พระราชโองการคุมตัว โจวเว่ยหลง เสนาบดีกรมโยธา ทำให้ตรอกเหนือสะเทือน บ่าวไพร่ในจวนกรีดร้องอย่างเสียขวัญ เมื่อต้นไม้ใหญ่ของจวนถูกลากตัวไป
โจวรั่วอินกอดน้องชายวัยเจ็ดหนาวแน่น แม้ตัวนางจะสั่นเทาไปด้วยความกลัว แต่ก็ต้องปกป้องน้องชายอย่างสุดความสามารถ
คนของตุลาการไม่ได้จับตัวผู้ใด นอกจากโจวเหว่ยหลงเพียงผู้เดียว เพราะคำสั่งที่ได้รับมาเพียงแค่คุมตัวไปสอบสวน ยังไม่มีการตัดสินโทษ
แต่เพียงแค่นี้ก็เพียงพอให้ญาติสนิท สหายที่เคยเข้าออกจวนอยู่เป็นประจำ ต่างเก็บตัวเงียบไม่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เรื่องเมื่อสิบปีก่อนถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเขื่อนที่โจวเหว่ยหลงไปควบคุมการสร้าง เกิดข่าวลือเรื่องขึ้นภาษีโดยไม่แจ้งราชสำนัก ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านที่จะนำเรื่องมาแจ้งเมืองหลวง ถูกดักจับตัวไว้พร้อมทั้งลงโทษจนตาย เรื่องเช่นนี้ไม่มีผู้ใดอยากจะหาเรื่องใส่ตัว กลัวว่าจะถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แม้กระทั่งท่านอาของรั่วอิน ยังไม่เปิดประตูจวนต้อนรับนาง เมื่อนางได้ขอร้องให้เขาช่วยให้นางได้พบหน้าบิดา
รั่วอินกำมือแน่น อย่างเจ็บปวดใจ ก่อนหน้านี้ตำแหน่งที่ท่านอานั่งอยู่ ไม่ใช่เพราะบิดานางหรือ เขาถึงได้มาไม่ยาก แต่นางเพียงต้องการพบหน้าบิดา เพื่อสอบถามเรื่องราวกับไม่คิดแม้แต่จะเปิดประตูจวนให้นางได้เข้าไปพูดคุย
เสี่ยวจิน มองคุณหนูตนเองอย่างเห็นใจ ก่อนหน้านี้นางเป็นคุณหนูใหญ่ที่ได้รับทะนุถนอมอย่างดี เรื่องหนักใจแม้เพียงน้อยก็ไม่เคยได้รับ เมื่อเจอเรื่องใหญ่เช่นนี้นางจะทนได้อย่างไร
แผ่นหลังของรั่วอินแข็งเกร็ง เมื่อชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่อว่านาง ถึงความผิดของตัวบิดา แม้ทางการยังไม่ตัดสินโทษ แต่นางก็ถูกชาวบ้านถ่มน้ำลายจนอับอายเสียแล้ว
เหมือนสวรรค์ยังซ้ำเติมตระกูลโจวไม่หนำใจ เมื่อโรงจำนำ นำใบทวงหนี้มาหานางถึงจวน
“เป็นไปไม่ได้” เมื่อนางอ่านจบแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่อยากเชื่อ
จำนวนหนึ่งนับแสนตำลึงที่ประทับตราบิดาของนางเป็นผู้กู้เงิน จะเป็นไปได้อย่างไร ถึงตระกูลโจวไม่ได้ร่ำรวยจนใช้เงินได้อย่างมือเติบ
แต่เงินที่มีก็ทำให้นางกับน้องชายใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปจนตาย แล้วบิดาของนางมีเหตุผลใดที่ต้องกู้เงินมามากมายเพียงนี้
ทั้งยังดอกเบี้ยที่เพิ่มจนน่าตกใจหากต้องขายทรัพย์สินพร้อมบ้านที่มีทั้งหมดก็คงจะไม่พอใช้หนี้อย่างแน่นอน
“หึ คุณหนูโจว ใบทวงหนี้ในมือท่านเป็นของจริง ทั้งยังมีตราประทับของนายท่านโจว เรื่องนี้ตรวจสอบกับทางการได้” หลงจู๊หาน จ้องมองนางอย่างเจ้าเล่ห์
“แต่หากคุณหนูยอมประทับลายมือขายตัว สัญญาแผ่นนี้จะเป็นโมฆะ” หลงจู๊หานเอ่ยเกลี้ยกล่อมรั่วอิน
เพราะนายของเขาต้องการตัวของนาง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด สาวงามเช่นนี้ผู้ใดจะไม่อยากได้ แต่เหมือนนายของเขาจะไม่สนใจความงามของนาง แต่ไม่รู้ว่าต้องการตัวนางไปด้วยเหตุใด
“ไร้เหตุผลสิ้นดี ข้าจะไปสอบถามบิดาให้รู้เรื่อง หากเป็นดั่งที่ท่านว่า ข้าจะหาเงินมาใช้ให้ท่านด้วยตนเอง” นางจะยอมประทับตราลงในสัญญาขายตัวได้อย่างไร
“หึ ตุลาการมีคำสั่งไม่ให้ผู้ใดเข้าพบนายท่านโจว แล้วท่านจะเข้าไปได้อย่างไร อีกอย่างเงินจำนวนมากเพียงนี้ ภายในเจ็ดวัน ท่านจะหามาจากที่ใด” เขายิ้มที่มุมปากอย่างดูแคลน แต่สุดท้ายก็ยอมกลับไป เมื่อครบกำหนดเจ็ดวันค่อยมาใหม่ก็ยังไม่สาย
รั่วอินทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง แม่นมโจวกับเสี่ยวจินวิ่งเข้ามาประคองนางกลับเข้าไปด้านในห้องโถง
เป็นจริงดั่งที่หลงจู๊หานว่า เงินมากเพียงนี้นางจะหามาจากที่ใด
“คุณหนูท่านหนีออกจากเมืองหลวงไปหาคุณชายสวีที่ชายแดนเถิดเจ้าค่ะ”
แววตาของรั่วอินวูบไหว เมื่อแม่นมโจวเอ่ยถึงคู่หมั้นของนาง เขาเดินทางไปจัดการเรื่องทหารที่ชายแดนเหนือได้หนึ่งปีแล้ว ทั้งยังบอกเมื่อกลับมาเมืองหลวงอีกครั้งจะแต่งนางเข้าจวนในทันที
เพราะสวีกงจวิ้น ไม่อาจพาสตรีที่เขารักไปลำบากถึงชายแดนด้วยได้ จึงคิดจะจัดการเรื่องทางชายแดนให้เรียบร้อยแล้วค่อยแต่งนางเข้าจวน
ตอนที่สวีกงจวิ้นหมั้นหมายกับรั่วอิน ไม่มีบุรุษใดในเมืองหลวงที่ไม่ปวดใจ เพราะความงามของนางที่ราวกับนางจิ้งจอก เพียงปรายตาบุรุษก็แทบจะมาสยบแทบเท้าของนางแล้ว
“ข้าจะทิ้งท่านพ่อไปได้อย่างไร” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบา