บทที่ 3 จุดเริ่มต้น

1286 คำ
ขณะที่เธอกำลังมองเบอร์ติดต่อของคลับ ลลินยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มือเรียวกดเบอร์ที่ปรากฏในเว็บไซต์ ใจเต้นแรงแทบทะลุอก เสียงสัญญาณดัง ตื๊ด… ตื๊ด… ไม่กี่ครั้งก็มีคนรับสาย “ไนน์ตี้ไนน์ค่ะ สวัสดีค่ะ” เสียงผู้หญิงปลายสายดังขึ้นอย่างสุภาพและเป็นทางการ ลลินรีบยกโทรศัพท์แนบหู “เอ่อ… สวัสดีค่ะ พอดีเห็นประกาศรับสมัครงาน เลยโทรมาสอบถาม ยังรับอยู่ไหมคะ” “ยังรับอยู่ค่ะ ทั้งพาร์ตไทม์และประจำ สนใจตำแหน่งไหนเอ่ย” “อะ… เอ่อ ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟค่ะ” น้ำเสียงเธอสั่นน้อย ๆ “โอเคค่ะ สะดวกมาสัมภาษณ์วันไหน” ลลินเม้มปากแน่น ใจเต้นไม่หยุด ถ้าช้ากว่านี้ พ่ออาจไม่มีโอกาสรักษา… เธอสูดลมหายใจลึก ตัดสินใจพูดออกไป “วันนี้ได้ไหมคะ… หนูอยากสัมภาษณ์วันนี้เลย” ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเรียบ “วันนี้ก็ได้ค่ะ มาสัมภาษณ์แล้วรู้ผลทันที” “ขะ… ขอบคุณมากนะคะ” “เจอกันหกโมงเย็น ที่เคาน์เตอร์รับสมัครหน้าทางเข้าไนน์ตี้ไนน์ บอกว่ามาสมัครงานได้เลยค่ะ” “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ติ้ด! เสียงสายตัดลง แต่ในอกลลินยังเต็มไปด้วยความโกลาหล เธอกำโทรศัพท์แน่นจนมือเปียกชื้น เหมือนกำลังก้าวข้ามเส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ นี่คือก้าวแรกจริง ๆ … ก้าวแรกที่จะเปลี่ยนชีวิตของลลินดา วัฒนกูล ณ ไนน์ตี้ไนน์คลับ ค่ำคืน ถนนใจกลางเมืองสว่างไสวด้วยแสงนีออน ป้ายไฟ “Ninety Nine Club” เด่นสะดุดตา ประตูทางเข้ากระจกใสเผยแสงสีทองอำพันลอดออกมาหรูหรา รถยนต์หรูจอดเรียงราย ชายหนุ่มในสูทและหญิงสาวในเดรสก้าวลงจากรถ บอดี้การ์ดและพนักงานต้อนรับคอยโค้งทักอย่างสุภาพ ภายในคลับ เสียงเพลงบีทหนักสลับกับแสงไฟสีฉูดฉาด โต๊ะวีไอพีประดับโซฟาหนัง เครื่องดื่มพรีเมียมเรียงราย พนักงานสาวในเดรสสั้นรัดรูปเดินเสิร์ฟด้วยรอยยิ้ม ลลินยืนชะงักตรงประตู ใบหน้าซีดเล็กน้อย ทุกสิ่งตรงหน้าช่างแตกต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จัก “สวัสดีครับทำอะไรครับ” “สะ...สมัครงานค่ะ” “มาสมัครงานใช่ไหมครับ เชิญทางนี้” เสียงทุ้มของพนักงานต้อนรับเรียก เธอพยักหน้าคล้ายหุ่นยนต์ กำกระเป๋าแน่นแล้วก้าวตามเขาเข้าไปทางด้านข้าง จนถึงห้องกระจกที่ติดป้าย “เฉพาะพนักงาน” ในห้อง ผู้หญิงวัยกลางคนในชุดสูททันสมัยนั่งไขว่ห้างอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบเงยขึ้นทันทีที่เธอก้าวเข้า “สวัสดีค่ะ มาสมัครงาน?” น้ำเสียงเรียบหรูแฝงอำนาจ ลลินสูดหายใจ ก่อนยกมือไหว้ “ค่ะ หนูชื่อ ลลินดา วัฒนกูล มาสมัครพนักงานเสิร์ฟค่ะ” ผู้จัดการนั่งพิงเก้าอี้หนัง จ้องเธอราวกับจะมองทะลุหัวใจ ก่อนวางแฟ้มลงบนโต๊ะ “ลลินดา วัฒนกูล… อายุเท่าไหร่คะ” “ยี่สิบสามค่ะ กำลังเรียนมหาลัยปีสุดท้าย” คิ้วผู้จัดการขยับเล็กน้อย “ปีสุดท้าย… งานในคลับไม่ง่าย เลิกตีสอง คุณมั่นใจว่าจัดการเวลาเรียนได้?” ลลินสบตาแน่วแน่ “ได้ค่ะ หนูพร้อมจะรับผิดชอบ” “แล้วทำไมถึงเลือกที่นี่ ทั้งที่ยังมีงานอื่น” ริมฝีปากเล็กสั่นน้อย ๆ แต่เธอยิ้มบาง “เพราะหนูต้องการรายได้ที่มั่นคง… เพื่อเลี้ยงครอบครัวค่ะ” ผู้จัดการนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหยิบปากกาขึ้น “งานที่นี่ต้องอดทน ใจแข็ง และเก็บอารมณ์ คุณทำได้ไหม” “ทำได้ค่ะ” ลลินตอบทันที น้ำเสียงหนักแน่นกว่าที่ใจรู้สึกจริง ผู้จัดการวางปากกา “ดี งั้นฉันจะให้โอกาส คุณสะดวกเริ่มงานวันไหน” “พรุ่งนี้ได้ไหมคะ หนูอยากเริ่มโดยเร็วที่สุด” ผู้จัดการยิ้มมุมปาก “ไฟแรงดี… พรุ่งนี้หกโมงเย็น มาตรงเวลา ใส่ชุดนักศึกษาก็ได้ ขอให้ดูเรียบร้อย คุณจะได้เรียนรู้งานจริงตั้งแต่คืนแรก” “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ” หัวใจลลินเต้นแรงไม่หยุด เธอรู้… ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว อีกด้าน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ บริเวณทางออกผู้โดยสาร ภูผา ภูวดล พิพัฒน์ไพศาลสกุล อายุ 28 ปี เพิ่งกลับจากดูงานต่างประเทศ ก้าวออกมาพร้อมแว่นดำสีเข้ม ร่างสูงสง่าเรียกสายตาผู้คนโดยไม่ต้องพยายาม “เฮ้ย ไอ้ภู ทางนี้!” ภาคิน วัฒนโกศาสกุล เจ้าของไนน์ตี้ไนน์คลับ ผับสุดหรูอันดับหนึ่งในกรุงเทพฯ โบกมือรอรับเพื่อนสนิทที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศด้วยกันตอนอายุ 18 ปี จนถึงวันนี้ก็สิบปีแล้วที่มิตรภาพยังแน่นแฟ้น ภูผาเดินเข้ามา ก่อนยกยิ้มบาง “เออ ๆ ไงวะไอ้ภาคิน… มีเมียยัง” ภาคินหัวเราะหยัน “เหอะ งานกูล้นมือขนาดนี้ ยังจะถามเรื่องเมีย มึงล่ะ?” คำถามนั้นทำให้ภูผาเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาหลบแวววาวของสนามบิน นึกย้อนกลับไปถึงเด็กสาวมัธยมต้น… คนที่เขาเคยตัดใจบอกเลิกเพื่อไปเรียนต่อเมืองนอก ความทรงจำที่ฝังลึกจนไม่เคยเลือน “…กูก็ยังไม่มี” เขาตอบเสียงเรียบ “สมแล้วว่ะ ถึงได้เป็นเพื่อนกัน” ภาคินยิ้มขำ ตบไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนผายมือเชิญขึ้นรถหรูที่จอดรออยู่ด้านนอก ภายในรถ รถหรูแล่นออกจากสนามบินไปได้สักพัก บรรยากาศด้านในเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์เบา ๆ ภูผาเอนกายพิงเบาะหนังนิ่ม สวมแว่นดำพลางหันไปถามเพื่อน “นี่มึง… ไม่ได้จะพากูกลับบ้านหรอกใช่ไหม” ภาคินหัวเราะหึในลำคอ “รู้ทันจริงนะมึง” ภูผายกยิ้มมุมปาก “ก็เพื่อนมึงทั้งคน จะไม่รู้ได้ไง” “หึ ๆ ก็นั่นแหละ วันนี้กูจะพามึงไปคลับซะหน่อย มึงไปดูงานตั้งเดือน คงเครียด ต้องผ่อนคลายบ้าง เผลอ ๆ ได้เมียติดมือกลับไปด้วยนะเว้ย” ภูผาส่ายหน้าอย่างขำ ๆ “เออ… หาให้ตัวเองก่อนเถอะมึง” “โห ไอ้ภู! ไอ้เวรเอ๊ย” ภาคินด่าหยอก ตีไหล่เพื่อนเต็มแรงจนเสียงดัง ปั๊ก ทั้งคู่หัวเราะพร้อมกัน รถหรูแล่นทะยานไปบนถนนกลางค่ำคืน ไม่นานนัก รถคันหรูสีดำเข้มก็เลี้ยวเข้าสู่ลานหน้าคลับ ไนน์ตี้ไนน์ แสงไฟนีออนสว่างไสวตัดกับท้องฟ้ายามค่ำคืน ป้ายไฟขนาดใหญ่สะท้อนแสงหรูหราโดดเด่นท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่าน ภาคินจอดรถเทียบหน้าคลับ ก่อนยื่นกุญแจให้พนักงานรับรถด้วยท่าทางคุ้นชิน แล้วหันมาพยักหน้าเรียกเพื่อนสนิท “ไปสิไอ้ภู เข้าข้างในกัน” ภูผาก้าวลงจากรถพร้อมเพื่อน รูปร่างสูงโปร่งในชุดเรียบหรูทำให้หลายสายตาหญิงสาวแถวนั้นเหลียวมองไม่วางตา เขาก้าวตามเพื่อนมุ่งสู่ประตูทางเข้า แต่แล้ว สายตาคมกริบก็สะดุดเข้ากับร่างหนึ่งที่เดินสวนออกมา… หญิงสาวผิวขาวผมยาวสลวย ชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดตัดกับผมดำเงางาม เธอก้าวผ่านไปอย่างเร่งรีบ ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะมองใครสักคน แต่ภูผากลับหยุดชะงัก ดวงตาคมนิ่งค้างราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน หัวใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ สายตาเขาเผลอมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นไปจนลับสายตา “ไอ้ภู! มึงมัวเหม่ออะไร เข้ามาสิวะ” เสียงเรียกของภาคินทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย รีบก้าวตามเพื่อนเข้าไปด้านใน ทว่าภาพของหญิงสาวเมื่อครู่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวอย่างไม่รู้เหตุผล…ส่วนคนตัวเล็กก็ไม่รู้เลยว่า แฟนเก่าของเธอได้กลับมาแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม