ร่างเล็กที่ปราศจากอาภรณ์ใด ๆ สัดส่วนที่เคยปิดซ่อนไว้ บัดนี้กลับเผยชัดต่อสายตาคมของกวิน เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
สวย... เขาคิดได้เพียงเท่านั้น
ผิวขาวละเอียดเนียนตา ใบหน้าที่เพียงแรกเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าไร้ที่ติ ตากลมโตที่เคยจับจ้องเขาบัดนี้ปิดสนิท เปลือกตาสวยซ่อนแพขนตาหนายาวอย่างน่าหลงใหล
ชายหนุ่มก้าวเข้ามานั่งบนเตียงขาวสะอาดอย่างเชื่องช้า แล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมที่บังใบหน้าสวยออก เผยให้เห็นคิ้วเรียวยาวได้รูป จมูกเชิดที่กลายเป็นสีแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกเล็กน้อย... ราวกับกำลังรอให้เขาได้ลิ้มลอง
เมื่อหมดสิ้นความอดทน เขาก้มลงปิดปากบางนั้นอีกครั้ง ริมฝีปากหนาค่อย ๆ บดคลึง ละเลียดไปทั่ว ก่อนจะสอดลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากของคนไร้สติ มือหนาบีบเฟ้นหน้าอกอวบอิ่มที่เต่งตึง ลูบไล้ บีบคลึงอย่างละเมียดละไม ความนุ่มแน่นใต้ปลายนิ้วทำให้เขาแทบคลั่ง
“อือ…” คนไม่มีสติครางประท้วงเมื่อขาดอากาศหายใจ ลิ้นร้อนสอดเข้ามาประสานกับลิ้นเล็ก ไล้ไปทั่วโพรงปากจนน้ำใส ๆ ไหลลงมา กวินถอนริมฝีปากออก ร่างเล็กรีบกอบโกยอากาศหายใจทั้งที่เปลือกตายังปิดสนิท
ใบหน้าคมซุกไซ้ไปตามลำคอขาว ขบเม้มมันแรงบ้างเบาบ้างจนเกิดรอย ก่อนจะค่อย ๆ กดจูบลงมา กลิ่นกายสาวหอมอ่อน ๆ ยิ่งปลุกอารมณ์ เขาคลอเคลียต่ำลงไปไม่ลืมขบเม้มสร้างรอยรักเป็นตราประทับของเจ้าของ
ดอกบัวตูมที่ชูช่ออย่างเต่งตึงช่างเย้ายวนเกินต้าน เขาอยากกลืนกินมันทั้งร่าง ความกระหายไม่อาจหยุดได้ ริมฝีปากหนาก้มลงฉกเม็ดบัวที่เด่นชัด ขบกัดเบา ๆ ก่อนใช้มือบีบบี้เต้าอวบอีกข้างอย่างหลงใหล
“อ่า…อือ…” เสียงครางแผ่วจากคนไม่ได้สติ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างพอใจ
แม่คุณจะเล่นบทไร้เดียงสาไปถึงเมื่อไหร่? เอาเถอะ แค่นอนครางหวาน ๆ ดัง ๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว
ฝ่ามือหยาบลากลูบลงไปตามโคนขา ทั้งที่ริมฝีปากยังดูดเม้มดอกบัวสลับไปมา เขายกขาเรียวขึ้น ค่อย ๆ ลูบลงตามโคนขาด้านในจนถึงกลีบดอกไม้งามที่มีไรขนบางปกคลุม
“อือ…อ่าส์…” นิ้วแกร่งค่อย ๆ สอดเข้าไปในโพรงกลีบดอก น้ำหวานไหลอาบนิ้วตามธรรมชาติ กายสาวตอดรัดสิ่งแปลกปลอมตุบ ๆ
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาเลื่อนตัวต่ำลง แยกขาทั้งสองข้างออกจากกัน กลีบดอกไม้สีสดปรากฏชัดต่อสายตา เขาสอดนิ้วแข็งเพิ่มเข้าไปเป็นสองนิ้ว ความคับแน่นทำให้มันตอดรัดนิ้วเขาแน่นเสียจนแทบทนไม่ไหว แก่นกายใหญ่ที่ดุดันปวดหนึบอยู่ภายใต้กางเกงอย่างทรมาน
เขาถอนนิ้วออกจากกลีบดอกไม้ที่ชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างบางยังคงติดอยู่ปลายนิ้ว ใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มคล้ายกำลังฝันดี ทำให้เขาหยุดมองอยู่ครู่หนึ่ง
"ฝันถึงใครกันนะ..." เขาพึมพำ รอยยิ้มที่เธอมี ไม่ใช่เพราะเขาแน่ๆ
บางความรู้สึกแล่นวาบขึ้นในใจ ก่อนจะถูกเขาปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว
สำหรับเขาแล้ว...ผู้หญิงก็แค่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้แต่ร่างกาย...ก็ยอมแลกได้โดยไม่ลังเล
มือหนาลูบผ่านเนินเอวของเธออย่างถือสิทธิ์ เขาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว ความปรารถนาเข้าครอบงำทุกสำนึก หยิบซองฟอยล์สีเงินขึ้นมา ฉีกมันด้วยฟัน ก่อนจะสวมใส่มันอย่างช่ำชอง
ขาเรียวของเธอถูกแยกออกใต้ร่างใหญ่ที่โน้มลงมา หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย
“อือ…เจ็บ…อะอย่าไม่ฮึก” เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดจากลำคอราวกับตอบรับในฝันใบหน้าเจ็บปวดฉายขึ้นมาจากนิทรา ดวงตาสวยปรือขึ้นมานิดๆแต่ฤทธิ์สุรายังมีมากกว่าที่จะฝืนให้ตื่นขึ้นมาได้
เจ้าของแก่นกายที่มุดเข้าไปในกลีบดอกไม้จนสุดตัว ความรู้สึกชาวาบแล่นวาบไปทั่วร่าง เขารับรู้ได้ทันทีว่าเธอบริสุทธิ์ เพราะแก่นกายขนาดใหญ่ได้ผ่าเส้นพรหมจรรย์เข้าไป กลิ่นคาวเลือดอ่อน ๆ ค่อย ๆ ไหลลงอาบแท่งร้อน แล้วหยดลงบนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด เป็นหลักฐานที่ตอกย้ำว่าเรือนร่างขาวเนียนนี้ เป็นของเขาโดยสมบูรณ์
กวินสบถอย่างหัวเสีย ขณะที่ดวงตาเขาไหววูบด้วยแรงอารมณ์ เขาค่อย ๆ ถอดอาวุธประจำกายออก พร้อมดึงเครื่องป้องกันโยนทิ้งไปอย่างไม่แยแส
ทำไมจะต้องป้องกัน… ในเมื่อเขาคือคนแรกที่ได้สัมผัสเรือนกายนี้อย่างแท้จริง
เขาคิดอย่างคนเห็นแก่ตัว ทว่าตอนนี้ศีลธรรมใดๆเหือดหายไปหมดแล้ว
ใบหน้าหวานที่หลับพริ้มเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา ร่วงหล่นเงียบงันจนเปียกชุ่มใบหู ไม่มีแม้เสียงร้องขอหรืออ้อนวอน เพราะเธอไร้สติ มีเพียงร่างกายเท่านั้นที่ตอบสนองต่อความเจ็บปวด น้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้
มือใหญ่จับแก่นกายที่ร้อนผ่าวของตน แล้วค่อย ๆ สอดแทรกเข้าไปในกลีบดอกไม้ที่ยังคงปิดแน่นอีกครั้งอย่างแผ่วเบา พร้อมกับก้มลงประทับจูบริมฝีปากนุ่มละมุนที่เริ่มซีดเซียว
มุมปากยกยิ้มอย่างภาคภูมิที่ได้เป็นคนแรก
แต่ในความภาคภูมิใจนั้น กลับมีบางอย่างไหลซึมเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว... ความรู้สึกหวงแหนบางเบาเริ่มเกาะกุมหัวใจ เขาพยายามสลัดมันทิ้งออกอย่างรุนแรง
ไร้สาระ!
ก็แค่ของใหม่ที่เขาเป็นคนแรกที่ได้ ‘ลอง’ ย่อมหวงเป็นธรรมดา พอเบื่อ... ก็แค่โยนทิ้ง เหมือนของเล่นชิ้นอื่น ๆ เท่านั้นเอง
"อ๊า…อือ…อ่าส์..." เสียงหวานครางเบาเล็ดลอดออกจากริมฝีปากที่ไร้สติ แม้เจ้าของร่างจะไม่รับรู้สิ่งใดแล้วก็ตาม
เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นอายเร่าร้อน ร่างสูงเปียกชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ ความปรารถนาโหมกระหน่ำปลดปล่อยแล้วปลดปล่อยอีก ทว่าไม่ว่าจะกี่ครั้ง... เขากลับยังไม่รู้สึกพอ ยังไม่อิ่มกับเรือนกายนี้สักที
ขนตาแพหนาเริ่มกระพริบถี่ ราวกับพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงที่สาดเข้ามากระทบเปลือกตา ณัฐณิชาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ความปวดเมื่อยที่แล่นทั่วลำตัวผสานกับฤทธิ์สุราที่หลงเหลือ ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความมึนงง
หญิงสาวพยายามพยุงตัวเองให้นั่ง ทั้งที่รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งร่าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างทันทีที่เห็นสภาพตัวเอง เธอรีบคว้าผ้าห่มที่หล่นมากองอยู่บนตักขึ้นมาปิดหน้าอกอวบอิ่มที่เปลือยเปล่า สะท้อนกับแสงเช้าอย่างเด่นชัด
ดวงตาคู่งามกวาดมองร่างกายตัวเองอย่างตื่นตระหนก แววตาสั่นระริกขณะไล่มองไปยังผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่จนแทบดูไม่ออกว่าเคยเรียบมาก่อน เสื้อผ้าของเธอกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น มันคือสิ่งที่เธอสวมใส่เมื่อคืน
เอี๊ยด~
เสียงประตูห้องน้ำถูกผลักเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับร่างสูงกำยำของชายหนุ่มที่ก้าวออกมา เขาสวมเพียงกางเกงขายาวกับเชิ้ตสีขาวสะอาด เรียบกริบ แต่ขัดแย้งกับแววตาเย็นชาอย่างสิ้นเชิง
ฝีเท้าหนักแน่นค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกริบกวาดมองร่างบางที่ยังคงนั่งนิ่ง ดวงหน้าเศร้าสร้อยเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตาคู่งามเปียกชื้นราวกับฝนตกไม่มีวันหยุด ทว่าไร้แม้เสียงสะอื้น... มีเพียงความเจ็บปวดที่ฉายชัดอยู่เต็มอก
"ตื่นแล้วเหรอ..."
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มบางที่ไม่อาจบอกได้ว่าเย้ยหยันหรือเย็นชา
จากชายหนุ่มแสนอบอุ่นเมื่อคืน... บัดนี้กลับกลายเป็นซาตานผู้ไร้หัวใจภายในพริบตา ดวงตาเรียบนิ่งทว่าร้ายกาจ สะท้อนแววดูแคลนออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แม้จะมึนงงและเจ็บไปทั้งร่าง แต่ณัฐณิชาก็ไม่ไร้เดียงสาถึงขั้นจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนนี้...เธอสูญเสียอะไรไปบ้าง ทุกอย่างมันชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้
“เธอชื่ออะไร” เขาถามเสียงเรียบ
“…”
“ถ้ายังไม่ตอบ… ฉันจะหาคำตอบจากร่างกายเธอเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง”
เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ ขายาวย่างสามขุมเข้ามาใกล้จนหญิงสาวตัวสั่น ณัฐณิชากำผ้าห่มแน่น ร่างกายถอยหนีตามสัญชาตญาณ กลืนก้อนสะอื้นที่จุกคอไว้อย่างยากลำบาก
“ณ… ณัฐณิชา… ณิชา”
เสียงหวานเปล่งออกมาอย่างตะกุกตะกัก ด้วยความหวาดหวั่น ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงใจ ก่อนเดินไปหยิบสูทราคาแพงมาสวมทับร่างสูงสง่าอย่างไม่รีบร้อน
“มาเป็นผู้หญิงของฉันไหม?”
คำถามสั้น ๆ กลับเหมือนฟ้าผ่าใส่ใจ ณัฐณิชาเบิกตากว้าง ร่างกายร้อนวูบวาบแทบระเบิดออกมาจากข้างใน ทว่าทำได้เพียงกัดฟันแน่น พยายามฝืนกลืนอารมณ์ที่ปั่นป่วนลงไป
“เลือกซะ… จะยอมรับข้อเสนอของฉัน หรือจะเสียตัวให้ฉันฟรี ๆ”
เสียงทุ้มเน้นหนัก ดวงตาคมกริบมองเธอด้วยแววเย้ยหยัน “แถมยังเป็นครั้งแรกของเธอเสียด้วย หึ… ฉันจะจดจำมันไว้ให้ขึ้นใจเลยล่ะ”
ณัฐณิชาเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ ทั้งจากคำพูดและสายตาเย็นชาของเขา คนตัวเล็กนั่งกอดตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่มขาว น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย ร่างบางสั่นระริกเหมือนลูกนกที่ไร้ทางหนี
“ทำไม… ฮึก… ฉันไปทำอะไรให้คุณ… ทำไมถึงต้องทำกับฉันแบบนี้…”
เสียงสะอื้นหลุดออกมาทั้งน้ำตา ความเศร้า ความเสียใจ และความรู้สึกถูกหักหลังหลั่งทะลักออกมาอย่างไม่อาจกักเก็บไว้ได้อีกต่อไป
“แค่มาเป็นนางบำเรอของฉันสักปี มันคงไม่ยากเกินไปนัก... สำหรับผู้หญิงหิวเงินอย่างเธอ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ถ้อยคำกลับเฉือนลึกยิ่งกว่าใบมีด
“...”
“อ้อ... ฉันลืมบอก เธอควรรีบโทรกลับไปที่โรงพยาบาลด้วยล่ะ เห็นโทรเข้ามาหลายสาย คงมีเรื่องด่วน”
มือหนาหยิบนามบัตรวางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างไม่แยแส
“วันนี้ฉันมีธุระ ตัดสินใจได้เมื่อไร… โทรมาบอกฉันก็แล้วกัน”
ณัฐณิชาขยำผ้าห่มที่คลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองแน่น ดวงตาคู่งามยังคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้มลงประทับจูบเบา ๆ ที่แก้มขาวซึ่งยังเปียกชื้นจากความเสียใจ
ณัฐณิชาเบือนหน้าหนีอย่างรังเกียจ ยกมือบางขึ้นถูแก้มแรงจนขึ้นรอยแดง
“หึหึ…”
เสียงหัวเราะต่ำดังลอดออกมาจากริมฝีปากเย็นชานั้น ก่อนร่างสูงจะค่อย ๆ ก้าวจากไป พร้อมเสียงประตูที่ปิดลงอย่างหนักแน่น... เหมือนตราประทับที่ซ้ำเติมความเจ็บช้ำ
ความอดทนทั้งหมดที่เธอพยายามเก็บไว้... พังทลายลงในชั่ววินาที
เสียงสะอื้นดังออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว ร่างบอบบางสั่นระริกอยู่กลางเตียงที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความจริงอันโหดร้าย น้ำตาไหลเป็นสาย... เจ็บจนแทบขาดใจ
เมื่อนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ก่อนจากไป มือเรียวของณัฐณิชาค่อย ๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แม้จะยังสั่นเทาแต่เธอก็ฝืนใจควานหาโทรศัพท์มือถือใต้กองผ้าห่ม แล้วกดโทรหาโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
“ฮะ… โหล”
เธอพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่ความวิตกในใจนั้นแทบทะลักออกมาพร้อมลมหายใจ
“คุณณัฐณิชาใช่ไหมคะ? ตอนนี้อาการของคุณยายดอกแก้วทรุดหนักมากแล้วค่ะ ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน… ไม่ทราบว่าคุณสะดวกเข้ามาคุยรายละเอียดกับคุณหมอไหมคะ?”
เสียงพยาบาลสาวดังลอดมาตามสาย ทำให้หัวใจของณัฐณิชาหล่นวูบ
“คือ… ค่าผ่าตัด ประมาณเท่าไหร่คะ…” เธอถามออกไป แม้จะกลัวคำตอบมากแค่ไหนก็ตาม
“เคสของคุณยายดอกแก้วค่อนข้างซับซ้อน และด่วนมากค่ะ ค่าใช้จ่ายอาจจะอยู่ที่ประมาณสองล้านบาทค่ะ”
“ส… สองล้านเหรอคะ…”
เสียงเธอแทบไม่ออกจากลำคอ แต่ก็ยังฝืนพูดต่อ
“เดี๋ยวฉันจะเข้าไปคุยกับคุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ…”
เสียงสายถูกตัดไปแล้ว
ณัฐณิชากอดโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ราวกับมันเป็นที่พึ่งสุดท้าย น้ำตาที่เพิ่งเหือดแห้งไปกลับไหลพรากอีกครั้งบนแก้มใส
นี่มันกรรมอะไรของเธอกัน…
ทั้งที่ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักหายใจ รับจ้างสารพัดอย่าง แม้จะทนเหนื่อย ทนเจ็บ… ก็ยังไม่สามารถหาเงินได้แม้เพียงเศษเสี้ยวสำหรับรักษาคนที่เธอรักที่สุดในชีวิต