางคืนแบบนี้มันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ” นายหัวปาริธดื่มไปด้วยและชวนณิรินทร์ญาคุยไปด้วย
“อันตรายสิคะ ณิรินไม่รู้ว่าในแต่ละครั้งที่มาทำงานจะเจอลูกค้าแบบไหนบ้าง”
“แล้วลูกค้าแบบไหนล่ะที่เธอไม่ชอบและไม่อยากเจอ”
“ก็ลูกค้าที่คุยแล้วทำรุ่มร่ามไม่ทำตามกฎของที่นี่”
“กฎของที่นี่คืออะไร ฉันไม่ค่อยมาเที่ยวก็เลยไม่รู้กฎ”
“กฎของที่นี่ก็คือเด็กจะนั่งดื่มกับแขกได้ บริการแขกในเรื่องของการชงเครื่องดื่มการพูดคุยแต่เด็กจะไม่ออกไปต่อข้างนอกกับแขก”
“เป็นไปได้เหรอที่จะไม่ออกไปต่อกันข้างนอก”
“เป็นไปได้สิคะ เพราะคุณชินสั่งห้ามไว้”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เขาอาจจะแอบนัดไปต่อกันก็ได้นะ”
“สำหรับคนอื่นณิรินก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเขาจะดิวกันแล้วนัดกันไปเจอข้างนอกไหม แต่สำหรับณิรินยืนยันชัดเจนค่ะว่าจะไม่ ออกไปต่อกับแขกข้างนอก”
“แล้วถ้าแขกเขาเสนอเงินให้เธอเยอะๆ ล่ะ”
“คำว่าเยอะของนายหัวปาริธคือเท่าไหร่เหรอคะ”
“เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าเต็มยศแบบนั้นก็ได้จะเรียกฉันว่าปาริธหรือจะเรียกว่านายหัวก็ได้แล้วแต่เธอเลย”
“ถ้างั้นณิรินขอเรียกว่านายหัวก็แล้วกันนะคะ” หญิงสาวไม่อยากจะเรียกชื่อเขาเพราะจะจำแขกได้เธอเชื่อว่าการรู้จักชื่อใครสักคนแล้วมันจะเกิดความผูกพันและเธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเนื่องจากการรับแขกกลางคืนของเธอรู้จักกันนั่งคุยกับแขกตอนกลางคืนของเธอมันเป็นแค่งานอดิเรกที่เธอทำแค่เดือนละไม่กี่ครั้งเธอไม่อยากจำชื่อของคนเหล่านั้นให้รกสมอง
“เธอบอกฉันว่าทำงานแบบนี้มาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งตอนนี้ก็น่าจะเกือบสามปีแล้วเธอไม่เคยออกไปกับแขกคนอื่นเลยเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“เพราะอะไร”
“ณิรินมาทำงานเพราะอยากได้เงินจากค่าเครื่องดื่มไม่ได้มาขายตัว”
“สิ่งที่เธอพูดมันอาจจะเชื่อยากแต่ฉันก็เชื่อเธอก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณนายหัวนะคะที่เชื่อคำพูดของณิริน” ณิรินทร์ญาไม่ค่อยชอบสายตาและคำพูดของนายหัวปาริธคนนี้เลยเขาเหมือนกำลังดูถูกและไม่เชื่อกับสิ่งที่เธอพูด
“อือ”
“แต่ทำไมนายหัวทำหน้าเหมือนไม่เชื่อที่ณิรินพูดเลยนะคะ”
“ฉันก็บอกว่าเชื่อไงแล้วเลย”
“แล้วทำไมนายหัวจะต้องยิ้มด้วย”
“อ้าวมันมีกฎข้อไหนห้ามยิ้มด้วยเหรอ”
“ไม่มีกฎหรือข้อห้ามอะไรหรอกค่ะ แต่ณิรินรู้สึกว่านายหัวกำลังยิ้มและดูถูกอาชีพที่ณิรินกำลังทำอยู่”
“ฉันไม่ได้ดูถูกนะ แต่เท่าที่ฉันเจอมาส่วนใหญ่ก็ออกไปต่อข้างนอกทั้งนั้น แต่ถ้าเธอไม่ได้รับแขกหรือออกไปต่อกับแขกข้างนอกก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรเลย”
“แต่ณิรินไม่ชอบรอยยิ้มของนายหัวเลยมันดูเจ้าเล่ห์มากๆ”
“เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่ชอบส่วนฉันก็มีสิทธิ์ที่จะคิดเพราะน้อยครั้งมากที่จะเจอผู้หญิงแบบเธอ”
“ผู้หญิงแบบณิรินเป็นยังไงคะ”
“ก็ผู้หญิงที่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่เคยออกไปต่อกับแขกข้างนอก”
“ก็มันเรื่องจริงนี่คะ”
“แล้วถ้าแขกคนนั้นเขาเสนอเงินให้เธอเยอะๆ ล่ะเธอจะออกไปกับเขาไหม”
“มันไม่ได้อยู่แค่เรื่องเงินเรื่องเดียวหรอกค่ะ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ”
“มันก็อยู่ที่ว่าใครเป็นคนชวนออกไปด้วย ถ้าคนที่ชวนออกไปเป็นคนที่ณิรินถูกใจก็อาจจะตอบตกลงออกไปนอนกับเขา เผลอๆ จะไม่คิดเงินด้วยซ้ำ”
“ฉันล่ะสับสนกับเธอจริงๆ ปากบอกว่าไม่เคยออกไปนอนกับแขกแต่กลับมาพูดจาแบบนี้ไม่รู้จะเชื่อเรื่องไหนเลย”
“นายหัวอยากจะเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่ณิรินพูดก็ตามใจนายหัวเถอะค่ะ”
“ฉันชักไม่แน่ใจแล้วนะว่าเธอมานั่งคุยเป็นเพื่อน มาเอ็นเตอร์เทนฉันหรือมานั่งเถียงกับฉันกันแน่” ปาริธไม่เคยเจอเด็กที่ต่อปากต่อคำแบบนี้มาก่อน มันทำให้เขารู้สึกสนุกเพราะที่ผ่านมาก็เจอแต่เด็กสาวที่เข้ามาเอาอกเอาใจและเออออตามที่เขาพูดทุกเรื่อง
“นายหัวอยากจะเปลี่ยนให้เด็กคนอื่นที่เอาใจเก่งๆ ขึ้นมาบริการก็ได้นะคะ เดี๋ยวณิรินจะบอกผู้จัดการร้านให้เปลี่ยนคนให้ดีไหมคะ”
“ไม่ล่ะฉันว่าคุยกับเธอก็สนุกดี นานแล้วที่ฉันไม่ได้คุยหรือเถียงกับใครแบบนี้มาก่อน”
“แน่ใจนะคะ ณิรินให้โอกาสนายหัวเปลี่ยนใจอีกครั้งหนึ่ง”
“แน่ใจสิ แต่ฉันจะไม่คุยกับเธอเรื่องอาชีพและงานของเธอแล้วก็กันนะ”
“ดีเหมือนกันค่ะณิรินก็ไม่อยากพูดถึงเหมือนกัน ถ้างั้นณิรินขอถามนายหัวบ้างได้ไหม”
“อยากถามอะไรฉันล่ะ”
“นายหัวเป็นนายหัวแน่เหรอคะ”
“อ้าวทำไมทำแบบนี้ล่ะ เมื่อกี้เจ้าของผับก็บอกแล้วนี่ว่าฉันเป็นนายหัวมาจากทางใต้”
“ก็คุณดูไม่เหมือนในหัวเลย”
“แล้วนายหัวต้องเป็นยังไง”
“นายหัวคนล่าสุดที่ณิรินเคยคุยด้วยเขาค่อนข้างจะผิวคล้ำกว่านี้มากๆ แล้วหุ่นก็ไม่ได้ดีแบบนี้”
“นี่เธอเคยคุยกับแขกที่เป็นนายหัวคนอื่นด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะเขาบอกว่าเป็นนายหัวทำสวนยางพาราอยู่ทางใต้ เข้ามาใช้บริการที่นี่และเรียกให้ณิรินขึ้นมาคุยด้วยแต่ ณิรินก็คุยด้วยได้ไม่นานหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะเขาซื้อดริ๊งค์ไม่เยอะพอเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะ เขาทำรุ่มร่ามจนผู้จัดการร้านต้องเข้ามาไล่เขาออกไปจากที่นี่”
“มีแบบนี้ด้วยเหรอที่ทางร้านไล่แขก”
“ก็ไม่ค่อยมีบ่อยหรอกค่ะ นอกจากแขกคนนั้นจะพูดจาไม่รู้เรื่องจริงๆ พอวันนี้พี่ช้างผู้จัดการร้านบอกให้ณิรินขึ้นมาคุยเป็นเพื่อนนายหัวณิรินก็เลยวาดภาพไว้ว่าคุณน่าจะเป็นเหมือนเขาแต่โชคดีที่คุณไม่ได้เป็นแบบนั้น ณิรินก็เลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าคุณเป็นนายหัวจริงหรือเปล่า”
“ฉันเป็นนายหัวจริงๆ ฉันทำสวนยางพาราแล้วก็สวนปาล์มน่ะนานๆ ถึงจะขึ้นมาติดต่องานที่กรุงเทพก็เลยแวะมาอุดหนุนเพื่อนสักหน่อย ไม่คิดว่าจะมาเจอคนคุยด้วยสนุกแบบเธอ”
“สนุกเหรอคะ”
“อือ น้อยครั้งนักที่จะมีคนคุยกับฉันต่อปากต่อคำแบบนี้ถ้าอยู่ที่สวนยางฉันก็มีแต่คนงานผู้ชายไม่เคยได้เจออะไรสวยๆ งามๆ แบบนี้หรอก”
“ขอโทษนะคะอายุเท่าไหร่ ถ้าเป็นเพื่อนกับคุณชินตอนนี้ก็น่าจะสามสิบกว่าและน่าจะมีครอบครัวแล้ว”
“ฉันอายุเท่ากับคุณชินของเธอนั่นแหละ แต่ยังไม่ได้มีครอบครัวเหมือนเขา”
“ทำไมล่ะคะ”
“ฉันชอบชีวิตโสดไง”
“อ๋อ” ณิรินทร์ญาพยักหน้าเข้าใจเพราะมีผู้ชายหลายคนที่ชอบใช้ชีวิตโสดอิสระและไม่อยากมีครอบครัว