(จาง เฟยหลิง) ณ คฤหาสน์ตระกูลจาง
ตระกูล ‘จาง’ เจ้าของสมญานาม ‘มังกรแห่งแผ่นดินใหญ่’ ตระกูลมหาเศรษฐีอันดับที่ 1 ของประเทศจีน ตระกูลใหญ่เพียงหนึ่งเดียวที่ครองฉายามานับร้อยปี ธุรกิจของตระกูลครอบคลุมอยู่ในทุกแขนงไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ยา เทคโนโลยี ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจด้านการสื่อสาร ดิจิตอล การส่งออก เรียกได้ว่าทั้งภายในประเทศหรือนอกประเทศ ผู้ครองอำนาจด้านธุรกิจลำดับต้น ๆ จะต้องมีชื่อตระกูลจางอยู่ในนั้น
ภายใต้ความยิ่งใหญ่ที่สืบต่อกันมาล้วนเกิดจากผู้นำตระกูลที่เป็นสายเลือดโดยตรงของรุ่นนั้น ๆ โดยผู้เป็นบุตรคนโตจะถูกกำหนดให้เป็นผู้นำในรุ่นต่อไปตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาดูโลก และน่าแปลกใจอย่างยิ่งที่ตลอดหลายรุ่นที่ผ่านมา ลูกคนโตของตระกูลจะเป็น ‘ลูกชาย’ เสมอ จนกระทั่งรุ่นปัจจุบันที่กำลังจะผลัดเปลี่ยนมือให้แก่ ‘จาง เฟยหลิง’
ลูกชายคนโตแห่งบ้านจางที่ผู้หญิงมากมายต่างให้ความสนใจทุกอย่างที่เป็นเขา พวกเธอทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าหาทายาทตระกูล ‘จาง’ โดยเฉพาะ จาง เฟยหลิง
การที่จะทำให้เขาสนใจได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายใครหลายคนล้วนรู้ดี แต่หากทำได้สำเร็จผลตอบรับมันย่อมสมราคาค่าเหนื่อย นอกจากจะได้ผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตา เงินทอง อำนาจและเกียรติในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ผู้หญิงที่ได้แต่งงานกับเขายังจะได้เป็น ‘คุณนายตระกูลจาง’
“คิดว่าจะมีแฟนภายในปีนี้มั้ย” คำถามของชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างกันถามขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยิน ในเดือนนี้รู้สึกเหมือนจะโดนถามทุกอาทิตย์เลยหรือเปล่า?
“จะเอาแบบเพียบพร้อมหรือจะเอาแบบยังไงก็ได้ดีล่ะครับป๊า” เสียงทุ้มนุ่มย้อนถามกลับในขณะเดียวกันสายตายังให้ความสนใจที่หนังสือในมือ
“รู้คำตอบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว...งั้นกูจะหาเมียให้ สามสิบสองเข้าไปแล้วจะมีหลานให้ตอนห้าสิบหรือไง กูไม่น่าจะได้อยู่ดูหน้าหลานแล้วนะแบบนั้น” คำว่า ‘จะหาเมียให้’ ที่ออกมาจากปากป๊านั้นทำเอาเขาถึงกับลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยู่รอดปลอดภัยมาได้ตั้ง 2 ปีพอมาตอนนี้ดูท่าแล้วจะหมดโอกาสหนีซะแล้ว
“จะรีบไปหาม้าอะไรขนาดนั้น รู้แล้วว่ารักเมียมากแต่อยู่ด้วยกันก่อน” หนังสือในมือถูกปิดลง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันมองไปสบตากับผู้เป็นพ่อ
ในฐานะลูกชายคนโตและว่าที่ผู้นำตระกูลจางเขาเข้าใจสถานะของตัวเองเป็นอย่างดี การมีทายาทสืบสกุลเป็นสิ่งสำคัญแม้ว่าบ้านเราจะมีลูกถึง 4 คนรวมตัวเขาด้วยที่เป็นโต แต่ยังไงหน้าที่ตรงนี้ก็ตกเป็นของพี่คนโตเท่านั้น แล้วการที่ยากยิ่งกว่าการมีลูกคือการหาสะใภ้ที่ตรงตามหลักตระกูล
เพียบพร้อมทั้งกิริยา หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูล การศึกษาและนิสัยที่โอบอ้อมอารี ทั้งหมดมันฟังดูก็หาได้ไม่ยากแต่เอาเข้าจริง ๆ มันแทบไม่มีตัวเลือกที่พร้อมไปทั้งหมดนั่นเลยสักนิด ขนาดที่ว่าน้องชายของเขาอย่าง จาง ลู่จื้อยังต้องเลิกกับแฟนเพราะถูกกดดันจากคนในตระกูลถึงความไม่เหมาะสมกัน
ความรักมันแทบจะไม่ใช่เรื่องของคนสองเลยด้วยซ้ำ...
“ป๊าจะนัดดูตัว” ป๊าพูดเรื่องนี้ย้ำอีกครั้งด้วยสีหน้า แววตาจริงจัง
“ขอเวลา”
“ไม่ให้มึงแล้วหลิงขอมากี่รอบ สองปีก็ไม่เห็นมีสนใจสักคน”
“ขอเวลาสองอาทิตย์มีคนที่สนใจอยู่ ไหนเคยบอกว่าผัวเมียที่จะอยู่ด้วยกันได้อย่างยั่งยืนจะต้องอยู่กันด้วยความรักไง” เขาใช้ความสามารถสุดท้ายในการหว่านล้อมป๊า ทั้งที่รู้ว่ามันยากแต่ก็ต้องทำเอาไว้ก่อน ยื้อเวลาออกไปโดยไม่มีแผนรองรับใด ๆ ทั้งสิ้น
“มีคนสนใจ?” ป๊าหรี่ตามองอย่างจับผิด เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดสักเท่าไหร่
“ครับ”
“ได้ ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์พาเธอมาพบป๊า” ช่างเป็นเวลาที่เหมือนกำหนดมาเพื่อนับถอยหลังวันตายยังไงก็ไม่รู้
แล้วขอไป 2 อาทิตย์ทำไมได้กลับมาแค่ 1...
(หลี่ ซีมอง) 2 วันต่อมา
ณ ห้องประชุมประจำสำนักงานใหญ่ต้นสังกัดของหลี่ ชีหมิง
“อะไร…นะ”
เสียงหวานเอ่ยขาดห้วงอย่างไม่เชื่อหูตัวเองในสิ่งที่พึ่งได้รับรู้ เบื้องหน้าเป็นทีมผู้บริหารที่นั่งเรียงหน้ากระดานจ้องมองมายังร่างบางที่ยืนอยู่กลางห้องเป็นจุดเดียว ทุกคนไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าใด ๆ ซึ่งต่างกับฉันสิ้นเชิงที่ตอนนี้แม้แต่จะทรงตัวยืนยังแทบไม่อยู่หลังจากรับรู้เรื่องสำคัญที่มันเกี่ยวกับตัวเองโดยตรง
“ต้องให้พูดย้ำอีกเหรอเนี่ย เราพูดกันมาสองรอบแล้วนะ…แต่ก็ได้ ฉันให้เธอได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ‘ซานฉี’ ผู้บริหารสูงสุดและยังเป็นเจ้าของค่ายแห่งนี้อีกด้วย เขานั่งอยู่ตรงกลางในบรรดาทีมบริหารซึ่งก็อยู่ตรงหน้าฉันพอดิบพอดีได้พูดขึ้น ยกแขนกอดอกหันไปส่งสัญญาณให้แก่เลขาของตัวเองเป็นผู้อ่านเอกสารในมือซ้ำอีกครั้ง
“งานเปิดตัวโทรศัพท์แซดไซน์ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้จะไม่มีคุณหลี่ ชีหมิง ทางบริษัทซีเคแอล ผู้เป็นบริษัทแม่ของค่ายโทรศัพท์แซดไซน์แจ้งความประสงค์ขอเปลี่ยนตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่เป็นเว่ย เจียอี แต่เพียงผู้เดียวและเนื่องจากทางบริษัทเป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงพร้อมชดใช้ค่าเสียหายตามที่ระบุในสัญญาเต็มจำนวน โดยทางทนายและทีมงานของบริษัทซีเคแอลจะเป็นผู้ประสานงานต่อกับทางต้นสังกัดคุณหลี่ ชีหมิงต่อไป”
เสียงหวานเล็กของผู้เป็นเลขาประจำตัวซานฉีอ่านตามเอกสารที่อยู่ในมือ เมื่ออ่านจบแล้วเธอก็มองมายังฉันด้วยสีหน้าแววตาไม่สู้ดีนัก แสดงว่าเรื่องที่เกิดมันจะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่นอน จู่ ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่แบบนั้นจะมาฉีกสัญญาฉันก่อนวันเริ่มงานแค่วันเดียวแบบนี้เนี่ยนะ!