ช่วงเช้าของวันหลังจากตื่นนอน ลออก็รีบไปร้านค้าในหมู่บ้าน เพื่อซื้อขนมและน้ำอัดลมมาถวายให้กุมารทอง จากนั้นก็หุงข้าวทำกับข้าวรอพ่อของเธอตื่น ลออใช้เวลาอยู่ในครัวนานสองนานกระทั่งทำกับข้าวเสร็จ ก็เดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อเอาผ้าเช็ดตัวแล้วลงไปอาบน้ำ
เมื่อเท้าเล็กเหยียบยังพื้นชั้นสองของบ้าน ก็ได้ยินคนเป็นพ่อที่เดินออกมาจากห้องรับรองเอ่ยถาม
“ซื้อน้ำมาถวายมะยมเหรอ”
“ใช่จ้ะพ่อ เห็นเมื่อคืนมะยมบ่นอยากกินหนูก็เลยไปซื้อมาถวายให้”
“อ๋อ” กลัวพ่อจะสงสัยลออจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“หนูทำกับข้าวเสร็จแล้วนะ ถ้าพ่อหิวกินก่อนได้เลยเดี๋ยวหนูไปอาบน้ำก่อน”
“ไม่เป็นไรพ่อรอกินพร้อมแก”
“จ้ะ” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มให้พ่อ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วลงไปข้างล่าง...
เมื่อทำอะไรเสร็จ ลออก็ยกกับข้าวขึ้นไปนั่งกินบนบ้านกับพ่อของเธอสองคน กระทั่งอิ่มลออก็เก็บจานลงไปล้าง จากนั้นก็เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์แล้วตะโกนบอกพ่อของเธอที่กำลังเก็บขยะไปเผาหลังบ้าน
“พ่อหนูไปซ้อมรำก่อนนะ”
“ไป ๆ ตั้งใจซ้อม”
“จ้า” ร่างเล็กขับรถคู่ใจออกจากบ้าน เมื่อถึงหน้าปากซอยบ้านก็เตรียมเลี้ยวรถไปทางขวาเพื่อไปซ้อมรำ แต่พอนึกถึงอีกคนเธอจึงเลี้ยวรถไปทางซ้ายแล้วขับมุ่งตรงไปยังบ้านพ่อหมอทันที เพื่อเอาหน้าสวย ๆ ไปให้เขาเห็นจะได้หลงเธอเร็ว ๆ
ลออขับรถไปตามถนนเล็ก ๆ ของหมู่บ้านด้วยท่าทีอารมณ์ดีพร้อมกับฮึมฮัมเพลง เนื่องจากเช้านี้อากาศเย็นสบาย กระทั่งใกล้ถึงบ้านของวัณณ์ฎาจู่ ๆ สายตาก็สะดุดกับหอมและชมพูเดินอยู่ข้างถนน เห็นเช่นนั้นคิ้วสองข้างก็ขมวดมุ่นงุนงงไม่น้อย ที่สองแม่ลูกมาเดินอยู่แถวนี้ แต่พอชมพูหันมามองลออจึงรีบสะบัดหน้าไปทางอื่นแล้วเลือกไม่สนใจ
จากนั้นก็บิดรถมอเตอร์ไซค์ไปยังบ้านของวัณณ์ฎา ไม่นานรถคันดังกล่าวก็เลี้ยวเข้าไปในบ้านไม้สองชั้น หลังจากจอดรถใต้ต้นไม้ ใบหน้าสวยก็มองขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน เห็นร่างสูงกำยำเดินออกมานอกห้องนอน ด้วยสภาพท่อนบนเปลือยเปล่าโชว์กล้ามหน้าท้องและรอยสักน่าหลงใหล คนตัวเล็กจึงพูดพึมพำ
“แหม่~ เห็นหุ่นดีก็ถอดบ่อยจังนะ”
จากนั้นก็รีบเอาขาตั้งลงแล้วเดินไปหาอีกคนที่อยู่บนบ้านทันที...
ทางด้านวัณณ์ฎา ขณะกำลังจะสวมใส่เสื้อยืดที่ถือออกมาจากห้อง ทว่าสายตาเห็นลออเดินพ้นบันไดบ้านขึ้นมาพอดี จึงมองเธอนิ่ง ๆ กระทั่งร่างเล็กเดินมาหยุดยืนข้างหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตากลมโตมองแทะโลมเรือนร่างของเขาอย่างเปิดเผยพร้อมกับพูดเอ่ยชมไม่อายปาก
“อือหื้อหือ~ หุ่นดีจัง”
เห็นเช่นนั้นเขาก็อยากเขกหัวเธอให้ยุบ จากนั้นก็เลือกไม่สนใจแล้วรีบสวมใส่เสื้อให้เรียบร้อย
“ให้หนูช่วยใส่ไหม”
“ไม่ต้อง”
“โอ๊ะ! ลืมไป พี่ชอบให้หนูถอดมากกว่า” เขาไม่เคยบอกแต่เธอแค่พูดกวนเฉย ๆ เมื่ออดในท่าทีหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่าผู้หญิงของเขาไม่ได้
“บอกตอนไหน?”
“ในฝัน”
“ไร้สาระ” แม้จะได้ยินคำพูดและท่าทีหมางเมินของอีกคนแต่ลออก็ยังยิ้มแป้น เพราะมีความสุขที่ได้แกล้งวัณณ์ฎา จนเริ่มชินและได้แต่คิด หากได้ตำราแล้วไม่ได้มาวอแวเขาแบบนี้เธอคงจะเหงาน่าดู ก่อนจะเอ่ยบอกอีกคนด้วยท่าทีสดใส
“หนูไปซ้อมรำละ แค่อยากมาเห็นหน้าพี่เฉย ๆ”
“เดี๋ยว!” ในขณะลออกำลังจะหมุนตัวเดินไปยังบันไดบ้าน ก็ถูกวัณณ์ฎาจับแขนไว้ก่อน เธอจึงหันกลับไปมอง พร้อมกับพูดด้วยท่าทีมั่น ๆ
“คิดถึงหนูใช่ไหม ไม่อยากให้หนูไปก็บอก” เพราะเป็นครั้งแรกที่เขายื้อเธอเพราะปกติมีแต่ขับไสไล่ส่งตลอด ส่วนวัณณ์ฎาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตอบดับฝันเธอกลับไปทันที
“เปล่า มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เรื่องของชมพูกับแม่” ใบหน้าจิ้มลิ้มจากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็ค่อย ๆ จางหายไปทันที หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะ ยิ่งภาพที่เห็นสองแม่ลูกเดินอยู่ข้างถนนเมื่อเช้า ก็ทำเอาอดกลัวไม่น้อยว่าอีกคนจะเรื่องรู้เมื่อคืนว่าเป็นฝีมือเธอ
ขณะความรู้สึกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ลออก็พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธ แล้วถามอีกคนด้วยหน้าซื่อตาใส
“ทำไมเหรอ ป้าหอมกับชมพูเป็นไรเหรอ”
“ไม่รู้หรือแกล้ง”
“หนูจะแกล้งทำไม หนูไม่รู้จริง ๆ ถึงถาม” คนไม่ยอมรับยังคงแถไปเรื่อย หากไม่จนมุมเธอก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด
“เมื่อคืนทั้งสองมานอนที่นี่”
“ทำไมถึงมานอนที่นี่”
“เพราะโดนผีเด็กหลอก” สิ้นเสียงทุ้มปากเล็กก็กัดเม้มกันแน่น แม้จะกลัวเขารู้แต่ก็ยังสู้ไม่ถอย เถียงต่อจนกว่าอีกคนจะหาหลักฐานมาชี้ว่าเธอเป็นคนทำ
“น่ากลัวจัง”
“อือ เห็นทีปล่อยไว้ไม่ได้ต้องจับดวงวิญญาณมาลงหม้อ”
“กับเด็กพี่ก็ไม่เว้นเหรอ”
“เว้นทำไม ทำความเดือนร้อนให้ชาวบ้าน แล้วไม่รู้มีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ถ้ารู้ว่ามีคนสั่งจะจับมาลงโทษให้สาสม”
ลออได้ยินเช่นนั้นก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตากลมโตจากที่กล้าสบตาอีกคนก็เบี่ยงไปทางอื่น วัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยมือจากแขนเรียวเล็ก ก่อนจะยืนกอดอกมองหน้าลอออย่างคาดโทษ แต่พอเห็นเธอยังลอยหน้าลอยตาก็สุดจะทนจึงถามเธอออกไปตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวขณะใบหน้านั้นเคร่งขรึม
“ทำแบบนี้ทำไม” เพราะไม่เคยเห็นเขาจริงจังเท่านี้มาก่อน ทำเอาลออกลัวไม่น้อยจึงยอมรับความจริง
“ก็หนูอยากสั่งสอนอี...” ยังไม่จบอีกคนก็พูดขึ้นก่อน
“พูดดี ๆ”
“หนูแค่จะสั่งสอนป้าหอมกับอีชม ที่คิดจะมาเสนอตัวให้พี่”
“เรื่องแค่นี้?”
“ก็หนูไม่ชอบที่คนอื่นมายุ่งกับพี่”
“แล้วถ้าเกิดทั้งสองกลัวจนเป็นบ้า หรือหนีออกนอกบ้านแล้วเป็นอันตรายขึ้นมาจะทำยังไง คิดบ้างไหม หรือสมองคิดเป็นแค่เรื่องไร้สาระกับอ่อยผู้ชายไปวัน ๆ”
ได้ยินเช่นนั้นลออก็เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจ เพราะเกิดมาไม่เคยเจอคำพูดแรง ๆ แบบนี้มาก่อน แม้กระทั่งคนเป็นพ่อที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดก็ไม่เคยใช้ถ้อยคำแบบนี้
แล้วเขาเป็นใคร?
ทำไมถึงกล้าดีมาดูถูกเธอ ลออมองหน้าวัณณ์ฎานิ่ง ๆ ขณะดวงตาร้อนผ่าว ไม่ได้เกิดจากความเสียใจเพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา โมโหมากแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
แขนเรียวเล็กยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา โดยมีร่างสูงยืนมองนิ่ง ๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากพลั้งปากพูดไม่ดีกับเธอออกไปจนทำให้เธอร้องไห้ ก่อนที่ลออจะพูดขึ้น
“ขอโทษแล้วกันที่สมองหนูคิดเป็นแค่เรื่องไร้สาระกับอ่อยพี่ไปวัน ๆ”
พูดจบลออก็วิ่งลงบันไดบ้านไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเธอ แล้วขับออกจากบ้านของวัณณ์ฎาทันที ขณะแขนเรียวเล็กยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้า โดยมีร่างสูงที่ยืนอยู่บนชั้นสองของบ้านมองเธอกระทั่งพ้นสายตา ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วเดินไปนั่งยังโต๊ะไม่สัก
จากนั้นก็นั่งจมกับสิ่งที่พูดเมื่อครู่ กระทั่งได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในบ้าน วัณณ์ฎาจึงรีบดันตัวลุกขึ้นเพราะคิดว่าลออย้อนกลับมา แต่พอเห็นเป็นเพื่อนสนิทขับรถเวฟและสะพายถุงย่ามเข้ามาในบ้าน จึงถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อหาข้าวเช้ากิน
ทางด้านปืนเมื่อเห็นวัณณ์ฎาเดินลงบันไดบ้านจึงตะโกนถาม
“ไอ้วัณณ์ไม้ไผ่มึงยังเหลือไหมวะ?”
“มีตามึงก็ดูเอา”
“เอ้า! บักพากนี่” เห็นวัณณ์ฎาตอบด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ปืนจึงเลือกไม่สนใจ เดินไปยังหลังบ้านเพื่อเอาไม้ไผ่ที่วัณณ์ฎาตัดมาเมื่อสองวันก่อน มาทำบ่วงดักหนูเพื่อจะไปดักหนูในคืนนี้
ด้านวัณณ์ฎาเมื่อเข้ามาในครัวก็ตักกับข้าวราดลงบนข้าว แล้วออกไปนั่งหน้าห้องครัว เมื่อเห็นปืนลากไม้ไผ่ที่ตนไม่ได้ใช้แล้วก็มองนิ่ง ๆ นอกจากก็นั่งกินข้าวต่อกระทั่งอิ่ม ก็ล้างจานคว่ำไว้ให้เรียบร้อย แล้วเดินไปยังแคร่ที่มีปืนนั่งเหลาไม้ไผ่อยู่
“ถ้ามึงว่างช่วยกูทำหน่อย”
“เออ” ขณะนั่งทำบ่วงดักหนูวัณณ์ฎาก็เอาแต่นึกถึงคำพูดของเขาเมื่อเช้า ที่ทำให้อีกคนร้องไห้ ก่อนจะเหลือบมองปืนเป็นพัก ๆ เพราะไม่กล้าถาม จนปืนสังเกตได้จึงเอ่ยถาม
“มีอะไร มองหน้ากูอยู่นั่น”
“กูมีอะไรจะถามมึงหน่อย”
“ถามมาถ้าตอบได้กูก็จะตอบ” เมื่อเพื่อนเปิดทางให้แล้ว คนตัวสูงก็ไม่รอช้ารีบถามในสิ่งที่ค้างคาใจทันที
“ถ้ากูบอกมึงว่า สมองมึงคิดเป็นแต่เรื่องไร้สาระมึงโกรธไหม?”
“โกรธอะไร ไม่เห็นมีอะไรน่าโกรธตรงไหน” เพราะเขาเป็นผู้ชายจึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดอะไรแบบนี้ นอกจากใครมาด่าพ่อล่อแม่ หรือเหยียบย่ำหัวใจดูถูกความเป็นคนได้เจอกันแน่
“ใช่ไหม?”
“ถ้ามึงพูดกับกูนะ กูไม่โกรธหรอก” ขณะวัณณ์ฎากำลังจะโล่งใจ แต่พอได้ยินคำพูดของปืนหัวใจก็ห่อเหี่ยวทันที
“แล้วถ้าเป็นคนอื่นล่ะ?”
“กูไม่รู้ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคงจะโกรธ”
แม้จะไม่เคยมีแฟน แต่มีน้องสาว ปืนจึงรู้นิสัยผู้หญิงประมาณหนึ่ง ส่วนวัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็คิดไม่ตกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากนั่งทำบ่วงดักหนูเงียบ ๆ ขณะในหัวเต็มไปด้วยเรื่องราวเมื่อเช้า เพราะไม่รู้จะทำยังไงให้อีกคนหายโกรธ
เกือบทั้งวันวัณณ์ฎานั่งทำบ่วงใส่หนูกับปืน และคอยเหลือบมองไปยังหน้าบ้านเพื่อหวังว่าอีกคนจะมาหาเขาเหมือนเช่นทุกวัน แต่ก็พบกับความว่างเปล่า กระทั่งช่วงบ่ายแก่เมื่อทำบ่วงดักหนูเสร็จ วัณณ์ฎาก็นั่งมองปืนเอาบ่วงใส่ถุงย่ามพร้อมกับเอ่ยถามตน
“กูว่าจะไปดักหนูกับพวกไอ้นะมึงไปด้วยไหม”
“ไม่”
“ไปนั่งเล่นเฉย ๆ ก็ได้ พวกกูว่าจะตั้งวงกินเหล้าแล้วนอนที่นั่นด้วย”
“ไม่ไป” เมื่อเห็นว่ายังไงวัณณ์ฎาก็ไม่ไปปืนจึงเลือกไม่รบเร้า ก่อนจะเดินไปคร่อมรถเวฟสีแดงแล้วหันไปเอ่ยบอกเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“งั้นกูไปก่อนนะ ถ้าเหงามึงก็ตามไป”
“กูบอกว่าไม่ไป”
“เออ ไม่ไปก็ไม่ไปไอ้ห่า” รู้ดีว่าอีกคนไม่ไปสถานที่แบบนี้แต่ก็ชวนไปงั้นแหละ จากนั้นปืนก็ขับรถออกจากบ้านวัณณ์ฎามุ่งตรงกลับบ้าน เพื่อไปเอาที่นอนหมอนมุ้งไปนอนเถียงนาในคืนนี้
ส่วนวัณณ์ฎานั่งมองปืนขับรถออกจากบ้านกระทั่งพ้นสายตา ก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกจากแคร่แล้วเดินเข้าไปในครัว เพื่อหุงข้าวทำกับข้าวเมื่อเห็นว่าใกล้เย็นแล้ว ขณะขายาว ๆ ก้าวเดินไปยังครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาก็คอยหันมองยังหน้าบ้านทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่าน แต่ก็เห็นเพียงชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากไร่นาเท่านั้น ไม่มีคนที่เขาอยากเจอ
หลังจากทำกับข้าวเย็นเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก ตาคมกริบก็มองยังหน้าบ้านอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นใคร ก็เดินไปยังราวตากผ้าคว้าผ้าขาวม้าที่ตากอยู่มาพันรอบเอวสอบ แล้วจัดการถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็ยืนอาบน้ำข้างโอ่ง แม้อากาศจะเย็นแต่ก็ไม่หวั่น เพราะกลัวเข้าไปในห้องน้ำแล้วทำให้คลาดกับอีกคน...
วัณณ์ฎายืนอาบน้ำอยู่ที่โล่งสักพัก กระทั่งทนความเย็นของลมหนาวที่กระทบยังผิวกายไม่ได้ จึงรีบคว้าผ้าขาวม้าผืนใหม่มาผลัดเปลี่ยน เมื่อขยี้กางเกงในตากที่ราวเรียบร้อย ก็เดินไปยังบันไดเพื่อขึ้นไปบนบ้าน ขณะเดินดวงตาก็คอยเหลือบมองไปยังหน้าบ้าน เมื่อไม่เห็นร่างเล็กเขาจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านด้วยความรู้สึกหมองมัว...