ทางด้านลออหลังจากขับรถด้วยความรู้สึกล่องลอย เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก่อนที่ใบหน้าจะเห่อแดง กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าไปในบ้าน ก็รีบขึ้นไปบนห้องก่อนจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ
เพียะ!
“โอ๊ย! ก็ไม่ได้ฝันนี่”
“แล้วเมื่อกี้ทำไมตาลุงถึงทำแบบนั้น หรือกินยาเกินขนาด” ทั้งที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ในเวลาที่นั่งพูดคนเดียวบนที่นอน ไม่นานก็ได้ยินเสียงเล็กดังขึ้น
“พี่ลออ พ่อเรียกไปกินข้าว” ลออจึงได้สติก่อนจะมองไปยังประตูห้องนอน เห็นเด็กผู้ชายน่าตาน่ารักค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เธอจึงเอ่ยถามกลับไปด้วยสองคิ้วขมวดมุ่น
“พ่อทำกับข้าวแล้วเหรอ?”
“ใช่จ้ะ”
“ทำไมไม่รอนะ ชอบทำเองอยู่เรื่อยเลย” ลออพูดพึมพำก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินออกไปข้างนอก เห็นพ่อของเธอยกสำรับขึ้นมาบนบ้านแล้ววางลงยังโต๊ะกับข้าว ร่างเล็กเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหงิกงอ
“ทำไมพ่อไม่รอหนู หนูบอกแล้วว่าเดี๋ยวหนูทำกับข้าวให้เอง”
“ไม่เป็นไร พ่อว่างไม่มีอะไรทำ ก็เลยอยากทำกับข้าวให้แกกินบ้าง” ลออได้ยินเช่นนั้นก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงด้านข้าง ก่อนจะกอดแขนพ่อของเธอด้วยท่าทีออเซาะ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสุดซึ้งกับการกระทำของพ่อเธอ
“ขอบคุณที่พ่อเลี้ยงดูและดูแลลูกคนนี้มาเป็นอย่างดีนะ”
ตั้งแต่ลออเกิดมาไม่เคยเห็นหน้าแม่เลยสักครั้ง เพราะท่านเสียในตอนที่คลอดเธอ ทำให้คนเป็นพ่อเลี้ยงดูเธอมาคนเดียวตลอด และถึงแม้จะไม่มีแม่แต่ลออก็ไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่น อาจเป็นเพราะพ่อของเธอเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี คอยเติมเต็มในส่วนที่หายไม่ขาดตกบกพร่อง
“ก็พ่อมีลูกสาวสุดที่รักอยู่คนเดียว ถ้าไม่ดูแลแกแล้วจะไปดูแลใคร”
ลองพูดพร้อมกับเลื่อนมือไปลูบศีรษะของลูกสาวด้วยความเอ็นดู ขณะใบหน้าของสองพ่อลูกนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข จากนั้นทั้งสองก็นั่งกินข้าวและพูดคุยกันเหมือนเช่นทุกวัน
“วันนี้ซ้อมเสร็จช้าเหรอ”
“อ๋อ ใช่จ้ะ” ลออเลือกโกหกแม้รู้ว่ามันบาป แต่เธอไม่อยากให้พ่อเป็นห่วงจึงเลือกทำแบบนี้
พอคนเป็นพ่อได้ยินก็พยักหน้ากลับไป จากนั้นทั้งสองก็นั่งกินข้าวและพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กระทั่งอิ่มลออก็เก็บจานไปล้างในครัว เมื่อเสร็จก็เข้าไปในห้อง ขณะนอนอยู่บนเตียงก็คิดไม่ตกกับเรื่องเมื่อช่วงเย็น ที่ว่าหอมจะเอาลูกสาวมาขัดดอกกับอีกคน
ซึ่งเธอไม่ได้หึงหวง แต่ถ้าเกิดอีกคนหน้ามืดตามัวรับข้อเสนอของสองแม่ลูกขึ้นมา แล้วเกิดหลงชมพู แผนการของเธอที่ตั้งใจทำก็พังไม่เป็นท่าพอดี
รับรู้เช่นนั้นลออก็นั่งคิดไม่ตกว่าจะจัดการสองแม่ลูกยังไงดี กระทั่งจู่ ๆ ใบหน้าของกุมารทองน้องรักก็แวบเข้ามาให้หัว ทำให้นึกออกว่าจะใช้วิธีไหน ลออจึงยกยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะไม่รอช้ารีบเรียกกุมารน้อยทันที
“มะยม”
“...”
“มะยม!”
“มาแล้ว โห่ วัยรุ่นใจร้อนจัง”
“พี่มีเรื่องให้ช่วย”
“เรื่องอะไร” มะยมถามด้วยใบหน้าสงสัยพร้อมกับยืนเกาหัว เมื่อได้ยินพี่สาวคนสวยของตนเอ่ยบอกเช่นนั้น พอเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของลออก็เริ่มไม่ไว้ใจเพราะกลัวอีกคนจะให้ไปทำเรื่องไม่ดี
ส่วนลออเมื่อนึกถึงแผนที่คิดได้ ก็ไม่รอรีบเอ่ยบอกมะยมทันที
“ไปหลอกอีชมพูกับแม่มันให้หน่อย”
“ฮะ! หลอกยังไง ยมหลอกไม่เป็น” เกิดมาไม่เคยหลอกใครเลยสักครั้ง แล้วจะให้ไปหลอกผีชาวบ้านก็กลัวจะไม่รอด
“ก็หลอกปกติไม่ต้องเอาน่ากลัว”
“...” เมื่อเห็นมะยมเงียบ อีกทั้งใบหน้าคิดไม่ตก ลออจึงคาดคั้นต่อและเอาของมาล่อกุมารของพ่อ
“นะ ๆ มะยมสุดหล่อ ไปหลอกให้หน่อย เดี๋ยวพี่เลี้ยงขนม” จากที่คิดไม่ตกพอได้ยินคำหลอกล่อของพี่สาว เด็กน้อยก็ตาลุกวาวทันที ก่อนจะพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น
“ยมขอน้ำเป๊ปซี่ด้วย น้ำแดงเบื่อแล้ว”
“จัดให้”
“แล้วต้องบอกพ่อไหม”
“ไม่ต้อง” จากนั้นทั้งสองก็คุยรายละเอียดถึงแผนการ หลังจากมะยมไปแล้วลออก็ทิ้งตัวนอนลงยังเตียง เพื่อรอฟังผลงานของตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
อีกฝั่งหนึ่งหลังจากอาบน้ำกินข้าวอิ่ม สองแม่ลูกก็เข้านอนเหมือนเช่นทุกวัน ในเวลาที่ยังไม่หลับชมพูก็ชวนแม่เธอคุยถึงเรื่องเมื่อช่วงเย็น
“แม่ว่าถ้าอีลออไม่มาขัดจังหวะ พี่วัณณ์จะตอบว่ายังไง”
“ผู้ชายยังไงก็เป็นผู้ชาย อีกอย่างแกก็สวยขนาดนี้ ยังไงก็ตกลง” แม้ไม่รู้ว่าอีกคนจะตอบอย่างไร แต่ก็ต้องให้ท้ายลูกสาวคนสวยของตัวเองไว้ก่อน
“หนูก็ว่าแบบนั้นแหละ ถ้าอีลออไม่มาขัดจังหวะพี่วัณณ์คงตอบตกลงไปแล้ว”
“รอหาจังหวะใหม่ แล้วเสนอตัวให้พ่อหมออีกครั้ง” ใครจะไม่อยากได้ในเมื่ออีกคนทั้งฐานะและหน้าตาดี อีกทั้งมีบารมีขนาดนั้น หากได้มาเป็นลูกเขยเธอกับลูกคงสบายไปทั้งชาติ
“จ้ะ” ขณะสองแม่ลูกนอนคุยกันอยู่ในมุ้ง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคล้ายเด็กกำลังวิ่งเล่นอยู่ถนนหน้าบ้าน ทั้งสองจึงนอนฟังครู่หนึ่งกระทั่งเสียงหัวเราะคิกคักราวกับว่าสนุกสนานมากดังขึ้นกว่าเดิม หอมจึงดันตัวลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับพูดพึมพำ
“ลูกใครมันมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านเวลานี้”
“ลูกไอ้แหลมหรือเปล่าแม่?”
“น่าจะใช่ แล้วไอ้แหลมมันไปไหนทำปล่อยให้ไอ้เจษลูกมันออกมาวิ่งเล่นแบบนี้”
ซึ่งเจษลูกชายของแหลมเคยออกมาวิ่งเล่นที่หน้าบ้านแบบนี้อยู่ช่วงหนึ่ง เนื่องจากพ่อมันติดเหล้าเลยไม่ค่อยสนใจลูกเต้าเท่าไร
หอมพูดขณะเปิดมุ้งออกไปดู ส่วนชมพูก็คลานตามแม่ของเธอออกไปข้างนอก ก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินไปยังประตูบ้าน จากนั้นคนเป็นแม่ก็เปิดประตูออก
เมื่อประตูบ้านเปิดกว้างสิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า มีเพียงความมืดสงัดเท่านั้น รับรู้เช่นนั้นไรขนอ่อนของสองแม่ลูกก็ลุกชูชัน ในหัวได้แต่คิด แล้วเมื่อครู่เสียงเด็กที่ไหน ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้ากันโดยไม่รู้อะไร จากนั้นหอมก็เตรียมดึงประตูบ้านปิด
ทว่า...ประตูยังปิดไม่สนิทก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะคิกคัก อีกทั้งเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง หอมจึงกลืนน้ำลายลงคอจากนั้นก็เปิดประตูแง้มดูภาพข้างนอกอีกครั้ง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า
หอมจึงรีบปิดประตูบ้านทันที ขณะหัวใจสองแม่ลูกเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในหัวได้แต่คิดว่าเจอดีแล้วแน่ ๆ
“แม่!”
“ไม่ต้องพูด” สิ้นเสียงตวาดของคนเป็นแม่ ทั้งสองก็รีบกรูกันเข้าไปในมุ้งโดยไม่พูดไม่จาอะไร ขณะภายในใจหวาดกลัวจนฉี่แทบราด เพียงเสี้ยววินาทีที่เข้ามาในมุ้งกำลังจะนอนคลุมโปง ก็ไม่วายได้ยินเสียงคล้ายคนวิ่งรอบบ้านพร้อมกับเคาะผนังบ้านและหน้าต่าง
ก็ทำเอาสองแม่ลูกสติสตังแตกกระเจิง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วกอดกันร้องไห้อยู่ในมุ้ง กระทั่งสุดจะทนเมื่อได้ยินเสียงผีเด็กเรียกให้ออกไปเล่นด้วย
“ไม่อยู่แล้วโว้ย” หอมกับชมพูก็รีบพากันเปิดมุ้งก่อนจะออกจากบ้าน แล้วมุ่งตรงไปยังบ้านหมอไสยเวทย์ประจำหมู่บ้านอย่างไม่คิดชีวิต
ทางด้านมะยมยืนมองหอมและชมพูวิ่งป่าราบไปยังท้ายหมู่บ้าน ก็ยืนเกาหัวมองด้วยความงุนงงพร้อมกับพูดพึมพำ
“น่ากลัวตรงไหนเนี่ย”
เมื่อเห็นว่าหลอกสองแม่ลูกตามที่ลออบอกเรียบร้อยแล้ว มะยมก็มองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นบรรยากาศรอบข้างวังเวงจนน่าขนลุก ก็ยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองก่อนจะรีบกลับบ้านเพราะกลัวผีตัวอื่นเหมือนกัน
ทางด้านลออขณะนอนอยู่บนเตียงเพื่อรอฟังข่าวจากมะยม ไม่นานกุมารน้อยก็ปรากฎตัวทำเอาเธอสะดุ้งตกใจไม่น้อย แต่พอตั้งสติได้ก็รีบดันตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วถามเด็กผู้ชายด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เป็นยังไงบ้าง สองแม่ลูกกลัวไหม?”
“จะเหลืออะไรกลัวจนตัวสั่นหมด”
“สมน้ำหน้า” ลออพูดด้วยใบหน้าสะใจเมื่อได้ยินคำพูดของมะยม
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ยมจะได้ไปนอน พรุ่งนี้พี่ลอออย่าลืมซื้อขนมกับน้ำเป๊บซี่ให้ยมด้วยนะ”
“ไม่ลืม เดี๋ยวพรุ่งนี้ซื้อมาถวายให้แต่เช้าเลย”
“ขอบคุณคร้าบ” สิ้นเสียงเล็ก ภาพเด็กผู้ชายก็ค่อย ๆ เลือนรางจากหายไป ลออจึงทิ้งตัวนอนลงยังเตียงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเบะปากพูดอย่างสะใจ
“สมน้ำหน้า ทีหลังจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับตาลุงอีก”
อีกฝั่งหนึ่ง ขณะคนตัวสูงกำลังจะนอน หลังจากนั่งอ่านหนังสือในห้องรับรองเพื่อให้จิตสงบ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านระรัว พร้อมกับเสียงเรียกของคนที่อยู่หน้าประตูบ้าน
“พ่อหมอช่วยฉันด้วย”
“พี่วัณณ์ช่วยหนูด้วย” วัณณ์ฎาจึงรีบดันตัวขึ้นจากเตียง ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกห้องนอนแล้วเปิดประตูบ้านออก เห็นหอมและชมพูนั่งใบหน้าซีดเผือดอยู่ที่บันไดบ้าน วัณณ์ฎาจึงมองด้วยความสงสัย สองแม่ลูกมาบ้านตนในเวลานี้ทำไม ทว่าก็ยังไม่ได้ถามอะไรออกไป เมื่อหอมกับชมพูเห็นประตูไม้เปิดออก ก็รีบกรูกันเข้ามาข้างในพร้อมกับพูดประสานเสียงกัน
“พ่อหมอคืนนี้ฉันกับลูกขอนอนที่นี่นะ”
“พี่วัณณ์คืนนี้หนูขอนอนที่นี่นะ” เมื่อเห็นท่าทีแปลก ๆ ของทั้งสองคล้ายกับว่าเจออะไรมา วัณณ์ฎาจึงปิดประตูบ้านแล้วหันไปมองหอมและชมพูที่นั่งกอดกันอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“เป็นอะไร?”
“พวกฉันโดนผีหลอกจ้ะพ่อหมอ” หอมพูดขณะนั่งตัวสั่นเทาเพราะยังหวาดกลัวกับสิ่งที่พบเจอมา ก่อนที่ลูกสาวของเธอจะพูดเสริม
“ใช่ ๆ หนูกับแม่โดนผีเด็กหลอก”
“ผีเด็ก!”
“ใช่จ้ะ เด็กผู้ชาย” ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของลออกับมะยมก็ลอยเข้ามาในหัวทันที เพราะเขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นใครนอกจากเธอกับกุมารทอง ในเวลาที่ตกอยู่ในภวังค์จู่ ๆ ชมพูก็คลานมากอดขาเขา พร้อมกับพูดด้วยท่าทีออดอ้อน
“คืนนี้หนูขออยู่บ้านพี่วัณณ์หน่อยได้ไหมจ๊ะ หนูกลัวจริง ๆ” ทำให้ร่างสูงหลุดจากภวังค์ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมกับขยับขาออกจากการโดนโอบกอด
“อือ ที่นอนหมอนมุ้งอยู่ในห้อง จัดการกางตามสบาย”
พูดจบวัณณ์ฎาก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะจัดการล็อกประตูให้แน่นหนา จากนั้นก็ทิ้งตัวนอนลงยังเตียงพร้อมกับขบกรามแน่น เมื่อนึกถึงวีรกรรมของลออที่ทำในวันนี้ ก่อนจะข่มตาหลับแล้วรอจัดการกับเธอในวันพรุ่งนี้...