เวธัสจูงมือน้องสาวเพื่อนมานั่งตรงโต๊ะรับรองด้านหน้าทางเข้าผับ บริเวณนี้มีไฟสีส้มพอสลัวๆ ไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน
ใบหน้าสวยที่มักมีรอยยิ้มสดใสเหลือเพียงความหมองหม่นและดวงตาที่มีแต่ความโศกเศร้า เธอขบริมฝีปากเข้าหากันแน่จนเวธัสกลัวว่ามันจะเป็นแผลจึงเอ่ยปากเรียก
“ปิ่น…”
คนตัวเล็กช้อนตาขึ้นมามองเขาครู่หนึ่ง แล้วรีบหลบสายตาก้มลงไปมองมือของตัวเองที่สอดประสานเข้าหากัน
ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความกลัว
กลัวว่าจะได้ฟังถ้อยคำที่เหมือนคมมีดกรีดหัวใจจากผู้ชายที่เธอแอบรัก
“พี่ขอโทษ”
พลันน้ำตาหยดใหญ่ก็ร่วงหล่นจากดวงตากลม
ตั้งแต่เกิดเรื่องปาลีก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ฟังคำคำนี้ออกมาจากปากของเวธัส
ถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอล่าสุดคือคำว่า ‘อย่ามาหาพี่อีก’ เขาห้ามปาลีโผล่หน้าไปให้เห็น
“วันนั้นพี่พูดกับปิ่นแรงเกินไป พี่ขอโทษนะปิ่น”
ปาลีกะพริบตาถี่ ไล่น้ำใสๆที่ทำให้การมองเห็นเลือนราง สองมือยังคงกำแน่นเข้าหากันไม่ปล่อย
“พี่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดปิ่นเลยนะ”
มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นช้อนคางปาลีให้เงยหน้าขึ้น นิ้วโป้งของเขาช่วยเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใสอย่างแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้เพราะพี่อีกเลยนะปิ่น”
ความอ่อนโยนของเวธัสยิ่งทำให้น้ำตาของปาลีไหลริน เขาคือพี่เวย์คนเดิมที่แสนดีกับปาลีเสมอ
“พี่เวย์…”
ปาลีพูดไม่ออก มองหน้ารักข้างเดียวผ่านม่านน้ำตา
“ปิ่นยังเป็นน้องสาวของพี่เสมอ”
“แต่ปิ่นทำลายความรักของพี่”
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว พี่กับมุกไม่ได้โกรธแล้วนะ”
เวธัสยังคงไล่น้ำตาออกจากแก้ม แม้จะไร้เสียงสะอื้นแต่ดวงตาของเธอก็สะท้อนความเจ็บปวดออกมาทั้งหมด
“พี่เวย์ ปิ่นขอโทษ” ปาลีบอกเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตามองเขาตรงๆ
“เด็กน้อย” เวธัสวางมือลงบนศีรษะคนตัวเล็กโยกเบาๆเหมือนครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก
“ขอบคุณนะคะพี่เวย์”
ขอบคุณที่ยกโทษให้คนไม่ดีอย่างเธอ
คนที่เคยทำลายความรักของเขา เพื่อความรักของตัวเอง
เวธัสส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าคมยิ้มบางๆให้ผู้หญิงที่เขาเห็นเป็นน้องสาวเสมอมา ตั้งแต่เล็กจนโตปาลีเปรียบเสมือนน้องสาวแท้ๆของเขา
ปุริมปกป้องปาลียังไงเวธัสก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน
พวกเขาเติบโตมาด้วยกันความผูกพันแน่นแฟ้นยากที่จะตัดขาด
“กลับเข้าไปกันเถอะ พวกนั้นคงกำลังรอ”
เมื่อพูดคุยกันเข้าใจแล้วเวธัสก็ลุกขึ้น เขาไม่อยากออกมานานๆให้คนข้างในสงสัย
เพราะเรื่องนี้มีแค่เขากับเพลิงนิลที่รู้ ส่วนปุริมกับกีรติยังไม่ทันระแคะระคาย ยิ่งกับปุริมคนที่เวธัสไม่อยากให้รู้เรื่องนี้มากกว่าใครเพื่อน
ปุริมเป็นคนรักเพื่อนมาก เขาต้องรู้สึกแย่แน่ๆที่รู้ว่าน้องสาวแสนดีของตัวเองสร้างวีรกรรมอะไรไว้กับเวธัสและมุกดา
“พี่เวย์เข้าไปก่อนเถอะค่ะ” ปาลีฝืนยิ้มให้
เวธัสไม่เซ้าซี้ เขารู้ว่าปาลีต้องการเวลา ชายหนุ่มลูบหัวเธอเบาๆอีกครั้งและเดินจากออกไป
พ้นแผ่นหลังกว้างไปจนสุดสายตา เสียงสะอื้นที่กลั้นไว้อย่างถึงที่สุดก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดปานจะขาดใจ หยาดน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วรอบหนึ่งไหลออกมาอีกครั้ง
รักข้างเดียวของปาลีได้จบลงอย่างสมบูรณ์แล้ว…
ความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจได้รับการปลดล็อก เหมือนเข็มที่แทงอยู่ตรงกลางออกจนช้ำเลือดช้ำหนองถูกดึงออกไป ถึงมันจะเจ็บ เจ็บมากๆ แต่ทว่ากลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
คนตัวเล็กนั่งสั่นสะอื้นอยู่คนเดียวตรงมุมแคบๆที่ไร้ผู้คน ไหล่ทั้งสองข้างสั่นไหว รู้สึกเหมือนหัวใจแตกสลายจนย่อยยับเป็นหมื่นๆชิ้นก็มิปาน
เสียงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ทำให้ปาลีปาดน้ำตาออกจากแก้ม
“แกอยู่ไหนอะ” ปลายสายเอ่ยถามเสียงดัง
“โย ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายนะ ว่าจะกลับแล้ว วันนี้คงไปปาร์ตี้ของลิ้นจี่ไม่ได้แล้ว” ปาลีพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ทว่าปลายสายก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
“เสียงแกดูแย่มาก อยู่ตรงไหนเดี๋ยวฉันไปหา”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยู่บนรถแล้วแค่นี้นะโย” คนมุสารีบวางสาย รู้สึกผิดที่ต้องโกหก แต่ก็ไม่อยากให้โยษิตาต้องมาเป็นห่วงเธอด้วยอีกคน มือบางกำโทรศัพท์มือถือแน่น พร้อมกับก้มหน้าซุกแขนที่กอดเข้าหากัน
“ไอ้เวย์น้องปิ่นล่ะ” กีรติถามเพื่อนทันทีที่เห็นเวธัสเดินกลับมาคนเดียว
เพลิงนิลที่นั่งอยู่ข้างๆแอบเหลือบมองไปทางด้านหลังของเวธัส แต่ก็ไร้เงาที่คนเดินออกไปพร้อมกัน
“ปิ่นอยู่ข้างนอกนะ”
“เอ้า แล้วไม่กลับมาพร้อมน้องมันล่ะ แล้วพวกมึงไปคุยอะไรกัน เป็นความลับอะไรขนาดนั้นวะ” กีรติโวยวาย
“ขี้เสือกวะ” เวธัสตอบกีรติ แต่สายตาเขาแอบมองอีกคน ที่กำลังร้อนรนนั่งไม่ติด
มือที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มวางลงทันที เพลิงคว้าเสื้อแจคเก็ตหนังสีดำที่พาดอยู่โซฟา
“กูกลับก่อนนะ”
พูดแค่นั่นก็ลุกขึ้นเดินดุ่มๆออกไป ปล่อยให้กีรติเกาหัวแกรกด้วยความมึนงง
“อ้าว ไอ้เพลิง! ไอ้สัสเพลิง!” เสียงตะโกนไล่หลังไม่ได้ทำให้ร่างสูงที่ก้าวฉับๆออกไปหันกลับมามองสักนิด กีรติมองหน้าเวธัสเพื่อขอคำตอบ
“เป็นคนชวนกูมาดื่มแท้ๆ แดกไม่ถึงสองแก้วก้็รีบกลับ มึงว่ามันแปลกๆไหมวะไอ้เวย์”
“หึ ช่างมันเหอะ รีบแดกๆ กูอยากกลับไปนอนกอดเมีย”
“โอ๊ย! ลำคานคนมีเมีย” เจ้าของผับโวยวาย ใช่สิ! กลับไปคืนดีกับเมียเก่าหวานชื่นแล้วนี่ เพื่อนอย่างเขาเลยกลายเป็นหมาหัวเน่า มีค่าแค่เวลาเหงา
“มึงจะโวยวายทำไม ทุกวันนี้กูนึกว่ามึงทำประมงมากกว่าเป็นเจ้าของผับซะอีก”
“ประมงอะไรวะ”
“เฮียเวย์จะบอกว่าเฮียติติดหอยจนไม่ทำงานทำการครับ เหล้าครับเฮียเวย์”
คนตอบไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้ปิงน้องรหัสตัวแสบที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการร้าน
“เหรอครับคุณปิง ถ้างั้นระวังกูเอาหอยฟาดหน้านะครับ”
“แหม๋เฮียติ หอยฟาดหน้าก็ดีดิครับ ปิงชอบเลียหอย”
“กูหมายถึงฝ่าหอยนี่” กีรติยกฝ่าหอยที่ทั้งใหญ่ทั้งแน่นไซซ์สี่สิบกว่าขึ้นมา
“อันนี่ฝ่าตีนครับเฮียติ ปิงไม่ถนัดเรื่องใช้กำปั้น ถนัดแต่ใช้หำครับเฮีย”
“ถ้ามึงยังไม่รีบไปดูแลลูกค้าในร้าน มึงไม่เหลือหำไว้ใช้แน่ไอ้ปิง”
คนถูกขู่รีบยกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะวิ่งแจ๋นออกไปให้ไกลจากโต๊ะของเจ้านาย
“ไอ้ปืนไปไหน” เวธัสเอ่ยถามถึงปุริม ปกติรายนั้นไม่เคยพลาดการสังสรรค์เรียกว่าทำตัวเป็นผีเจ้าที่ประจำผับของกีรติเลยก็ว่าได้
“ไอ้เพลิงบอกว่ามันไปดูงานที่ต่างจังหวัดสองสามวัน”
“อ๋อ พี่ชายไม่อยู่เลยอาสาดูแลน้องเขาให้”
“มึงว่าอะไรนะไอ้เวย์” กีรติได้ยินไม่ค่อยชัด
“เปล่า” รอยยิ้มร้ายของคนยักไหล่ดูมีเลศนัย แต่ถ้ามันไม่พูดกีรติก็ง้างปากมันไม่ได้ ไอ้พวกนี้มีลับลมคมในเยอะเสียจริง อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน
พรึ่บ!
เสื้อหนังสีดำตัวใหญ่ถูกโยนลงไปคลุมร่างบอบบางที่นั่งฟุบหน้ากอดเข่าอยู่ท่ามกลางไฟสลัว
“กลับ” เสียงทุ้มแฝงความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าออกมาคุยกันเรื่องอะไร แต่เห็นสภาพจะเป็นจะตายของปาลีแล้วมันไม่สบอารมณ์
ทว่าพอได้เห็นใบหน้างามที่เปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตากับดวงตาแดงๆหัวใจของเพลิงนิลกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
“พี่เพลิง…” ริมฝีปากที่สั่นระริกร้องเรียก
“มานั่งร้องไห้อะไรตรงนี้ ไม่อายคนอื่นหรือไง”
“อย่ามายุ่ง” เสียงอู้อี้ตอบกลับมาอย่างดื้อรั้น
เพลิงนิลทนคนเอาแต่ใจไม่ไหว เดินเข้าไปกระชากร่างของปาลีให้ลุกขึ้น
“ปล่อยนะ”
“อย่าดื้อให้มันมากนัก กลับ”
เขาจัดการสวมเสื้อหนังสีดำคลุมให้กับคนตัวเล็กที่ต่อต้าน รูดคอเสื้อปิดเสื้อตัวบางที่แทบจะเห็นไปถึงข้างใน กระโปรงก็สั้นบาน ลมพัดมาทีคงได้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ไหนจะถุงน่องบางๆที่รัดขานั้นอีก
มาถ่ายหนังเอวีหรือไงแม่คุณ!
“พี่เพลิงปล่อยนะ! อึก ปล่อย บอกให้ปล่อยไง ว๊าย!”
