ครึ่งชั่วโมงต่อมา
รถกระบะคันเล็กแล่นเข้ามาจอดหน้าห้องเช่าเก่า ๆ เพียงยี่สิบกว่าตารางเมตร ต่างจากคฤหาสน์ที่ลลินเคยอยู่ราวฟ้ากับเหว
ตุบ! เสียงวางกล่องดังระรัว ลลินช่วยแม่ขนของเข้าห้องแคบ ๆ กลิ่นอับเก่าและคราบผนังซีดทำให้หายใจติดขัด แต่เธอไม่ปริปากบ่น
หลังเก็บของเสร็จ ลลินหยิบเงินก้อนที่เพื่อนเคยโยนใส่หน้าแล้วยื่นให้พ่อ
“นี่ค่ะพ่อ… ลลินเอามาให้”
คุณพ่อรับไว้เงียบ ๆ ก่อนลูบศีรษะลูกสาวด้วยดวงตาหนักอึ้ง
“พ่อขอโทษ ทุกอย่างพังเพราะพ่อเอง”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ หนูเต็มใจช่วยครอบครัว”
พ่อบีบไหล่ลูกเบา ๆ “ตราบใดที่พ่อยังหายใจ พ่อจะไม่ปล่อยให้ครอบครัวเราพัง พ่อจะสร้างมันขึ้นมาใหม่”
ส่วนแม่ที่ฟุบอยู่มุมห้องเงยหน้าทั้งน้ำตา “ลลิน… ต่อให้จนแค่ไหน เราก็จะมีกันและกันนะลูก”
น้ำตาลลินไหลพราก เธอโผกอดแม่แน่น ความอบอุ่นเพียงสิ่งเดียวที่ยังเหลือ
ค่ำวันนั้น กลิ่นอาหารเรียบง่ายลอยคลุ้งในห้องเช่า พ่อกับแม่ช่วยกันทำครัว ส่วนลลินนั่งบนโซฟาเก่า พยายามอ่านหนังสือแต่ใจลอย ทันใดนั้นเอง
เพล้ง! เสียงแก้วแตกดังสนั่น ตามมาด้วยตุบ! เหมือนร่างใหญ่ล้มลง
“คุณ!”
แม่วรดากรีดร้อง
คนตัวเล็กถลาวิ่งเข้าไปในครัว เห็นพ่อนอนแน่นิ่งบนพื้น ใบหน้าซีดเผือด เหงื่อท่วมเต็มหน้าผาก
“พ่อ!!” เธอเข่าทรุดลง มือสั่นเรียกทั้งน้ำตา ก่อนจะเรียกรถฉุกเฉินเพื่อมาพ่อไปโรงพยาบาล
ณ โรงพยาบาล Y
ครืด~
เสียงล้อรถเข็นกระทบพื้นดังครืด ๆ พ่อถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที
“พ่อ… อย่าเป็นอะไรนะคะ” ลลินกำมือแน่น พึมพำซ้ำไปมา
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ครึ่งชั่วโมงเหมือนเวลาทั้งชีวิต จนกระทั่งนายแพทย์หนุ่มเดินออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผู้ป่วยเป็นเส้นเลือดสมองตีบครับ ถ้าไม่ผ่าตัด อาจอัมพาต หรือถึงชีวิต”
“อะไรนะ!…” แม่เสียงสั่น
ส่วนลลินถามทั้งน้ำตา “แล้วต้องทำยังไงคะพ่อหนูถึงจะรอด”
“ต้องผ่าตัดโดยด่วนครับ แต่ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำหลักแสน”
ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ เหลือเพียงเสียงหัวใจลลินที่เต้นแรงจนแทบแตกออก
แม่หันไปขอร้อง “หมอคะ… ช่วยสามีฉันที ฉันจะหาทางจ่ายมาให้เอง”
คุณหมอพยักหน้าด้วยแววตาเห็นใจ “ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะรักษาเต็มที่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายให้ไปติดต่อการเงินครับ”
ลลินพยักหน้า แล้วเอื้อมมือบางมากุมมือแม่ น้ำตาเอ่ออีกครั้ง “แม่คะ เราต้องหาทางนะ หนูไม่ยอมเสียพ่อไปเด็ดขาด”
แม่พยักหน้าทั้งน้ำตา “จ้ะลลิน… ต่อให้ต้องไปกราบใคร แม่ก็จะทำ”
ณ ห้องการเงิน โรงพยาบาล Y
เสียงแอร์เย็นจัดไม่อาจกลบความอึดอัดที่คลุ้งอยู่ทั่วห้องได้ ลลินนั่งข้างแม่บนเก้าอี้พลาสติกสีหม่น หน้าเคาน์เตอร์ไม้เรียงรายด้วยเอกสาร เจ้าหน้าที่หญิงในชุดฟอร์มสีอ่อนเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ชัดถ้อยชัดคำ
“กรณีของคุณเกรียงไกร ต้องผ่าตัดเส้นเลือดสมองโดยด่วน ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นประมาณสามแสนบาทค่ะ”
ลลินเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ดวงตาเบิกกว้าง เงินจำนวนนี้… เมื่อก่อนอาจไม่มาก แต่สำหรับครอบครัวที่ล้มละลายไปแล้ว มันคือภูเขาลูกใหญ่ที่ยากเกินก้าวข้าม
เจ้าหน้าที่พลิกแฟ้มต่อ “หลังผ่าตัด ต้องพักฟื้นในไอซียูและมีการดูแลต่อเนื่อง รวมแล้วอยู่ราว ๆ ห้าแสนถึงหกแสนบาทค่ะ”
“หกแสน…”
เสียงแม่วรดาสั่นพร่า มือที่วางบนตักกำแน่นจนสั่นระริก
“ทางเลือกของโรงพยาบาลคือ วางเงินก้อนแรกหนึ่งแสนเพื่อเริ่มรักษา ที่เหลือสามารถผ่อนชำระ โดยต้องมีผู้ค้ำประกันค่ะ”
ลลินถามทันที “แล้วถ้า… ไม่มีคนค้ำล่ะคะ?”
