ตอนที่5

2155 คำ
“จะนอนไปถึงไหน!” เสียงห้วนจัดดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากผ้าห่มออกจากร่างเปลือยเปล่า ณัฐณิชาสะดุ้งสุดตัว เธอนอนกอดตัวเองแน่นด้วยความหนาวเหน็บ ศีรษะหนักอึ้งจนไม่อยากลืมตา ร่างกายอ่อนล้าอย่างน่าใจหาย “ฉันไม่ได้จ้างเธอมานอน ถ้าจะนอนก็ไปนอนที่อื่น!” น้ำเสียงเย็นชาแทงใจยิ่งกว่าคำด่าใดๆ หญิงสาวพยายามฝืนเปลือกตาให้ลืมขึ้น กระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสง ก่อนจะพบใบหน้าของชายหนุ่มใจร้ายจากเมื่อคืน เขายืนมองเธออย่างเย็นชา สายตาที่ไร้เยื่อใยใดๆ จนเธอต้องรีบคว้าผ้าห่มมาปิดกายเอาไว้แน่น “อย่ามาทำสะดีดสะดิ้ง ฉันทั้งเห็นทั้งกินจนหมดทั้งตัวแล้ว เลิกมารยาใสหัวกลับไปได้แล้ว” เขาก็หมุนตัวเดินออกไป ปิดประตูด้วยเสียงดัง ปัง! เสียงนั้นทำให้หัวใจเธอหดเกร็งราวถูกกระชาก ณัฐณิชาพยายามพาร่างกายที่บอบช้ำลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า มือบางไต่ขอบผนังเพื่อพยุงตัว ก้าวเท้าอย่างยากลำบากไปเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้น สายตาเธอสะดุดเข้ากับเช็คเงินสดที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ น้ำตาไหลเงียบๆ อาบแก้มสองข้าง เธอกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เขาแค่ต้องการร่างกายเธอเท่านั้น เมื่อหมดความต้องการก็ผลักไสราวกับไม่มีค่าอะไร ศักดิ์ศรีที่หลงเหลือแทบไม่เหลืออยู่แล้ว ณัฐณิชามองกระดาษแผ่นนั้น…ราคาค่าตัวของเธอ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมากำไว้แน่นด้วยมือสั่นเทา เธอรู้…นี่คือเงินสกปรก แต่ถ้ามันจะช่วยให้ยายที่เธอรักกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอ…ก็ยอม ร่างบอบบางพาร่างที่อ่อนแรงเดินออกจากคอนโดหรู แดดยามสายที่สาดลงมาจัดจ้าเกินกว่าที่ดวงตาอ่อนล้าจะรับไหว ความร้อนอบอ้าวตัดกับอาการหนาวสั่นภายในกายอย่างขัดแย้ง เธอยกมือขยี้ตาเบา ๆ พยายามปรับสายตาที่เริ่มพร่ามัว หยาดเหงื่อผุดตามไรผมและแผ่นหลังชื้นช้าๆ แต่ร่างกายกลับหนาวเยือกจนขนลุก ณัฐณิชาลูบเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะกอดตัวเองไว้แน่นเพื่อพยายามประคองตัวไม่ให้ทรุดลง “คุณครับ! หน้าคุณซีดมาก เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มดังขึ้นจากใกล้ตัว พร้อมแรงแตะเบา ๆ ที่แขนเธอ เธอพยายามหันไปหาเจ้าของเสียง แต่ทุกอย่างกลับเลือนลาง ความสว่างรอบตัวค่อย ๆ มืดลง ราวกับม่านดำถูกดึงทับสายตา และสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบไป “คุณ! เฮ้...คุณได้ยินไหม!” เสียงทุ้มเปล่งออกมาอย่างร้อนรน ขณะที่ชายหนุ่มก้าวเข้าไปประคองร่างบางที่ทรุดฮวบลงต่อหน้าเขา วงแขนแข็งแรงโอบรับเธอไว้แน่น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของหญิงสาวทำให้หัวใจเขาเต้นสะท้านด้วยความตกใจ แม้เธอจะหมดสติไปแล้ว...แต่ใบหน้าเรียวหวานที่เปรอะเปื้อนเหงื่อกลับตรึงสายตาเขาไว้ เขารีบอุ้มร่างที่เบากว่าที่คิดขึ้นแนบอก พาไปยังรถหรูของตัวเอง ก่อนจะเหยียบคันเร่งมุ่งตรงสู่โรงพยาบาลใกล้เคียงโดยไม่รอช้า ************************** กวินขับรถเข้ามาในลานจอดรถของบริษัทด้วยสีหน้าถมึงทึง พนักงานที่เดินผ่านต่างพากันเบี่ยงทางหลบด้วยความหวาดหวั่น ไม่มีใครกล้าทักทายหรือสบตาเขาแม้แต่คนเดียว เมื่อเข้าสู่ห้องทำงานส่วนตัว ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้พนักพิงอย่างเหนื่อยล้า ใบหน้าคมเข้มฉายแววอารมณ์ขุ่นเคือง สมองของเขาปั่นป่วน สับสน ระหว่างอารมณ์และเหตุผล เมื่อคืน…กว่าร่างบางจะได้พักก็เป็นตอนที่เธอสลบคาอกเขา ร่างกายของเขาไม่เคยรู้จักคำว่า ‘พอ’ ยิ่งลิ้มลอง...ก็ยิ่งติดใจ ราวกับสารเสพติดชนิดหนึ่งที่เขาไม่อาจถอนตัว สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่า คือการที่ตัวเองเช็ดตัวให้เธอจนสะอาด แล้วเผลอนอนกอดเธอทั้งคืน…อย่างที่เขา ไม่เคยทำกับใครมาก่อน พอตื่นขึ้นมา สติก็กลับคืน เขามองภาพหญิงสาวตัวขาวซีดที่นอนซุกอยู่ในอก ก่อนจะรู้สึกโกรธ…เขาไม่ได้โกรธเธอ แต่กำลังโกรธตัวเอง โกรธที่เขาอ่อนโยน โกรธที่เขาใยดี ทั้งที่...เธอก็เป็นแค่ ‘ผู้หญิงขายตัว’ เขาเลยเลือกทำสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกตัวเอง...ด้วยการตะคอกใส่ ไล่เธอออกไปเหมือนอย่างคนใจดำ ทว่าภาพใบหน้าซีดขาว น้ำตาที่คลอหน่วย และแววตาตัดพ้อของเธอ...กลับยังตามหลอกหลอนเขาไม่หยุด “โธ่เว้ย!” เพล้ง! เสียงแจกันและแฟ้มเอกสารกระแทกพื้นดังลั่น แตกกระจายเกลื่อนทั่วห้อง กวินเสยผมไปด้านหลังด้วยท่าทางหัวเสีย อารมณ์ขุ่นมัวระบายออกมาผ่านการทุบทำลาย เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับน้ำเสียงหวานที่ดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “หงุดหงิดอะไรมานักหนา ถึงขั้นต้องลงกับข้าวของเลยเหรอวิน?” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดออก กวินหันไปมองเพื่อนสาวซึ่งรับตำแหน่งเป็นทั้งเลขาและที่ปรึกษาคนสนิทของเขา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้ตัวดีว่าเวลานี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า ‘ปกติ’ เลยสักนิด “โทษที ศา...” “อะไรที่ทำให้วินหลุดได้ขนาดนี้กัน?” นิศาเดินเข้ามาหยุดที่ข้างโต๊ะ ก่อนจะก้มลงเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายกลับมาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ “วินเหมือน... ทำผิดกับใครบางคนไว้” น้ำเสียงของเขาเบาลงจนนิศาต้องเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ “วินเนี่ยนะทำผิด? ใครกันที่ทำให้วินคิดมากได้ขนาดนี้... ปกติวินเคยแคร์ความรู้สึกใครที่ไหน” “ศา... อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย” ชายหนุ่มเสยผมไปด้านหลังอย่างเคยชิน สีหน้าหงุดหงิดผสมสับสนยังไม่หายไป “ถ้ารู้ว่าทำผิด ก็ไปขอโทษสิวิน หรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่างที่พอจะไถ่โทษได้บ้าง” นิศาแนะนำด้วยน้ำเสียงจริงจังปนห่วงใย กวินนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับใช้เวลาคิดอะไรบางอย่างอย่างหนัก ก่อนที่ริมฝีปากจะแตะรอยยิ้มจางๆ ออกมา “ขอบใจนะ ศา” ทันใดนั้นเขาก็วิ่งพรวดออกจากห้องไป ท่ามกลางความมึนงงของเลขาสาว นิศาส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ พลางมองตามเพื่อนสนิทอย่างขำๆ “ไปตกหลุมรักใครเข้าล่ะสิ...วิน” กวินบึ่งรถกลับมายังคอนโดอย่างรีบร้อน เขาเปิดประตูห้องแทบจะทันทีที่ถึง ปลายเท้าก้าวเข้าไปอย่างเร่งร้อน ใจเขาคิดว่าคงเห็นแม่กระต่ายน้อยนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า… เตียงนุ่มกลับไร้เงาร่างขาวของเธออย่างสิ้นเชิง ความโกรธแล่นวาบขึ้นมาโดยไร้เหตุผล ทั้งที่เป็นเขาเองที่ไล่เธอไป แต่กลับโมโหที่เธอกล้าออกไปทั้งที่สภาพแบบนั้น… อวดดี! มือหนาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาผู้ดูแลคอนโดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงที่มาหาฉันเมื่อคืน... เธอหายไปตอนไหน?” น้ำเสียงเย็นเฉียบแทบทำให้ปลายสายตัวสั่น “เอ่อ... คือว่า …” “ถ้าฉันไม่ได้คำตอบภายในสองนาที เตรียมหางานใหม่ได้เลย!” ตื๊ด... กวินกดวางสายอย่างไม่ใยดี โทรศัพท์เครื่องหรูถูกโยนลงบนโซฟา ร่างสูงปลดเนกไทออกแล้วรูดกระดุมเม็ดบนออกเพื่อคลายความอึดอัด แผงอกแกร่งเผยให้เห็นรอยข่วนที่ยังชัดเจน... มันยิ่งตอกย้ำความหงุดหงิดในใจเขามากขึ้น ครืด~ ครืด~ เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นอีกครั้ง มือแกร่งคว้ามันขึ้นมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะกดรับสาย “แฮ่ก... แฮ่ก... เมื่อเช้าเธอเป็นลมอยู่หน้าคอนโดครับ” เสียงหอบแสดงให้รู้ว่าปลายสายรีบรายงานมาด้วยความตื่นกลัว “ว่าไงนะ!” กวินคำรามเสียงต่ำ สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งขึ้น “เธอเป็นลมครับ... คุณวิทวัสเป็นคนพาเธอไปโรงพยาบาล...” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากริมฝีปากของชายหนุ่ม มีเพียงแววตาเข้มข้นที่ฉายชัดถึงความเดือดดาล มือแกร่งตวัดโทรศัพท์ขึ้นแล้วเหวี่ยงมันสุดแรง โครม! เสียงกระแทกดังก้อง โทรศัพท์เครื่องหรูพังยับเยิน ชิ้นส่วนแตกกระจายเกลื่อนผนัง ราวกับสะท้อนอารมณ์ปั่นป่วนในใจของกวินที่แทบจะควบคุมไม่อยู่ วิทวัส... น้องชายต่างแม่ที่เขาเกลียดเข้าไส้ เกลียดที่แย่งทุกอย่างจากเขา และตอนนี้... กระต่ายน้อยของเขาก็อาจกำลังจะถูกแย่งไปอีกคน! “คนไข้พักผ่อนน้อยครับ หมอให้น้ำเกลือไปแล้ว นอนพักสักหน่อยก็กลับบ้านได้” นายแพทย์แจ้งอาการเบื้องต้นให้ชายหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ปลายเตียง วิทวัสยกมือไหว้ขอบคุณอย่างสุภาพ ก่อนจะหันมามองหญิงสาวบนเตียงด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าสวยของเธอที่ไร้เครื่องสำอางดูนวลเนียน ขนตายาวเรียงเส้นพริ้มปิดสนิทน่ามองอย่างบอกไม่ถูก วิทวัสอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ กับความคิดในใจ เขาก้มตัวลงจัดผ้าห่มให้เธอคลุมตัวมิดชิด แล้วจึงถอยกลับมานั่งบนโซฟาเงียบๆ รอให้คนป่วยตื่นขึ้นมา ณัฐณิชาเริ่มขยับตัวช้าๆ เปลือกตาเรียวค่อยๆ เปิดขึ้นรับแสง เธอเพ่งมองเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นตา ก่อนจะรีบพยายามลุกขึ้นอย่างลืมตัว จนเกิดอาการหน้ามืด มือเล็กยกขึ้นมากุมขมับทันที “ตื่นแล้วเหรอครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้ วิทวัสยื่นหลอดน้ำให้เธอด้วยท่าทางห่วงใย ณัฐณิชาชำเลืองมองหน้าเขาเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้ารับน้ำผ่านหลอดที่เขาส่งให้ “ฉันอยู่ที่ไหนคะ?” เธอถามทันทีหลังจากถอนปากออกจากหลอดน้ำ “โรงพยาบาลครับ... คุณเป็นลมหน้าคอนโด” เขาตอบพร้อมยิ้มบางๆ “คุณ...เป็นคนช่วยฉันไว้เหรอคะ?” เธอเงยหน้ามองเขา ตาโตใสสวยเต็มไปด้วยคำถาม “ครับ” เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณมากนะคะ คุณ...” “วิทย์ครับ...วิทวัส” “ณัฐณิชาค่ะ เรียกณิชาก็ได้ ขอบคุณคุณวิทย์อีกครั้งนะคะที่ช่วย” “ไม่เป็นไรเลยครับ...แต่เรียกพี่ดีกว่าไหม? ดูท่าแล้วเราน่าจะอายุห่างกันพอสมควร เรียกคุณแล้วมันแปลกๆ ฮะๆ” เขาหัวเราะเบาๆ มือหนายกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทีเขินๆ “ค่ะ...พี่วิทย์” ณัฐณิชายิ้มกว้างอย่างรู้สึกผ่อนคลาย ความอ่อนโยนของชายตรงหน้าอย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้ไม่ได้ใจร้ายทั้งหมด แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ จางลงเมื่อเธอนึกถึงอีกคน คนที่ผลักไสเธอออกจากห้องโดยไม่ไยดี ใบหน้าซีดเซียวของเธอในตอนนั้นไม่มีแม้แต่แววเมตตาในสายตาของเขา เขาไร้หัวใจ... เป็นซาตานในคราบมนุษย์ที่เธอไม่มีวันลืม แกร๊ก~ เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่ให้สัญญาณใดล่วงหน้า “นึกว่าจะป่วยจริง... ที่แท้ก็แค่แกล้งเป็นลมให้เพื่ออ่อยผู้ชายสินะ” คำพูดเย็นชาและแววตาแข็งกร้าวของกวิน ทำให้ร่างบางบนเตียงเม้มปากแน่น ตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำ เธอก้มหน้าหลบสายตาเขาอย่างกลั้นสะอื้น “พี่วิน?” เสียงเรียกของวิทวัสดังขึ้นอย่างไม่เข้าใจ สายตาเขาหันไปมองพี่ชายที่ยืนจ้องผู้หญิงบนเตียงไม่วางตา “ฉันก็รู้นะว่านายชอบแย่งของของฉัน... แต่ไม่คิดว่านายจะต่ำขนาดลักกินขโมยกินด้วย” คำกล่าวหาหนักหน่วงทำให้บรรยากาศในห้องตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออก “พี่วิน!” วิทวัสเอ่ยเสียงเข้ม พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่เริ่มปะทุขึ้นในอก เขารู้ดีว่าพี่ชายคนละแม่ไม่เคยมองเขาเป็นน้อง แม้จะมีสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง แต่สิ่งที่กวินแสดงออกเสมอมา...กลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ “พี่ควรให้เกียรติเธอนะครับ” เขากล่าวนิ่งๆ พยายามรักษาน้ำเสียงให้สงบที่สุด “ฉันแยกแยะเองได้... ว่าใคร ‘ควร’ ได้รับเกียรติ หรือใคร ‘ไม่ควร’ ไม่ต้องให้นายมาสั่งสอน” น้ำเสียงเย้ยหยันของกวินเหมือนน้ำมันที่สาดลงกองไฟที่กำลังลุกโชน วิทวัสถอนหายใจ ยอมถอยอย่างคนที่ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย เขาหันกลับไปมองหญิงสาวบนเตียงอย่างเป็นห่วง ร่างบางนั่งก้มหน้าสั่นไหว เธอกำลังร้องไห้... แม้เสียงสะอื้นจะเบาแต่กลับดังในใจเขาอย่างหนักหน่วง เขาอยากจะเดินเข้าไปปลอบ โอบไหล่บางนั้นไว้ แต่ไม่มีสิทธิ์ เพราะเจ้าของตัวจริงกำลังยืนพิงประตู กอดอก มองทุกอย่างด้วยแววตาที่ไร้ความยินดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม