เสี่ยวฮวาหายามาทาให้รั่วอินที่หลังมือของนาง สาวใช้ทั้งสองมองนางอย่างเห็นใจ เพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดสิ่งใดกัน จึงทำให้นายท่านมีอารมณ์รุนแรงเพียงนี้
ตลอดทั้งห้าวันที่ผ่านมารุ่ยเผิงไม่ได้มาหารั่วอินที่จวนตะวันตกเลย แต่เขาก็ยังถามเรื่องของนางจากเสี่ยวซีอยู่ตลอด ทั้งยังรู้เรื่องที่เขาทำให้นางบาดเจ็บที่หลังมือ
กลายเป็นรุ่ยเผิงที่อดทนไม่ไหว เขามหานางในคืนวันที่ห้าที่หายหน้าไป คิดว่าจะต่อว่านางเสียยกหนึ่งเมื่อได้เห็นหน้า
แต่เมื่อเห็นร่างกายที่ซูบผอมลงของรั่วอิน รุ่ยเผิงก็กลืนคำพูดที่จะต่อยางลงไปเสียทั้งหมด
“เหตุใดพวกเจ้าจึงดูแลนางจนมีสภาพเช่นนี้” รุ่ยเผิงหันไปตวาดสาวใช้ทั้งสองคนเสียงดัง จนพวกนางรีบคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
“ใต้เท้า เป็นข้าไม่ดีเองเจ้าค่ะ อย่าต่อว่าเสี่ยวหงกับเสี่ยวฮวาเลย” รั่วอินจับที่แขนของรุ่ยเผิง
นางจูงมือเขาพาเดินเข้าไปในห้อง เพื่อที่เขาจะไม่ต้องลงโทษสาวใช้ทั้งสองคน นางลูบที่อกของเขาเบาๆ เพื่อให้คลายจากโทสะ
“ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ” รั่วอินเทน้ำส่งให้รุ่ยเผิง
เขาดึงตัวนางให้มานั่งลงบนตัก ทั้งยังลูบที่เอวของนาง ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น
“ข้าไม่อยู่เพียงไม่กี่วัน เจ้าถึงกลับอดข้าวจนซูบผอมเพียงนี้เลยหรือ” เขาวางคางอยู่ที่ไหล่ของนาง
“ไม่เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววตาที่เศร้าหมองของนางไว้ไม่ให้เขาได้เห็น
เพราะนางเป็นห่วงบิดากับน้องชาย จนกินอันใดไม่ลง จึงได้ผอมลงอย่างที่เขาได้เห็น
รุ่นเผิงถอนหายใจอย่างยอมจำนวน เป็นเขาที่ใส่อารมณ์กับนางมากเกินไปนางเพียงเอ่ยถามแค่ประโยคเดียวเขาถึงควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้
“บิดาของเจ้าไม่ได้เป็นอันใด ไม่มีผู้ใดทำให้เขาลำบาก ส่วนหงอี้ ข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากสหาย น้องชายของเจ้าเดินทางไปถึงอย่างปลอดภัย”
รั่วอินหันมามองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าเขาจะบอกกล่าวเรื่องนี้กับนาง ทั้งที่เมื่อห้าวันก่อน เขายังเอ่ยเตือนให้นางอย่าได้ถามสิ่งใดอีก
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางซุกตัวลงในอ้อมแขนของเขาอย่างซาบซึ้งใจ อย่างน้อยเรื่องที่นางกังวลก็วางลงได้เสียที่
รุ่ยเผิงจับคางนางให้หันมาทางเขา เพิ่มทั้งเอ่ยอย่างข่มขู่
“ต่อไปหากเจ้ายังปล่อยให้ตนเองมีสภาพเช่นนี้อีก ข้าจะทำโทษสาวใช้ทั้งสองคนเสีย”
“ไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ” นางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“ไม่กินข้าวกันก่อนเถิด” หากช้ากว่านี้เขาคงได้จับนางกินแทนข้าวเสียแล้ว
รุ่ยเผิงไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงได้ยอมใจอ่อนกับนางมากเพียงนี้ ห้าวันที่ผ่านมา เขาไม่อาจนอนหลับสนิทได้สักวัน
จิตใจของรั่วอินดีขึ้นนางจึงกินข้าวได้มากขึ้น เพียงไม่นานนางก็มีน้ำมีนวลขึ้นดังเดิม รุ่ยเผิงก็มาค้างที่จวนตะวันตกไม่ขาด
ผ่านมาได้สองเดือน รุ่ยเผิงก็ต้องเดินทางไปสืบคดีที่ต่างเมือง เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงคิดที่จะพารั่วอินนางไปด้วย
“รั่วอิน ข้าจะพาเจ้าไปเมืองกว่างหนาน อีกสองวันออกเดินทาง”
“แล้ว...” เพราะรู้ว่าสิ่งที่นางกังวลคือเรื่องอันใด รุ่ยเผิงจึงได้เอ่ยขึ้นมาก่อนที่นางจะพูด
“ไม่มีผู้ใด มีเพียงข้ากับเจ้า ครั้งนี้ข้าต้องปลอมตัวไป เจ้าอย่าได้กังวล”
เขาลูบใบหน้าของนางอย่างรักใคร่ ก่อนจะออกไปทำงาน ทั้งยังสาวใช้ทั้งสองช่วยเตรียมของใช้ให้รั่วอิน เพื่อออกเดินทาง
สองวันต่อมารุ่ยเผิงก็พารั่วอินเดินทางออกจากเมืองหลวง โดยมีเสี่ยวซีเป็นผู้บังคับรถม้า รถม้าที่ใช้เดินทางไม่ใช่รถม้าของรองตุลาการรุ่ยเผิงจำต้องต่อแถวรอออกจากประตูเมืองเช่นชาวเมืองทั่วไป
เพียงรถม้าเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง รั่วอินนางก็เปิดผ้าม่านรถม้าเพื่อดูบรรยากาศด้านนอก รุ่ยเผิงยกยิ้มมุมปากกับท่าทางที่ตื่นเต้นเหมือนเด็กของนาง
“มีอันใดน่าดูกัน” เขาเอ่ยถามอย่างหยอกเย้า
“ข้ามิได้ออกมานอกเมืองนานแล้วเจ้าค่ะ” รั่วอินพูดอย่างเขินอาย
นางปิดผ้าม่านลงเมื่อรู้ว่าทำท่าทางที่ไม่เหมาะสม
“มานี่” รุ่ยเผิงเอ่ยเรียกให้นางมานั่งข้างเขา
รั่วอินลุกขึ้นไปอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่อนางจะนั่งลงเขากลับดึงตัวนางให้นั่งลงบนตัก
“ไว้ข้าจะพาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นดีหรือไม่” จมูกของรุ่ยเผิงซุกอยู่ที่ซอกคอของรั่วอิน
“เจ้าค่ะ” นางไม่ได้คิดว่าเขาจะทำได้อย่างที่พูด เพราะงานของเขาก็แทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนแล้ว
รุ่ยเผิงออกเดินทางมาเมืองกว่างหนานในครั้งนี้ เพื่อสืบเรื่องการตายของสตรีหลายรายภายในเมือง เจ้าหน้าที่ของเมืองกว่างหนานก็ไม่อาจหาเบาะแสได้พบหลังจากที่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว
ทั้งยังมีจำนวนศพที่เพิ่มขึ้น จนตอนนี้สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเสียชีวิตไปแล้วห้าราย
ฝ่ามือของรุ่ยเผิงเริ่มจะซุกซน เขาล้วงมือเขาไปในสาบเสื้อของรั่วอินอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังบีบเคล้นเนินเนื้องามอย่างปรารถนา
"ใต้เท้า" นางเอ่ยเสียงร้องอย่างอ้อนวอน
รั่วอินนางไม่เคยขัดใจเขาในเรื่องเช่นนี้ แต่นี่ทั้งคู่อยู่ในรถม้า
“เด็กดี อยู่นิ่งๆ” รุ่ยเผิงจะไม่รู้ความคิดของนางได้อย่างไร
รั่วอินนางเป็นคุณหนูในห้องหอ คงอับอายที่ต้องทำเรื่องเช่นนี้เมื่ออยู่ด้านนอก ทั้งยังเป็นตอนฟ้าสว่าง
“ประเดี๋ยวเสี่ยวซีได้ยิน” นางกลัวว่าเสี่ยวซีที่บังคับรถม้าจะรู้ว่าด้านในกำลังทำสิ่งใดอยู่
“เจ้าก็ร้อง ให้เบาเสียหน่อย” สายตาของรุ่ยเผิงที่มองนางกำลังหยอกล้ออย่างนึกสนุก
รั่วอินยื่นปากอย่างไม่พอใจ รุ่ยเผิงหัวเราะขบขันอยู่ในลำคอเมื่อเห็นใบหน้าของนาง น้อยครั้งหนักที่นางจะแสดงท่าทีไม่พอใจหรืองอนเขาอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้
รุ่ยเผิงจับกระโปรงของรั่วอินยกขึ้นมากองอยู่ที่สะโพกของนาง เขาหยอกล้อดอกไม้งามของนางจนพอใจก่อนที่จะยกตัวนางขึ้นเขาสอดใส่ลำทวนเขามา
รั่วอินกัดปากแน่น เพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงครางที่น่าอับอายออกมา
“อินอิน” เขาร้องเรียกนางด้วยเสียงแหบพร่า รั่วอินไม่ทันได้ยิน เพราะหัวของนางขาวโพลนไปกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้
รุ่ยเผิงจับยึดสะโพกของนางไว้แน่น ก่อนจะกระแทกอย่างร้อนแรง ก่อนจะพลิกตัวนางให้หันกลับมาทางเขาแล้วบดจูบอย่างหื่นกระหาย
กว่าเขาจะยอมปล่อยตัวนางก็ถึงที่พักแล้ว รุ่ยเผิงให้เสี่ยวซีไปติดต่อห้องพัก เมื่อได้เรียบร้อย เขาถอดเสื้อคลุมห่อตัวรั่วอินไว้ แล้วอุ้มเข้าไปด้านในทันที