ช่วงเย็นของวันหลังจากซ้อมรำเสร็จ ทุกคนก็ต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน รวมถึงลออและปันด้วย ในเวลาที่กำลังเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ ลออก็หันไปถามปันที่เดินอยู่ด้านข้าง
“มึงจะไปดูพี่ปืนเล่นว่าวเปล่า?”
“เออ! กูลืมบอกมึงเลยวันนี้พี่ปืนไม่ได้ไปเล่นว่าวนะ” เนื่องจากพี่ชายเธอโทรมาบอกในตอนที่ซ้อมรำ หากลออไม่ถามปันคงลืมสนิท
“ทำไมอะ”
“ยังไม่ได้ทำ”
“อ๋อ” ลออตอบด้วยความรู้สึกเสียดาย เพราะเธออยากไปนอนฟังเสียงสนูของว่าว ท่ามกลางบรรยากาศเย็น ๆ ที่ทุ่งนา
ปี๊น~
ขณะทั้งสองกำลังยืนพูดคุยกันอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังลออกับปันจึงหันไปมองทางต้นเสียง เห็นบอยกำลังขับรถมุ่งตรงมายังพวกเธอ ทั้งสองจึงมองเพื่อนสาวต่างหมู่บ้านด้วยความสงสัย เมื่อเห็นบอยขับรถกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง พอบอยจอดรถปันจึงเอ่ยถามให้หายสงสัย
“มึงกลับมาทำไมอีบอย?”
“กูยังไม่อยากกลับบ้าน ก็เลยมาชวนมึงสองตัวดื่มแก้เหนื่อยด้วยกัน” พูดจบบอยก็เอื้อมมือไปหยิบเบียร์กระป๋องที่อยู่หน้ารถ ยื่นให้ลออกับปันคนละกระป๋อง เมื่อลออกับปันเห็นเช่นนั้นก็เอื้อมมือไปรับโดยไม่คิดจะปฏิเสธ
“คนละกระป๋องมันจะไปพออะไรวะ?”
“แค่นี้พออีปันเดี๋ยวพรุ่งนี้ซ้อมไม่ไหว”
“เออ ๆ” จากนั้นทั้งสามก็นั่งดื่มและพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเพื่อนสนิท กระทั่งพระอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าทั้งสามก็แยกย้ายกันกลับบ้าน หลังจากขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมานอกโรงเรียน บอยก็หันไปบอกเพื่อนทั้งสอง
“พรุ่งนี้เจอกันพวกมึง”
“เออ”
“ขับรถดี ๆ” เมื่อบอยขับรถแยกไปแล้ว ลออกับปันก็ขับตีคู่และพูดคุยกันระหว่างกลับบ้าน เนื่องจากบ้านของเธออยู่ใกล้กันแต่คนละซอยเท่านั้น กระทั่งถึงซอยบ้านปันทั้งสองก็หันมองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้าให้กัน จากนั้นก็ปันก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านเธอ
ส่วนลออก็บิดรถมอเตอร์ไซค์มุ่งไปยังซอยบ้านของเธอ แต่เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเนื่องจากตอนนี้ยังไม่มืดมาก เธอจึงบิดรถคู่ใจเลยซอยบ้านของตัวเองแล้วมุ่งตรงไปยังบ้านของอีกคนทันที
หลังจากขับรถจนถึงท้ายหมู่บ้าน ลออก็เลี้ยวรถเข้าไปในบ้านของวัณณ์ฎา ก่อนจะเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้ ปากเล็กจึงพูดพึมพำขณะใบหน้าจิ้มลิ้มหันมองยังชั้นสองของตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างจ้า
“เป็นผู้ใหญ่หรือไงวะ ชาวบ้านถึงมาหาไม่ขาดสาย”
พอจอดรถเรียบร้อย ลออก็รีบเดินไปยังบันได เมื่ออยากรู้ใจจะขาดว่าใครมาหาอีกคน...
ทางด้านวัณณ์ฎาขณะนั่งคุยกับหอมหญิงวัยกลางคน ที่มาคุยกับตนเรื่องเลื่อนจ่ายค่าเช่านา เนื่องจากรอบนี้ผลผลิตไม่ดี ต้องเอากำไรที่ได้มาไปจ่ายหนี้นอกระบบก่อน
“ฉันขอทำนาเกี่ยวข้าวอีกรอบก่อนนะพ่อหมอ เดี๋ยวจะรีบเอาเงินมาจ่ายค่าเช่าที่ให้เลย”
ขณะที่หอมกำลังพูดกับวัณณ์ฎาด้วยใบหน้าเศร้าสลด เพื่อให้ร่างสูงที่นั่งฟังอยู่เห็นใจ ก็โดนชมพูลูกสาววัยยี่สิบเอ็ดสะกิดแขนไม่หยุด เธอจึงหันไปมองเมื่อเห็นลูกสาวคนสวยยักคิ้วลิ่วตาให้ จึงทำให้นึกถึงคำพูดของลูกสาวได้ หอมจึงไม่รอช้ารีบพูดออกไปทันที
“แต่ถ้าพ่อหมอกลัวเสียเปรียบ ฉันก็ไม่มีอะไรจะให้ นอกจากอีชมลูกสาวของฉันจ้ะ”
วัณณ์ฎาที่นั่งฟังอยู่พอได้ยินเช่นนั้นก็อยากตอกหน้าหอมกลับไป ว่าเขาไม่ใช่ชายแก่ตัณหากลับ ที่จะเอาลูกสาวมาขัดดอกแล้วทุกอย่างจบ ที่เขาให้เช่าเพราะอยากช่วยชาวบ้านให้มีที่ทำกินก็เท่านั้น แต่ขอค่าเช่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะตัวเขาก็ต้องกินต้องใช้ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีลูกเมีย แต่บั้นปลายชีวิตก็ไม่อยากลำบาก
อีกอย่างก็ไม่รีบหรือบีบบังคับให้ชาวบ้านต้องจ่ายค่าเช่าเลย ไม่มีก็เลื่อนได้
แต่พอได้ยินหอมพูดแบบนี้ก็เหมือนดูถูกเขามาก เห็นเขาเป็นผู้ชายยังไง ถึงกล้าคิดจะเอาลูกสาวมาเสนอให้แบบนี้ ขณะที่วัณณ์ฎากำลังจะพูดตอบกลับไป ทว่าได้ยินเสียงเล็กดังจากทางบันไดบ้านเสียก่อน
“ถ้าชาวบ้านรู้เรื่องนี้จะเป็นยังไงน้า” วัณณ์ฎาเบี่ยงสายตาไปมองเห็นลออเดินพ้นบันไดขึ้นมาบนบ้านพอดี ก่อนที่เธอจะมานั่งลงด้านข้างเขา
“แหม่! หรือพ่อมึงไม่คิดแบบนี้อีลออ ที่มึงมาที่นี่ทุกวันไม่ใช่อยากเสนอตัวให้พ่อหมอเหมือนกันหรอกเหรอ”
“อย่างฉันไม่ต้องเสนอหรอกป้าหอม ระดับนี้มีแต่ผู้ชายวิ่งเข้าหาจ้ะ” ลออพูดด้วยท่าทีมั่น ๆ พร้อมกับสะบัดผม ซึ่งที่เธอพูดเป็นจริงไม่มีผิดเพี้ยน แต่ยกเว้นคนเดียวเท่านั้นที่อ่อยเท่าไรเขาก็ไม่สนใจ
“ถ้ามีผู้ชายวิ่งเข้ามาหาจริง แล้วมึงจะสาระแนมาหาพี่วัณณ์ทำไม”
“ก็กูชอบพี่วัณณ์ ทำไมถึงจะมาหาไม่ได้”
“แหม่! มึงก็อยากเป็นเมียพี่วัณณ์จนตัวสั่นเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่เถียง” แม้จะไม่ใช่อย่างที่พูดแต่เรื่องอะไรเธอจะยอมแพ้ ต้องสู้สุดฤทธิ์ อีกอย่างต้องทำตามแผนที่คิดจะอ่อยเขาด้วย วัณณ์ฎาที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นาน เมื่อได้ยินทั้งสองพูดถึงเขาจนไม่อาจทนฟังต่อไปได้ จึงพูดเสียงเข้มท่าทีน่าเกรงขาม
“ไม่มีใครเป็นเมียใครทั้งนั้นแหละ!”
ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่บนบ้านรีบรูดซิปปากแทบไม่ทันรวมถึงหอมด้วย แม้จะอายุอานามแก่กว่าเจ้าของบ้านเยอะ แต่ก็หวาดกลัวเขาไม่น้อย เมื่อทุกคนเงียบหมดแล้ววัณณ์ฎาก็หันไปพูดกับหอม
“ค่าเช่านาถ้ามีค่อยเอามาจ่าย ผมไม่ได้รีบ”
“ขอบใจมากนะพ่อหมอ พ่อมหาจําเริญ งั้นฉันกลับก่อนนะจ๊ะ”
วัณณ์ฎาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากนั่งฟังเงียบ ๆ ในขณะลออนั่งเบะปากมองชมพู ส่วนหอมเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบพาลูกสาวของเธอกลับบ้าน พอสองแม่ลูกเดินพ้นบันไดบ้าน ตาคมกริบจึงเบี่ยงไปยังร่างเล็กที่นั่งอยู่ด้านหน้า แล้วบอกเธอด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“กลับไป!”
“อะไรหนูพึ่งมาถึงเอง”
“กลับไป!”
“ทำไมพี่ใจร้ายจัง หนูยังไม่หายคิดถึงพี่เลยนะ” ลออพูดด้วยใบหน้าเศร้า ๆ พร้อมกับทำตาปริบ ๆ เพื่อให้อีกคนเห็นใจ ในขณะที่ร่างสูงมองนิ่ง ๆ ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่น แล้วพูดกับเธอทั้งที่ไม่มองหน้า
“จะคิดถึงทำไม ไปคิดถึงผู้ชายที่วิ่งเข้ามาหานู่น” สิ้นเสียงทุ้มลออก็ยิ้มจนแก้มจะแตก ก่อนจะพูดจีบปากจีบคอออกไป
“อ๋อ~ ที่ไล่หนูกลับเพราะหึงหนูนี่เอง”
“หลงตัวเอง” วัณณ์ฎาหันมาตอบจากนั้นก็เบือนหน้าไปทางอื่น
“งั้นพี่กล้าสาบานไหมล่ะว่าไม่ได้หึงหนู”
“…” เมื่อลออเห็นวัณณ์ฎาไม่ตอบเธอจึงยกยิ้มมุมปากอย่างมีความหวัง ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งคร่อมตักแกร่งของอีกคน แขนเรียวเล็กเลื่อนไปคล้องยังลำคอหนา ขณะตากลมโตมองวัณณ์ฎาหวานฉ่ำ ซึ่งปกติก็ดื้ออยู่แล้ว พอมีแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ยิ่งทวีคูณ ก่อนจะขยับหน้าเข้าไปใกล้จนคนตัวสูงได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเธอ
วัณณ์ฎาจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ
“กินเบียร์มา?”
“นิดหน่อย”
“ลงไป!”
“ไม่!” ไม่พูดเปล่าลออขยับเข้าไปกอดวัณณ์ฎาแนบแน่น จนอกอวบอิ่มแนบชิดกับแผงอกกำยำ ทำเอาร่างสูงรับรู้ถึงขนาดจึงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะได้ยินลออพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“หนูขออยู่กับพี่วัณณ์อีกสักพักได้ไหม”
“...”
“ได้ไหม” ริมฝีปากเล็กพูดก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ลำคออีกคน แล้วกดจูบเบา ๆ ทำเอาร่างสูงขนลุกชูชัน ลำกายเริ่มแข็งตัวอย่างห้ามไม่อยู่กับการกระทำของเธอ อีกทั้งกลิ่นตัวหอม ๆ ที่ไม่เคยชินสักครั้งในคราที่อยู่ใกล้
ก่อนจะเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงเข้มดุ เพื่อเบี่ยงเบนอาการที่เป็นอยู่...
“เป็นผู้หญิงรู้จักหวงเนื้อหวงตัวหน่อย”
“หนูหวงกับทุกคน แต่ยกเว้นพี่คนเดียวที่หนูให้ได้ทุกอย่าง” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป พอเห็นลออเริ่มซุกซนจูบลงยังลำคอของเขาอีกครั้ง ก็ทำเอาแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงกำชับ
“ลงไปนั่งดี ๆ”
“พี่ให้หนูอยู่ที่นี่ต่อไหมล่ะ”
“มันมืดแล้วจะอยู่ทำไม”
“งั้นหนูก็ไม่ลง” พูดจบลออก็ขยับนั่งคร่อมตักวัณณ์ฎาแล้วเกี่ยวขาพันรอบเอวสอบของวัณณ์ฎา ขณะแขนเรียวเล็กโอบกอดรอบคอเขาแนบแน่น จนร่างสูงสุดจะทนกับความดื้อรั้นของเธอ จึงลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มเธอนอนลงยังโต๊ะไม้สัก ก่อนจะขยับตัวลงไปแนบชิด...
ลออเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามวัณณ์ฎาด้วยน้ำเสียงติดขัด
“พี่จะทำอะไร?”
“รู้อยู่แล้วจะถามทำไม” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดด้วยใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะดันตัวนั่งคุกเข่ากลางหว่างขาเธอ แล้วเลื่อนมือไปจับเข่าของลออทั้งสองข้างดันไปข้างหน้าให้เป็นรูปตัวเอ็ม การกระทำของเขาทำเอาเธอไปไม่เป็นนอนตัวแข็งทื่อกับทวงท่าวาบหวาม ไม่นานคนตัวสูงก็ขยับเอวมาใกล้ ๆ จนเธอสัมผัสได้ถึงท่อนเอ็นลำใหญ่แข็งขืนเสียดสีกับกึ่งกลางกายสาว
จึงเม้มปากแน่นขณะใบหน้าขาวเนียนร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ เสียวยันท้องน้อย แต่พอได้สติก็เตรียมดันตัวลุกขึ้น ทว่าวัณณ์ฎาปล่อยมือจากขาแล้วขยับออกก่อน
ลออจึงรีบหุบขาแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยบอกวัณณ์ฎาทั้งที่ไม่มองหน้า
“หนูกลับบ้านก่อนนะ” จากนั้นก็รีบวิ่งไปยังบันไดบ้านมุ่งตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ผีเผลออะไรไม่กลัวแล้วตอนนี้...
ส่วนร่างสูงที่ยืนกอดอกมองเธออยู่บนบ้าน พอเห็นเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเดินตัวงอเข้าไปในห้องนอน เมื่ออยากแกล้งเธอแต่เขากลับต้องลำบากกายเอง...