“ทุเรศที่สุด คำพูดไม่ได้สมกับกับหน้าหล่อๆ ของคุณเลยสักนิด” ม่านแพรยังก่นด่าชายหนุ่มไม่หยุด แม้ว่าเอาเข้าจริงแล้ว เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับเธอทั้งหมดนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
“อยากจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ เพราะสุดท้ายแล้ว คุณก็ต้องเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งของผมเท่านั้นแหล่ะ” ติณณภพกล่าวก่อนที่จะพาหญิงสาวเดินมายังเรือนเล็ก ซึ่งเป็นอาณาจักรส่วนตัวของเขา จะเรียกว่าพามาก็ไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ เรียกว่าลากมาน่าจะถูกเสียมากกว่า
“ฉันจะไม่มีวันทำตามที่คุณต้องการ” ม่านแพรยังคงยืนยันคำเดิม
“แล้วถ้าเธอไม่ทำตามที่ฉันต้องการ เธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ลองใช้สมองคิดเล่นๆ ดูสิ” ติณณภพเอ่ยออกมาด้วยแววตาเลือดเย็นไม่ต่างจากบิดาของเขา
“คุณจะทำอะไรฉันได้ ในเมื่อฉันตั้งใจจะตายอยู่แล้ว ต่อให้คุณขู่ฉันยังไง มันก็ไม่ได้ผลหรอก” ม่านแพรจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด เพราะถ้าเธอยอม ก็แปลว่าเธอต้องยอมไปตลอดชีวิต ซึ่งมันก็พังลงไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว แม้แต่ความฝันเพียงแค่ว่าจะมีความสุขในชีวิต เธอยังไม่กล้าฝันเลย
“คิดดีๆ นะ คนที่เธอห่วงที่สุดน่ะใคร” ติณณภพเอ่ยออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“แม่น่ะเหรอ” ม่านแพรแอบตกใจที่เขาเอ่ยถึงประเด็นนี้ แต่เธอพยายามเบี่ยงประเด็นมาที่มารดาตนเอง เพราะเชื่อว่าหากเขาคิดจะทำอะไรไม่ดี มารดาของเธอก็น่าจะเอาตัวรอดได้
“คิดดีๆ สิว่าใช่แม่เธอมั้ย เธอเคยห่วงแม่ด้วยเหรอ” ข้อมูลจากที่เขาได้รับจากคนสนิท ก่อนที่เขาจะเข้าไปห้ามเธอเมื่อสักครู่ มันทำให้สมองอันชาญฉลาดของเขาประมวลผลได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแม่ลูกส่วนตัวละครลับอีกตัวนั่นก็คือยายของเธอ ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาคิดถูก
“ก็แม่น่ะสิ มีลูกคนไหนไม่ห่วงแม่ตัวเองบ้าง” ม่านแพรรีบเถียงเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
“เธออาจจะเป็นหนึ่งในศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนเสมอไป” ติณณภพหยั่งเชิงหญิงสาว
“ไม่หรอก ฉันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก” ม่านแพรยังคงพยายามที่จะไม่ให้ยายของเธอมาเป็นจุดอ่อนที่เขาเอามาเล่นงานเธอ
“ถ้างั้นฉันคงไม่ต้องเกรงใจ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับยายของเธอ” ติณณภพเอ่ยออกมาพร้อมกับสังเกตท่าทางของหญิงสาว