เจ้าหน้าที่เม้มปาก ก่อนตอบเสียงเบา “ถ้าไม่มี ทางเราก็ไม่อาจปล่อยให้หนี้ก้อนใหญ่ค้างได้ค่ะ ต้องหาผู้รับรอง หรือทรัพย์สินค้ำประกันแทน”
ความเงียบโถมเข้ามาทันที ดวงตาลลินพร่ามัวด้วยน้ำตา เธอหันไปหาคุณแม่อย่างสิ้นหวัง
“แม่คะ… แล้วเราจะทำยังไงดี”
แม่วรดาจับมือลูกแน่น ตอบทั้งน้ำตา “เราต้องช่วยพ่อให้รอดก่อน ส่วนเรื่องเงิน… แม่จะหาทางเอง”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าแล้วเลื่อนเอกสารมาให้ “ถ้าอย่างนั้น กรุณาวางเงินก้อนแรกเพื่อเริ่มการรักษาค่ะ”
ลลินเปิดกระเป๋าสตางค์เก่า ๆ เห็นเพียงเงินสดเล็กน้อยที่เหลือจากวันที่เพื่อนโยนใส่หน้ารวมกับเงินก้อนที่พ่อไปยืมจากญาติมาเพื่อจะนำมาต่อยอดธุรกิจ สุดท้ายเงินก้อนนี้ก็ต้องเอามารักษาพ่อ
“นี่ค่ะ… เท่าที่มี ก็เท่านี้ค่ะ”
จากนั้นวรดาวางมือบนแขนลูก น้ำตาไหลเงียบ ๆ ความเจ็บปวดที่ต้องใช้เงินจากการถูกเหยียบย่ำ กลับกลายเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในยามนี้
หลังออกจากห้องการเงิน สองแม่ลูกนั่งเงียบบนเก้าอี้แข็งหน้าห้องฉุกเฉิน สายตาจับจ้องไปยังประตูบานใหญ่ที่พ่อยังอยู่ข้างใน
แม่ถอนหายใจยาว “ลลิน… เงินก้อนแรกเราพอหาได้ แต่หลังจากนี้อีกหลายแสน แม่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
ลลินกำมือแน่น ก่อนเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“แม่คะ… ให้แม่เฝ้าพ่อเถอะค่ะ ลลินจะออกไปหางานทำเอง”
“ลูก… ลลินยังเรียนอยู่ เงินไม่ใช่น้อย ๆ จะไปหาที่ไหน”
“หนูมีเพื่อนค่ะ” ลลินรีบโกหกเพื่อไม่ให้แม่กังวล “เพื่อนเคยเล่าเรื่องงานพิเศษไว้เยอะ เดี๋ยวหนูจะลองไปดู”
แม่มองลูกสาวด้วยสายตาสั่นไหว “แม่ไม่อยากให้หนูลำบากไปกว่านี้เลย”
ลลินฝืนยิ้มบาง ๆ “พ่อแม่เลี้ยงหนูมาทั้งชีวิต ถึงเวลาที่หนูต้องตอบแทนบ้าง ขอแค่พ่อหาย หนูยอมเหนื่อยค่ะ”
แม่เอื้อมมากุมมือลูกแน่น น้ำตาคลอ “ระวังตัวด้วยนะลูก ไม่ว่าเจออะไร ขอให้กลับมาหาแม่เสมอ”
“ค่ะ แม่ไม่ต้องห่วง”
ที่หน้าโรงพยาบาล
ลลินก้าวออกมาพร้อมเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นคอนกรีต ตึก ตึก ตึก… ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มหม่น หัวใจเต็มไปด้วยความสับสน จะหางานจากที่ไหน เงินจะพอไหม…
“เฮ้อ…” เธอถอนหายใจ กำโทรศัพท์แน่นเหมือนที่พึ่งสุดท้าย พิมพ์คำว่า “หางาน รายได้ดี ช่วงเย็น” ลงในเบราว์เซอร์
เพียงไม่กี่วินาที เว็บไซต์หนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ไนท์คลับ ไนน์ตี้ไนน์ เปิดรับพนักงานพาร์ตไทม์และประจำ เวลางาน 18.00 – 02.00 น. รายได้ดี ทิปสูง สนใจติดต่อได้ทันที
ลลินจ้องหน้าจอนิ่ง ราวกับโลกหยุดหมุน ไนท์คลับ…
เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดก้าวเข้าไปในสถานที่แบบนั้น แต่ภาพพ่อที่นอนหมดแรงในห้องฉุกเฉิน กับเสียงสะอื้นของแม่กลับดังขึ้นมาในหัว
‘เพื่อพ่อ… เพื่อแม่ ต่อให้เป็นที่แบบนั้น หนูก็ต้องทำ’
มือเรียวกำโทรศัพท์แน่น ก่อนกดเบอร์ที่ปรากฏในประกาศ หัวใจเต้นแรงราวกับกำลังก้าวข้ามเส้นชีวิต ที่ไม่มีวันหวนกลับไปได้อีกแล้ว