เขาจัดการอุ้มปาลีขึ้นฟาดบนบ่า พาร่างคนที่ดีดดิ้นมายังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล
เพลิงนิลวางปาลีไว้บนเครื่องยนต์สองล้อสี่สูบสีดำแซมสีแดงเงาวับ ขายาวของคนตัวสูงก้าวขึ้นไปควบขี่รถเครื่องราคาแพง แตะขาตั้งขึ้นพร้อมกับสตาร์รถ
เสียงกระหึ่มของอาคูติรถมอเตอร์ไซค์สี่สูบดังสนั่น
“พะ…พี่เพลิง” ปาลีจับเสื้อเพลิงนิลไว้แน่นตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซน์มาก่อนในชีวิต ความสูงและเสียงดังของท่อรถทำให้ปาลีรู้สึกตกใจ
“ถ้าไม่อยากตกก็จับดีๆ”
เขาดึงแขนข้างของปาลีให้กอดเอวตัวเองแน่น คนตัวเล็กกอดเอวสอบด้วยมือทั้งสองข้าง
ที่นั่งคนซ้อนสูงกว่าที่นั่งคนขับ ด้านหน้าของเธอจึงเบียดชิดกับแผ่นหลังของคนขับแนบแน่นไร้ช่องว่าง เหมือนกำลังโอบกอดร่างของเพลิงนิลเอาไว้ทั้งตัว
Ducati Panigale ราคาหลักล้านค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน เข็มไมล์ของรถคันหรูที่ปกติอยู่หลักแปดสิบไปถึงจนร้อยก็ลดลงเหลือไม่เกินสี่สิบ คนที่ซ้อนทางด้านหลังซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของคนขับ ถึงความเร็วจะไม่มากนักแต่ความกลัวจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวมากเหมือนกับทีแรก
สักพักเพลิงนิลรับรู้ได้ถึงความเย็นมาพร้อมกับสัมผัสเปียกชื้น ร่างบางของคนที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลังสั่นไหว ไม่นานก็มีเสียงสะอื้นค่อยๆดังออกมา สองแขนกอดกระชับแน่นขึ้นราวกับว่าต้องหาที่พึ่งพิงในยามที่อ่อนแอ
คนซ้อนเป็นยังไงไม่รู้แต่คนขับทนไม่ไหว จอดรถตรงสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลนัก แตะขาตั้งลงแล้วเอี้ยวตัวไปยกร่างเล็กให้ร้องไห้สะอึกสะอื้นมานั่งถังน้ำมันที่อยู่ด้านหน้า
ดวงตาคมมองใบหน้าเจ็บปวดที่ยังมีหยดน้ำตาร่วงเผาะด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อื้อ”
คำตอบของปาลีถูกกลืนหายเข้าไปในคอ เมื่อเพลิงนิลจูบปากที่กำลังจะยอมรับ ริมฝีปากหนาบดเคล้าสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกวัดกับลิ้นเย็นๆของปาลี
เขาแค่ถามประชดประชัน เธอดันอยากตอบความจริง
น่าหงุดหงิด!
ดื้อด้าน งี่เง่า จมปลักอะไรนักหนากับคนที่เขาไม่รัก!
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาไม่มีผลอะไรกับเพลิงนิลทั้งนั้น เขาใช้มือบังคับปลายคางให้แหงนขึ้นรับจูบที่ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง
ลิ้นหนาซอกซอนไล่ก้อนสะอื้นให้กลับลงไป
ร่างแบบบางสะท้านสั่นราวกับถูกล้อมไว้ด้วยน้ำแข็งเย็นยะเยือก ยินยอมรับจูบอันดูดดื่มไขว่ขว้าหาความอบอุ่นด้วยการบดเบียดริมฝีปากรับความร้อนแรง
หากจะต้องหนาวเหน็บเจ็บไปถึงขั้วหัวใจ ปาลีขอหลอมละลายไปกับกองเพลิงที่ร้อนเร่าตรงนี้ยังจะดีกว่า
จูบที่ควรจะจบแค่บนรถมอเตอร์ไซค์กลับเลยเถิดมาไกล เมื่อแผ่นหลังของปาลีแนบลงกับเตียงนุ่มโดยมีร่างสูงเจ้าของห้องขึ้นคร่อมและยังป้อนจูบให้ไม่หยุด
“ปิ่น…”
ดวงตาของเขาวาววับ มองริมฝีปากที่ถูกจูบจนบวมเจ่อเรียกสติคนใต้ร่างด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้าไม่หยุดตอนนี้…”
ปาลีปรือตามองดวงตาร้อนแรงคู่นั้น นิ้วเรียวยกขึ้นเตะที่ริมฝีปากร้อนที่กำลังจะเอื้อนเอ่ย
“ปิ่นต้องการพี่”
แขนทั้งสองข้างของปาลีค่อยๆเลื่อนขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งกดใบหน้าคมให้โน้นลงมาใกล้
รู้ดีว่าเขาเป็นไฟ ตอนนี้ขอเพียงความอบอุ่นเป็นที่พักใจ ต่อให้ไฟมันร้อน แต่ปาลีก็ขอยอมเป็นแมลงเม่าตัวน้อยบินเข้าไปหาความอบอุ่นจากแสงไฟ แม้จะถูกเผาไหม้จนตายก็ตามที
“ปิ่นอยากได้พี่เพลิง”
“เธอกำลังใช้พี่เป็นตัวแทนของคนอื่น”
“ปิ่น…”
“ขอจบกับพี่ยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ ปิ่นเห็นค่าพี่เฉพาะเวลาที่ปิ่นไม่มีใคร”
“พี่เพลิง…”
“ถ้าอยากได้เซ็กส์พี่ก็จะให้ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะพี่คงไม่ออมมือให้เหมือนที่ผ่านมา”
ถ้าที่ผ่านมาเรียกว่าออมมือ ปาลีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดหลังจากคืนนี้