หลังจากขับรถไปส่งปาลีที่บ้านทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก น้องสาวเพื่อนทำเพียงยกมือไหว้แล้วเปิดประตูลงจากรถไป ดวงตาคมมองแผ่นหลังเล็กบอบบางที่ค่อยๆเดินห่างไปจนสุดสายตา เพลิงนิลนั่งนิ่งอยู่ในรถสักพักคิดทบทวนในสิ่งที่ปาลีพูดก่อนหน้านี้
ใช่ เรื่องของพวกเขามันควรจะจบก่อนที่ปุริมจะรู้ เขาเองก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ทว่าเขากลับไม่อยากให้มันจบ ไม่รู้ว่าทำไมเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่
ต้องการรับผิดชอบเหรอ?
ไม่ เพลิงนิลไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น
หรือเขารักปาลี?
ไม่มีทาง
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่เคยแม้แต่จะคิด ปาลีในสายตาของเพลิงนิลคือผู้หญิงน่ารำคาญ เอาแต่ใจ ดื้อด้าน เหมือนเด็กไม่รู้จักโต มีพ่อแม่พี่ชายคอยโอ๋เอาใจ เป็นผู้หญิงที่ห่างไกลจากสเปกเขาไปมากโข
ในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วเขายังต้องการอะไร?
นั้นนะสิเขาต้องการอะไร!
เป็นบ้าอะไรวะไอ้เพลิง อยากจบก็จบไปดิ
สาวๆในสต๊อกเยอะแยะที่พร้อมขึ้นเตียงกับเขา ยัยปิ่นทั้งเรื่องมาก ลีลาก็โคตรห่วย อมก็ทำไม่เป็น จะไปเสียดายทำไมวะ
แค่ตัวขาวเนียนนุ่ม จะบีบจับตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือ ตัวหอมกอดอุ่น ความสวยพอไปวัดไปวา จะเด็ดหน่อยก็ตอนได้กำราบเด็กแสนร้ายยามอยู่ใต้ร่าง เสียงครางพี่เพลิง พี่เพลิง ฟังแล้วมันเร้าใจดีก็แค่นั้น
ความคิดในสมองเริ่มตบตีกัน เพลิงนิลรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เคยฟันแล้วชิ่งมาเยอะแยะ แล้วจะเป็นจะตายอะไรกับผู้หญิงแค่คนเดียว
เพลิงนิลพยายามสลัดความคิดที่ประเดประดังเข้ามาในหัว ขับรถกลับบริษัท ซูเปอร์พรีเมียมออโต้ (SPA) ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถหรูจากค่ายรถชั้นนำทั่วโลก หนึ่งในธุรกิจของตระกูลที่คุณปู่มอบให้เขาเป็นผู้บริหารดูแลต่อจากบิดา
“คุณเพลิงคะ มีแขกมารอพบค่ะ”
“ใคร” คนอารมณ์เสียเอ่ยถามเลขาเสียงดุ
รุจยาหน้าเจื่อน รีบรายงานอย่างตะกุกตะกัก
“คะ...คือเธอบอกว่าเป็นเพื่อนคุณเพลิง รุจเลยให้ไปรอที่ห้องรับรอง เอ่อจะให้ไล่เธอไปไหมคะ”
“ไม่ต้อง พามาพบผมที่ห้องแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
ช่วงนี้เจ้านายของรุจยากลายเป็นคนผีเข้าผีออก เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ประชุมอยู่ดีๆก็หนีออกไปกลางคัน บอกว่ามีธุระด่วนซะอย่างนั้น
หายไปเกือบสองชั่วโมง พอกลับเข้ามาก็เหมือนไปกินรังแตนที่ไหนดูหงุดหงิดงุ่นง่านจนเลขาอย่างเธอรับมือไม่ทัน
“เพลิงค่ะ”
เสียงหวานเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เมธินีโผเข้ากอดด้านหลังของร่างสูงที่กำลังยืนสูบบุหรี่
เพลิงนิลทิ้งก้นบุหรี่ลงในถาดรองที่วางอยู่ตรงนั้น เครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานกรองควันพิษจากบุหรี่ให้เหลือเพียงอากาศบริสุทธิ์
ร่างสูงจับมือที่ถือวิสาสะรวบเอวของเขาออกช้าๆ แล้วหมุนตัวกลับมาหา‘แขกที่ไม่ได้รับเชิญ’
“เมย์ ที่นี้คือที่ทำงาน” เขาดุอีกฝ่ายไม่จริงจังนัก ก่อนจะมองผ่านเธอไปยังบุคคลที่สามที่ทำสีหน้าตกตะลึงอยู่หน้าห้อง
“คุณรุจออกไปก่อน”
“ค่ะคุณเพลิง” รุจยาพยักหน้าเล็กน้อย ปิดประตูห้องทำงานของเจ้านายด้วยความเร่งรีบ ไม่คิดว่าจะได้เจอฉากเลิฟซีนตอนกลางวันแสกๆ
“ขอโทษค่ะ เมย์แค่คิดถึงเพลิง”
เพลิงนิลทำสีหน้าราบเรียบเมื่อได้ยิน
แฟนเก่าที่เลิกรากันไปจู่ๆก็กลับมาวนเวียนอยู่ในชีวิต
เมย์ เมธินี แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเพลิงนิลเคยคบหาอยู่ช่วงหนึ่ง
“เมย์ นั่งก่อนเถอะ”
เมธินีเอาใจคนรักเก่าด้วยการยอมเดินกลับมานั่งบนโซฟาแต่โดยดี ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้ กลัวอีกฝ่ายจะนึกเคือง
“เมย์มีธุระอะไรหรือเปล่า”
เพลิงนิลเดินตามไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม ห้องทำงานของเขาค่อนข้างกว้างรอบๆห้องเป็นกระจกใส มีมูลี่บางๆเป็นตัวกั้น
“เมื่อคืนเพลิงกลับก่อน เมย์เลยรู้สึกไม่ดี กลัวว่าเพลิงจะอึดอัดเรื่องที่เราคุยกัน”
เรื่องอึดอัดที่ว่าคือ เมธินีขอกลับมาคบกับเพลิงนิลอีกครั้ง
สำหรับเมธินีเพลิงนิลเป็นผู้ชายที่สุภาพ อ่อนโยน แสนดี อบอุ่น และร้อนแรงเสมอเมื่ออยู่บนเตียง ไม่ว่าใครก็เทียบเขาไม่ติด
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมเขาได้ลงเลย เริ่มต้นใหม่กับใครก็ไม่ได้ เพราะยังรักเพลิงนิลอยู่เต็มอก
“เพลิงไม่ได้อึดอัดอะไร”
ผู้หญิงตรงหน้าเคยสะบั้นรักเขา ก่อนที่จะหนีไปเรียนต่อต่างประเทศ
ในตอนนั้นเพลิงนิลเคารพการตัดสินใจของเมธินีอย่างง่ายดาย ไม่คิดจะยื้อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
เพลิงนิลไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาจริงจังกับความสัมพันธ์เสมอ เมื่อมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็ไม่เคยคิดจะนอกใจ แต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการจบความสัมพันธ์ก็ต้องยอมรับ
ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อกับปู่เคี่ยวเข็ญให้รู้จักปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
การถูกหักอกครั้งนั้นจึงไม่ได้อยู่เหนือการควบคุมสักเท่าไหร่
“ดีใจจัง เพลิงยังแสนดีกับเมย์เสมอ” เมธินียื่นมือไปจับมือของเพลิงนิลขึ้นมากอบกุม ถ่ายทอดความรู้สึกที่ยังมีเต็มเปี่ยมให้เขาได้รับรู้
ทว่าใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างของเจ้าหล่อนค่อยๆหุบลง เมื่อเจ้าของมือหนาถอนมือออกไป
“ที่ทำงานครับ” เขาย้ำ
เมธินีฝืนยิ้มจางๆ
“งั้นเมย์ไม่กวนเวลาทำงานของเพลิงแล้ว ไว้เมย์โทรหานะคะ”
เพลิงนิลทิ้งตัวลงพิงโซฟาตัวยาวเมื่อแฟนเก่าออกไปแล้ว เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ เรื่องที่คุยกับเมธินีเมื่อครู่ไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยสักนิด ในหัวมันมีแต่เรื่องที่คุยกับปาลีก่อนหน้านี้วนเวียนเต็มไปหมด
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเป็นปม สูดเอาสารนิโคตินเข้าไปช่วยสลายความตึงเครียดของสมองที่เผลอคิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง
แทนที่จะรู้สึกกับการกลับมาของคนรักเก่า เขากลับรู้สึกกระวนกระวายใจเรื่องของน้องสาวเพื่อน คนที่พร่ำบอกว่าไม่ชอบหนักหนามากกว่า
การอยู่ในบ้านหลังใหญ่ค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อพี่ชายตัวดีไม่อยู่ ปาลีนอนดูทีวีอยู่บนโซฟาด้วยความเบื่อหน่าย นิ้วเรียวกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆก็ไม่มีรายการไหนน่าสนใจ
คุณหนูคนเล็กของบ้านจึงกดปิดแล้วหันมาหยิบมือถือขึ้นมาเขี่ยเล่นไปมา
ท่องโลกโซเชี่ยวไปสักพักข้อความแชทจากโยษิตาก็เด้งขึ้นมา
“ปิ่น มาปาร์ตี้กับยัยลิ้นจี่ไหม”
ลิ้นจี่เป็นเพื่อนร่วมห้องของปาลีและโยษิตา เป็นสาวประเภทสองที่ผ่านการโมดิฟายทั้งตัวจนกลายเป็นสาวเต็มกาย ที่หาผู้ชายถูกใจทุกคืน
เป็นเจ้าแม่สายปาร์ตี้พอๆกับโยษิตา
“ที่ไหนอ่ะ กำลังเบื่อพอดี”
“KT ผับ ตรีมชุดนักเรียนนะ ลิ้นจี่นางเหมาห้องวีวีไอพีจัดปาร์ตี้ส่วนตัว”
พอได้ยินชื่อสถานที่ปาลีก็ชักไม่อยากไป กลัวเจอใครบางคนที่ไม่อยากเจอ
แต่ทว่าความเหงาบวกกับหัวใจที่ห่อเหี่ยวปาลีจึงเลือกที่จะมองข้าม ถ้าหนีครั้งหนึ่งก็ต้องหนีตลอดไปปาลีไม่ชอบการหนีปัญหาเหมือนคนขี้ขลาด เธอเลือกที่จะเผชิญหน้าตรงๆมากกว่า
เจอก็เจอซี่ยังไงเสียเขาก็เป็นเพื่อนพี่ชายไม่เจอวันนี้ก็เจอวันหน้าอยู่ดี
“ได้ เดี๋ยวไปถึงแล้วจะโทรหา”
“แกจะมายังไง รถแกยังซ่อมไม่เสร็จนิ”
“เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่ง พี่ปืนไม่อยู่ไม่มีใครบ่นหรอก ถ้าฉันจะออกบ้านตอนนี้”
“โอเค มาถึงแล้วโทรมานะ”
ปาลีกดปิดหน้าจอมือถือแล้ววิ่งขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องของตัวเอง
หญิงสาวอยู่ในชุดนักเรียนสีขาวรัดรูปคล้ายเสื้อนักศึกษาแต่มีโบสีน้ำเงินผูกที่คอเสื้อ เข้ากับกระโปรงพลีทลายสก็อตทรงสั้นแบบนักเรียนญี่ปุ่น ถุงน่องบางๆสีดำเลยเข่าขึ้นไปถึงกลางหน้าขา กับรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบแฟชั่น
ส่งผลให้ร่างโปร่งดูสวยปนเซ็กซี่เบาๆ ยิ่งผมยาวๆที่ถักเปียแกละทั้งสองข้างยิ่งเพิ่มความน่ารักให้ใบหน้าสวยหวาน
ปาลีส่งข้อความหาโยษิตาทันทีเมื่อมาถึงหน้าผับ ด้วยความสวยน่ารักทำให้เธอตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เดินผ่านไปมา
“น้องปิ่น?”
“สวัสดีค่ะพี่ติ”
เพื่อนพี่ชายทำหน้าตกใจที่เห็นปาลี วันนี้น้องสาวเพื่อนดูสวยมากจนแทบจำไม่ได้ จากเด็กสาวแสนเรียบร้อยกลายเป็นสาวสวยสุดเซ็กซี่ นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้ปืนมันยิงปืนแม่นนะ กีรติจีบปาลีไปนานแล้ว
“วันนี้แต่งตัวสวยจนพี่เกือบจีบแนะ มาหาไอ้ปืนเหรอมันไปทำงานที่ใต้นี่”
“เปล่าค่ะ ปิ่นมาเที่ยวกับเพื่อน”
“อ้าวเหรอ ชุดแบบนี้คงเป็นปาร์ตี้ตรีมชุดนักเรียนห้องวีไอพีที่อยู่ชั้นสอง”
“ค่ะ เพื่อนๆปิ่นเอง”
“ละก็ไม่บอกพี่จะลดราคาให้” เจ้าของผับเป็นคนสายเปย์ เป็นเพื่อนที่พี่ชายชอบมาหาของฟรีกินบ่อยๆ
“ไม่หรอกค่ะเกรงใจ แค่พี่ปืนมาเป็นภาระให้ก็รบกวนพี่ติแล้ว”
“พี่ชอบเลี้ยงหมาแมวจรจัดอยู่แล้ว เพิ่มไอ้ปืนเข้าไปอีกตัวก็ไม่เป็นไร”
“พูดอีกทีได้ไหมคะ ปิ่นจะอัดเสียงแล้วส่งให้พี่ปืน”
“โธ่ปิ่น กะจะฆ่าพี่ทางอ้อมเลยนะ”
ปาลีหัวเราะร่วน ในบรรดาเพื่อนๆของพี่ชายกีรติเป็นคนตลกอารมณ์ดีและใจดีที่สุด
“ปิ่นรีบไหมไปนั่งโต๊ะพี่ก่อนสิ ไอ้เวย์ก็มานะ นานๆมันจะมาที”
คนถูกชวนขบเม้มริมฝีปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบตกลง
ต่อให้เวธัสใจร้ายมากกับเธอมากแค่ไหน คนรักข้างเดียวก็ยังอยากเจออยู่ดี
โต๊ะของกีรติไม่ได้มีแค่เวธัส อย่างที่เจ้าของร้านบอก แต่กลับมีร่างสูงของคนที่ปาลีพึ่งบอกว่าไม่อยากเห็นหน้านั่งอยู่ด้วย
ใบหน้าคมขมวดคิ้วเล็กน้อยมองผู้มาใหม่ที่เดินตามหลังกีรติมา
“ดูซิว่ากูเจอใคร วันนี้น้องปิ่นแต่งตัวโคตรน่ารักเลย หนุ่มๆงี้มองตามหลังพรึบ” เจ้าของผับอวดน้องสาวเพื่อนสนิทอย่างภูมิใจ โดยไม่สังเกตเลยว่าบรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบ
“สวัสดีค่ะ” ปาลียกมือไหว้ กีรติรีบดันหลังปาลีให้ไปนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างเวธัส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเพลิงนิล
“พี่เวย์ สบายดีนะคะ” ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้ากันจนเจ็บ ก่อนจะส่งเสียงทักทายคนข้างๆเบาๆ
เขานั่งห่างเธอไม่กี่เมตรแต่ทว่าความรู้สึกของปาลีเหมือนเวธัสกำลังนั่งอยู่ไกลเกินเอื้อม
บรรยากาศมันชวนให้อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก มือเย็นเฉียบของปาลีขยุกขยิกเข้าหากัน เธอก้มหน้างุดรู้สึกอยากหายไปตั้งแต่ตอนนี้
“พี่สบายดี แล้วปิ่นล่ะเป็นไงบ้าง”
ถ้าบอกว่าเจ็บเจียนตาย เวธัสเชื่อไหม
คนจิตใจบอบช้ำตอบคำถามด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ออกไปคุยกับพี่ข้างนอกไหม”
เวธัสเอ่ยถาม เอื้อมมือมาหยุดมือที่เสียดสีกันจนเกิดรอยแดง คนตัวเล็กตกใจเล็กน้อย มองใบหน้าหล่อเหลาที่เคยแอบชอบด้วยดวงตาแดงก่ำ
“คุยอะไรกันวะไอ้เวย์ เดี๋ยวมุกมาเห็นก็เข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดอะไรกันไอ้เพลิง ยัยปิ่นก็น้องไอ้ปืนป่ะ ไม่ใช่สาวที่ไหนสักหน่อย ว่าแต่มึงจะคุยอะไรกับปิ่นวะไอ้เวย์ คุยตรงนี้ก็ได้กูอยากฟังด้วย”
คำตอบที่กีรติได้รับคือว่าคือคำว่า ‘เสือก’แบบที่ไม่ออกเสียง
เจ้าของผับยกนิ้วกลางสวนไปทันควัน
เวธัสไม่ได้กลัวว่าแฟนสาวจะเข้าใจผิดหรอก มุกดาไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล อีกอย่างเธอเป็นคนบอกให้เขารีบมาขอโทษปาลีด้วยซ้ำ ที่พูดจาทำร้ายจิตใจในวันนั้น
นอกจากจะปฏิเสธความรู้สึก แล้ว เขายังด้อยค่าความรักของคนคนหนึ่งได้อย่างเลือดเย็น มันรุนแรงเกินไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างปาลี
‘ถ้าเราหนักแน่นและเชื่อใจกันมากพอ ไม่ว่าใครจะปลุกปั่นยังไงพวกเราก็ไม่มีทางเลิกกัน เราต่างก็มีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น จะโยนไปให้ปิ่นรับผิดชอบคนเดียวไม่ได้’
พอใจเย็นลงก็คิดไตร่ตรองเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่มุกดาว่ามาจริงๆ
“พี่อยากคุยด้วย”
เวธัสย้ำอีกครั้ง
ปาลีจึงค่อยๆพยักหน้า มือของเธอถูกคนแอบรักดึงให้เดินตามออกไป ซึ่งทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของเพลิงนิล
“มันกับปิ่นมีความลับอะไรที่ต้องคุยกันวะ มึงเห็นหน้าปิ่นเมื่อกี้ป่ะ เหมือนกำลังจะร้องไห้เลย”
“…”
“ไอ้เพลิง! ได้ยินกูไหม”
กีรติโวยวายที่เพลิงนิลเอาแต่นั่งกระดกเหล้าลงคอเงียบๆ
“ติดนิสัยขี้เสือกมาจากไอ้ปืนหรือไง ไม่รู้สักเรื่องก็ไม่ตายหรอก”
“เอ้าไอ้ห่านี้ มึงไม่สงสัยหรือไง หรือมันมีรักสามเส้าเกิดขึ้นวะ”
“สามเส้าเหี้ยอะไร มึงอย่าไปพูดให้ไอ้ปืนได้ยินนะ หัวมึงเป็นรูกูไม่รู้ด้วย”
กีรติรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง มองซ้ายมองขวาอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่พอคิดขึ้นมาได้ก็หยุดการกระทำตื่นตระหนก รู้ตัวว่าเสียท่าให้เพื่อนที่กำลังหัวเราะเยาะในลำคอ
“ไอ้สัสเพลิง ไอ้ปืนมันไม่อยู่นี่หว่า”
“หึ ฉลาดแล้วเหรอ”
“ไอ้เพื่อนเหี้ย แล้วนั่นมึงจะไปไหน”
“สูบบุหรี่”
ร่างสูงใหญ่คีบบุหรี่ที่อยู่ในมือขึ้นโชว์พร้อมกับเดินออกไปปล่อยให้กีรติมองตามตาปริบๆ
กูตกข่าวอะไรอีกหรือเปล่าวะ