ตอนที่10 สิ้นสุดคือการเริ่มต้น

2288 คำ
เวธัสจูงมือน้องสาวเพื่อนมานั่งตรงโต๊ะรับรองด้านหน้าทางเข้าผับ บริเวณนี้มีไฟสีส้มพอสลัวๆ ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน ใบหน้าสวยที่มักมีรอยยิ้มสดใสเหลือเพียงความหมองหม่นและดวงตาที่มีแต่ความโศกเศร้า เธอขบริมฝีปากเข้าหากันแน่จนเวธัสกลัวว่ามันจะเป็นแผลจึงเอ่ยปากเรียก “ปิ่น…” คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมามองเขาครู่หนึ่ง แล้วรีบหลบสายตาก้มลงไปมองมือของตัวเองที่สอดประสานเข้าหากัน ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความกลัว กลัวว่าจะได้ฟังถ้อยคำที่เหมือนคมมีดกรีดหัวใจจากผู้ชายที่เธอแอบรัก “พี่ขอโทษ” พลันน้ำตาหยดใหญ่ก็ร่วงหล่นจากดวงตากลม ตั้งแต่เกิดเรื่องปาลีก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ฟังคำคำนี้ออกมาจากปากของเวธัส ถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอล่าสุดคือคำว่า ‘อย่ามาหาพี่อีก’ เขาห้ามปาลีโผล่หน้าไปให้เห็น “วันนั้นพี่พูดกับปิ่นแรงเกินไป พี่ขอโทษนะปิ่น” ปาลีกะพริบตาถี่ ไล่น้ำใสๆที่ทำให้การมองเห็นเลือนราง สองมือยังคงกำแน่นเข้าหากันไม่ปล่อย “พี่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดปิ่นเลยนะ” มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นช้อนคางปาลีให้เงยหน้าขึ้น นิ้วโป้งของเขาช่วยเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใสอย่างแผ่วเบา “อย่าร้องไห้เพราะพี่อีกเลยนะปิ่น” ความอ่อนโยนของเวธัสยิ่งทำให้น้ำตาของปาลีไหลริน เขาคือพี่เวย์คนเดิมที่แสนดีกับปาลีเสมอ “พี่เวย์…” ปาลีพูดไม่ออก มองหน้ารักข้างเดียวผ่านม่านน้ำตา “ปิ่นยังเป็นน้องสาวของพี่เสมอ” “แต่ปิ่นทำลายความรักของพี่” “เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่กับมุกไม่ได้โกรธแล้วนะ” เวธัสยังคงไล่น้ำตาออกจากแก้ม แม้จะไร้เสียงสะอื้นแต่ดวงตาของเธอก็สะท้อนความเจ็บปวดออกมาทั้งหมด “พี่เวย์ ปิ่นขอโทษ” ปาลีบอกเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตามองเขาตรงๆ “เด็กน้อย” เวธัสวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็กโยกเบาๆเหมือนครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก “ขอบคุณนะคะพี่เวย์” ขอบคุณที่ยกโทษให้คนไม่ดีอย่างเธอ คนที่เคยทำลายความรักของเขา เพื่อความรักของตัวเอง เวธัสส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าคมยิ้มบางๆให้ผู้หญิงที่เขาเห็นเป็นน้องสาวเสมอมา ตั้งแต่เล็กจนโตปาลีเปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆของเขา ปุริมปกป้องปาลียังไงเวธัสก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน พวกเขาเติบโตมาด้วยกันความผูกพันแน่นแฟ้นยากที่จะตัดขาด “กลับเข้าไปกันเถอะ พวกนั้นคงกำลังรอ” เมื่อพูดคุยกันเข้าใจแล้วเวธัสก็ลุกขึ้น เขาไม่อยากออกมานานๆให้คนข้างในสงสัย เพราะเรื่องนี้มีแค่เขากับเพลิงนิลที่รู้ ส่วนปุริมกับกีรติยังไม่ทันระแคะระคาย ยิ่งกับปุริมคนที่เวธัสไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มากกว่าใครเพื่อน ปุริมเป็นคนรักเพื่อนมาก เขาต้องรู้สึกแย่แน่ๆที่รู้ว่าน้องสาวแสนดีของตัวเองสร้างวีรกรรมอะไรไว้กับเวธัสและมุกดา “พี่เวย์เข้าไปก่อนเถอะค่ะ” ปาลีฝืนยิ้มให้ เวธัสไม่เซ้าซี้ เขารู้ว่าปาลีต้องการเวลา ชายหนุ่มลูบหัวเธอเบาๆอีกครั้งและเดินจากออกไป พ้นแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้อย่างถึงที่สุดก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดปานจะขาดใจ หยาดน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วรอบหนึ่งไหลออกมาอีกครั้ง รักข้างเดียวของปาลีได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว… ความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจได้รับการปลดล็อก เหมือนเข็มที่แทงอยู่ตรงกลางออกจนช้ำเลือดช้ำหนองถูกดึงออกไป ถึงมันจะเจ็บ เจ็บมากๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก คนตัวเล็กนั่งสั่นสะอื้นอยู่คนเดียวตรงมุมแคบๆที่ไร้ผู้คน ไหล่ทั้งสองข้างสั่นไหว รู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลายจนย่อยยับเป็นหมื่นๆชิ้นก็มิปาน เสียงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ทำให้ปาลีปาดน้ำตาออกจากแก้ม “แกอยู่ไหนอะ” ปลายสายเอ่ยถามเสียงดัง “โย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนะ ว่าจะกลับแล้ว วันนี้คงไปปาร์ตี้ของลิ้นจี่ไม่ได้แล้ว” ปาลีพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ทว่าปลายสายก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เสียงแกดูแย่มาก อยู่ตรงไหนเดี๋ยวฉันไปหา” “ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยู่บนรถแล้วแค่นี้นะโย” คนมุสารีบวางสาย รู้สึกผิดที่ต้องโกหก แต่ก็ไม่อยากให้โยษิตาต้องมาเป็นห่วงเธอด้วยอีกคน มือบางกำโทรศัพท์มือถือแน่น พร้อมกับก้มหน้าซุกแขนที่กอดเข้าหากัน “ไอ้เวย์น้องปิ่นล่ะ” กีรติถามเพื่อนทันทีที่เห็นเวธัสเดินกลับมาคนเดียว เพลิงนิลที่นั่งอยู่ข้างๆแอบเหลือบมองไปทางด้านหลังของเวธัส แต่ก็ไร้เงาที่คนเดินออกไปพร้อมกัน “ปิ่นอยู่ข้างนอกนะ” “เอ้า แล้วไม่กลับมาพร้อมน้องมันล่ะ แล้วพวกมึงไปคุยอะไรกัน เป็นความลับอะไรขนาดนั้นวะ” กีรติโวยวาย “ขี้เสือกวะ” เวธัสตอบกีรติ แต่สายตาเขาแอบมองอีกคน ที่กำลังร้อนรนนั่งไม่ติด มือที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มวางลงทันที เพลิงคว้าเสื้อแจคเก็ตหนังสีดำที่พาดอยู่โซฟา “กูกลับก่อนนะ” พูดแค่นั่นก็ลุกขึ้นเดินดุ่มๆออกไป ปล่อยให้กีรติเกาหัวแกรกด้วยความมึนงง “อ้าว ไอ้เพลิง! ไอ้สัสเพลิง!” เสียงตะโกนไล่หลังไม่ได้ทำให้ร่างสูงที่ก้าวฉับๆออกไปหันกลับมามองสักนิด กีรติมองหน้าเวธัสเพื่อขอคำตอบ “เป็นคนชวนกูมาดื่มแท้ๆ แดกไม่ถึงสองแก้วก้็รีบกลับ มึงว่ามันแปลกๆไหมวะไอ้เวย์” “หึ ช่างมันเหอะ รีบแดกๆ กูอยากกลับไปนอนกอดเมีย” “โอ๊ย! ลำคานคนมีเมีย” เจ้าของผับโวยวาย ใช่สิ! กลับไปคืนดีกับเมียเก่าหวานชื่นแล้วนี่ เพื่อนอย่างเขาเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า มีค่าแค่เวลาเหงา “มึงจะโวยวายทำไม ทุกวันนี้กูนึกว่ามึงทำประมงมากกว่าเป็นเจ้าของผับซะอีก” “ประมงอะไรวะ” “เฮียเวย์จะบอกว่าเฮียติติดหอยจนไม่ทำงานทำการครับ เหล้าครับเฮียเวย์” คนตอบไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้ปิงน้องรหัสตัวแสบที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการร้าน “เหรอครับคุณปิง ถ้างั้นระวังกูเอาหอยฟาดหน้านะครับ” “แหม๋เฮียติ หอยฟาดหน้าก็ดีดิครับ ปิงชอบเลียหอย” “กูหมายถึงฝ่าหอยนี่” กีรติยกฝ่าหอยที่ทั้งใหญ่ทั้งแน่นไซซ์สี่สิบกว่าขึ้นมา “อันนี่ฝ่าตีนครับเฮียติ ปิงไม่ถนัดเรื่องใช้กำปั้น ถนัดแต่ใช้หำครับเฮีย” “ถ้ามึงยังไม่รีบไปดูแลลูกค้าในร้าน มึงไม่เหลือหำไว้ใช้แน่ไอ้ปิง” คนถูกขู่รีบยกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะวิ่งแจ๋นออกไปให้ไกลจากโต๊ะของเจ้านาย “ไอ้ปืนไปไหน” เวธัสเอ่ยถามถึงปุริม ปกติรายนั้นไม่เคยพลาดการสังสรรค์เรียกว่าทำตัวเป็นผีเจ้าที่ประจำผับของกีรติเลยก็ว่าได้ “ไอ้เพลิงบอกว่ามันไปดูงานที่ต่างจังหวัดสองสามวัน” “อ๋อ พี่ชายไม่อยู่เลยอาสาดูแลน้องเขาให้” “มึงว่าอะไรนะไอ้เวย์” กีรติได้ยินไม่ค่อยชัด “เปล่า” รอยยิ้มร้ายของคนยักไหล่ดูมีเลศนัย แต่ถ้ามันไม่พูดกีรติก็ง้างปากมันไม่ได้ ไอ้พวกนี้มีลับลมคมในเยอะเสียจริง อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน พรึ่บ! เสื้อหนังสีดำตัวใหญ่ถูกโยนลงไปคลุมร่างบอบบางที่นั่งฟุบหน้ากอดเข่าอยู่ท่ามกลางไฟสลัว “กลับ” เสียงทุ้มแฝงความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าออกมาคุยกันเรื่องอะไร แต่เห็นสภาพจะเป็นจะตายของปาลีแล้วมันไม่สบอารมณ์ ทว่าพอได้เห็นใบหน้างามที่เปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตากับดวงตาแดงๆหัวใจของเพลิงนิลกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา “พี่เพลิง…” ริมฝีปากที่สั่นระริกร้องเรียก “มานั่งร้องไห้อะไรตรงนี้ ไม่อายคนอื่นหรือไง” “อย่ามายุ่ง” เสียงอู้อี้ตอบกลับมาอย่างดื้อรั้น เพลิงนิลทนคนเอาแต่ใจไม่ไหว เดินเข้าไปกระชากร่างของปาลีให้ลุกขึ้น “ปล่อยนะ” “อย่าดื้อให้มันมากนัก กลับ” เขาจัดการสวมเสื้อหนังสีดำคลุมให้กับคนตัวเล็กที่ต่อต้าน รูดคอเสื้อปิดเสื้อตัวบางที่แทบจะเห็นไปถึงข้างใน กระโปรงก็สั้นบาน ลมพัดมาทีคงได้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ไหนจะถุงน่องบางๆที่รัดขานั้นอีก มาถ่ายหนังเอวีหรือไงแม่คุณ! “พี่เพลิงปล่อยนะ! อึก ปล่อย บอกให้ปล่อยไง ว๊าย!” เขาจัดการอุ้มปาลีขึ้นฟาดบนบ่า พาร่างคนที่ดีดดิ้นมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล เพลิงนิลวางปาลีไว้บนเครื่องยนต์สองล้อสี่สูบสีดำแซมสีแดงเงาวับ ขายาวของคนตัวสูงก้าวขึ้นไปควบขี่รถเครื่องราคาแพง แตะขาตั้งขึ้นพร้อมกับสตาร์รถ เสียงกระหึ่มของอาคูติรถมอเตอร์ไซค์สี่สูบดังสนั่น “พะ…พี่เพลิง” ปาลีจับเสื้อเพลิงนิลไว้แน่นตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซน์มาก่อนในชีวิต ความสูงและเสียงดังของท่อรถทำให้ปาลีรู้สึกตกใจ “ถ้าไม่อยากตกก็จับดีๆ” เขาดึงแขนข้างของปาลีให้กอดเอวตัวเองแน่น คนตัวเล็กกอดเอวสอบด้วยมือทั้งสองข้าง ที่นั่งคนซ้อนสูงกว่าที่นั่งคนขับ ด้านหน้าของเธอจึงเบียดชิดกับแผ่นหลังของคนขับแนบแน่นไร้ช่องว่าง เหมือนกำลังโอบกอดร่างของเพลิงนิลเอาไว้ทั้งตัว Ducati Panigale ราคาหลักล้านค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน เข็มไมล์ของรถคันหรูที่ปกติอยู่หลักแปดสิบไปถึงจนร้อยก็ลดลงเหลือไม่เกินสี่สิบ คนที่ซ้อนทางด้านหลังซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของคนขับ ถึงความเร็วจะไม่มากนักแต่ความกลัวจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวมากเหมือนกับทีแรก สักพักเพลิงนิลรับรู้ได้ถึงความเย็นมาพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้น ร่างบางของคนที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลังสั่นไหว ไม่นานก็มีเสียงสะอื้นค่อยๆดังออกมา สองแขนกอดกระชับแน่นขึ้นราวกับว่าต้องหาที่พึ่งพิงในยามที่อ่อนแอ คนซ้อนเป็นยังไงไม่รู้แต่คนขับทนไม่ไหว จอดรถตรงสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก แตะขาตั้งลงแล้วเอี้ยวตัวไปยกร่างเล็กให้ร้องไห้สะอึกสะอื้นมานั่งถังน้ำมันที่อยู่ด้านหน้า ดวงตาคมมองใบหน้าเจ็บปวดที่ยังมีหยดน้ำตาร่วงเผาะด้วยสายตาเรียบนิ่ง “รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ” “อื้อ” คำตอบของปาลีถูกกลืนหายเข้าไปในคอ เมื่อเพลิงนิลจูบปากที่กำลังจะยอมรับ ริมฝีปากหนาบดเคล้าสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกวัดกับลิ้นเย็นๆของปาลี เขาแค่ถามประชดประชัน เธอดันอยากตอบความจริง น่าหงุดหงิด! ดื้อด้าน งี่เง่า จมปลักอะไรนักหนากับคนที่เขาไม่รัก! ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาไม่มีผลอะไรกับเพลิงนิลทั้งนั้น เขาใช้มือบังคับปลายคางให้แหงนขึ้นรับจูบที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง ลิ้นหนาซอกซอนไล่ก้อนสะอื้นให้กลับลงไป ร่างแบบบางสะท้านสั่นราวกับถูกล้อมไว้ด้วยน้ำแข็งเย็นยะเยือก ยินยอมรับจูบอันดูดดื่มไขว่ขว้าหาความอบอุ่นด้วยการบดเบียดริมฝีปากรับความร้อนแรง หากจะต้องหนาวเหน็บเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ ปาลีขอหลอมละลายไปกับกองเพลิงที่ร้อนเร่าตรงนี้ยังจะดีกว่า จูบที่ควรจะจบแค่บนรถมอเตอร์ไซค์กลับเลยเถิดมาไกล เมื่อแผ่นหลังของปาลีแนบลงกับเตียงนุ่มโดยมีร่างสูงเจ้าของห้องขึ้นคร่อมและยังป้อนจูบให้ไม่หยุด “ปิ่น…” ดวงตาของเขาวาววับ มองริมฝีปากที่ถูกจูบจนบวมเจ่อเรียกสติคนใต้ร่างด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าไม่หยุดตอนนี้…” ปาลีปรือตามองดวงตาร้อนแรงคู่นั้น นิ้วเรียวยกขึ้นเตะที่ริมฝีปากร้อนที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย “ปิ่นต้องการพี่” แขนทั้งสองข้างของปาลีค่อยๆเลื่อนขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งกดใบหน้าคมให้โน้นลงมาใกล้ รู้ดีว่าเขาเป็นไฟ ตอนนี้ขอเพียงความอบอุ่นเป็นที่พักใจ ต่อให้ไฟมันร้อน แต่ปาลีก็ขอยอมเป็นแมลงเม่าตัวน้อยบินเข้าไปหาความอบอุ่นจากแสงไฟ แม้จะถูกเผาไหม้จนตายก็ตามที “ปิ่นอยากได้พี่เพลิง” “เธอกำลังใช้พี่เป็นตัวแทนของคนอื่น” “ปิ่น…” “ขอจบกับพี่ยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ ปิ่นเห็นค่าพี่เฉพาะเวลาที่ปิ่นไม่มีใคร” “พี่เพลิง…” “ถ้าอยากได้เซ็กส์พี่ก็จะให้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะพี่คงไม่ออมมือให้เหมือนที่ผ่านมา” ถ้าที่ผ่านมาเรียกว่าออมมือ ปาลีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดหลังจากคืนนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม