วัณณ์ฎา 3

1834 คำ
หลังจากเทกับข้าวใส่จานเรียบร้อย ลออก็เอาเสื้อของเธอไปตากข้างหลังบ้าน จากนั้นก็เดินกลับไปยังหน้าบ้าน เห็น ปันเพื่อนสนิทที่เพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ ขับรถเวฟเข้ามาในบ้านของวัณณ์ฎาพอดี เธอจึงยืนมองนิ่ง ๆ ส่วนเพื่อนสาวเมื่อเห็นเธอจึงเบะปากพูด “ชีวิตมึงรู้จักที่อื่นบ้างไหม นอกจากบ้านตัวเองกับบ้านพี่วัณณ์” “ก็หัวใจกูอยู่ที่นี่ แล้วจะไปไหนได้” แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ลออก็ต้องปิดในสิ่งที่ทำอยู่ ทั้งที่ไม่อยากทำเลยก็ตามแต่มันจำเป็น “กูจะอ้วก” “แล้วมึงมาที่นี่ทำไม?” “กูมาตามมึงไปซ้อมรำ” เนื่องจากอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงงานช้างประจำจังหวัดแล้ว ซึ่งทั้งสองได้รับเลือกให้รำเปิดงาน ลออได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นได้พอดี “เออ กูลืมไปเลย” “ชีวิตมึงเคยจำอะไรได้บ้าง สงสัยมีแค่พี่วัณณ์ฎาคนเดียวแหละมั้ง” “ใช่” “เกลียด” เมื่อปันได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่หมั่นไส้อาการคลั่งรักผู้ชายของเพื่อน ก่อนจะเลือกไม่สนใจ “งั้นกูไปรอที่โรงเรียนนะ” “เออ เดี๋ยวกูตามไป” ลออยืนมองปันขับรถออกจากบ้านของวัณณ์ฎากระทั่งพ้นสายตา จากนั้นก็หันมองยังห้องน้ำที่อีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยบอกคนที่อยู่ข้างในด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย “พี่วัณณ์หนูหุงข้าวไว้ให้แล้วนะ แกงส้มที่หนูทำมาให้อยู่ในตู้กับข้าว ถ้าพี่หิวก็กินได้เลยหนูไม่ได้ใส่ยาเสน่ห์หรอก” “…” ทางวัณณ์ฎาที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวสอบหลังอาบน้ำเสร็จ ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยืนฟังเงียบ ๆ ส่วนลออเมื่ออีกคนไม่ตอบ เธอจึงไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินที่บอกหรือเปล่าจึงเอ่ยถาม “พี่วัณณ์ได้ยินที่หนูพูดไหม?” “…” “พี่วัณณ์ได้ยินไหม!” คนที่ยืนอยู่ในห้องน้ำเมื่อได้ยินเธอเรียกไม่หยุด จึงถอนหายใจแล้วตอบกลับไป “ได้ยิน” “ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบล่ะ” “ขี้เกียจตอบ” ลออได้ยินเช่นนั้นก็หมั่นไสไม่น้อย จึงเดินดุ่ม ๆ ไปยังผนังห้องน้ำที่ก่อด้วยอิฐบล็อกขณะปากเล็กพูดอุบอิบ “ต้องเจอแบบนี้ ไม่อยากตอบดีนัก” จากนั้นก็ไม่รอช้าขยับหน้าเข้าใกล้ช่องลม แล้วส่องดูอีกคนอาบน้ำเพื่อแกล้งเขา เมื่อตากลมโตมองเห็นเรือนร่างกำยำน่าหลงใหล ที่ตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวสอบไว้หมิ่น ๆ จนเห็นไรขนอ่อนตรงหน้าท้องโผล่พ้นขึ้นมาเล็กน้อย ลออจึงพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม “อื้อหือ หุ่นดีจริง ๆ” ด้านวัณณ์ฎาเมื่อได้ยินเสียงลออดังมาจากด้านข้างจึงหันไปมอง พอเห็นตาคู่สวยอยู่ตรงช่องลมก็ทำเอาตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วหยิบขันตักน้ำสาดไปยังช่องลมเพื่อสั่งสอนเธอ ที่ริอ่านแอบดูเขาอาบน้ำ พอลออเห็นเช่นนั้นเธอจึงรีบหลบ... “ว้าย! เกือบไปแล้ว” ปากเล็กพูดพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ทำให้สบตากับอีกคนที่มองด้วยสายตาตำหนิ ทว่าเธอก็ไม่สนใจยิ้มหวานส่งให้แล้วพูดลอยหน้าลอยตาโดยไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่ “หนูไปซ้อมรำก่อนนะ เดี๋ยวเย็น ๆ มาหาใหม่” “...” วัณณ์ฎาไม่ตอบนอกจากเมินใส่เธอ แล้วเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ส่วนลออเมื่อวัณณ์ฎาเดินออกไปแล้ว เธอก็เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับพูดพึมพำ “สงสัยต้องตบด้วยปาก กระชากด้วยลิ้นถึงจะยอมพูด” ในเวลาที่ลออกำลังจะเดินถึงรถคู่ใจ จู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับเข้ามาในบ้าน เธอจึงเบี่ยงสายตาไปมอง เห็น ปืนเพื่อนสนิทของวัณณ์ฎาและยังเป็นพี่ชายของปัน ขับรถผมตั้งเข้ามาในบ้าน เธอจึงมองด้วยความสงสัยและคิดในใจ สองพี่น้องว่างกันมากมั้งขับรถไปมาอยู่นั่น... จากนั้นลออก็เลือกไม่สนใจเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเธอ ก่อนจะได้ยินปืนเอ่ยถาม “คนสวยของพี่จะกลับบ้านแล้วเหรอ?” “เปล่าหนูจะไปซ้อมรำ” “ซ้อมรำงานช้างเหรอ?” เจ้าของร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาผิวคร้ามแดด แม้จะไม่ได้ขาวผุดผ่องเหมือนเด็กเมืองกรุง แต่กลับดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมาก เอ่ยถามรุ่นน้องในหมู่บ้านด้วยใบหน้าสงสัย ลออจึงตอบกลับไป “ใช่ พี่ปืนมาหาพี่วัณณ์เหรอ” “ใช่ มันอยู่บ้านไหม?” “อยู่” ลออเอ่ยตอบพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งจากปืน ก่อนจะเอ่ยถามออกไปตรง ๆ “พี่ปืนจะไปไหน?” “พี่จะไปซื้อของที่ตัวอำเภอ” “ไปซื้อของที่ตัวอำเภอต้องฉีดน้ำหอมขนาดนี้เลยเหรอ?” “ใช่” เนื่องจากเป็นเพียงลูกชาวไร่ชาวนา แถมพ่อยังพ่วงด้วยสถานะสัปเหร่อ ครอบครัวไม่ได้ดูรวยหรือเท่ในสายตาใคร จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนมาสนใจเหมือนเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ก็เลยอยากทำให้ตัวเองดูดีและเท่ในสายตาคนอื่นบ้างก็เท่านั้น เผื่อจะมีใครสนใจอยากมาเป็นคู่ชีวิตเขา ขณะชายหญิงสองคนคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฝั่งคนที่อยู่บนบ้านเมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก เห็นลออกำลังยืนคุยกับปืนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จึงเค้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ “หึ!” และได้แต่คิดในใจ เธอคงทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนรวมถึงตัวเขาด้วย วัณณ์ฎายืนมองลออคุยกับปืนพักหนึ่ง กระทั่งเห็นว่าทั้งสองไม่มีวี่แววจะแยกย้ายกัน ตนจึงเลือกไม่สนใจก่อนจะเดินลงส้นเท้าหนัก ๆ ไปข้างล่างเพื่อหาข้าวกิน ขณะริมฝีปากพูดพึมพำ “คนอื่นซ้อมรำจนจบเพลงแล้วมั้ง มัวแต่คุยกับผู้ชายอยู่นั่น” ทางด้านปืนกับลออในเวลาที่คุยกันอยู่ พอได้ยินเสียงคล้ายคนเดินกระทืบเท้าทั้งสองจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นวัณณ์ฎากำลังเดินลงมาข้างล่าง ปืนจึงตะโกนถาม “ไอ้วัณณ์วันนี้มึงว่างไหม?” “ทำไม?” “พากูไปซื้อของให้ย่าหน่อย” ทางด้านลออขณะยืนฟังทั้งสองคุยกันพอวัณณ์ฎาหันมาสบตาเธอ จึงส่งยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้ อีกคนเห็นจึงเบี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วเอ่ยตอบเพื่อนของเขา “เออ” หลังจากยืนฟังบทสนทนาของทั้งสอง ลออก็หันไปทางปืนอีกครั้ง “หนูไปซ้อมรำก่อนนะ” “ครับผม” สิ้นเสียงทุ้ม ลออก็เดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ จากนั้นก็ขับออกไปจากบ้านของวัณณ์ฎามุ่งตรงไปยังโรงเรียนของหมู่บ้าน เพื่อซ้อมรำกับนางรำคนอื่นที่ถูกเลือกไปร่วมแสดงในงานช้างที่จะถึง... ส่วนวัณณ์ฎาหลังจากกินข้าวที่ลออทำมาให้อิ่ม ก็ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปืนไปยังอำเภอเพื่อซื้อของ เมื่อเสร็จ ทั้งสองก็นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน และพูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วงนี้วัณณ์ฎากับปืนจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย เนื่องจากกัปตันเพื่อนสนิทที่เรียนไสยเวทย์ด้วยกัน มีเมียแล้วจึงทำให้ไปมาหาสู่เหมือนเช่นเมื่อก่อนไม่ได้ ตอนนี้ตนจึงตัวติดกับไอ้หนุ่มผู้ช่วยสัปเหร่อนี่แทน หลังจากกลับมาถึงบ้าน วัณณ์ฎาก็ให้ปืนพาไปท้ายนาเพื่อตัดไม้ไผ่มาสานข้องใส่ปลา ที่อันเก่าใช้งานไม่ได้แล้ว “มึงก็ไม่ซื้อใหม่วะ” “กูกลัวไม่มีอะไรทำ” เพราะชีวิตนั้นว่างเกิน ไม่มีงานการเหมือนคนอื่น หากไม่มีชาวบ้านหรือคนเดือดร้อนมารักษา วัน ๆ ก็นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเท่านั้น แต่ก็มีเงินใช้ไม่อดอยาก เรียกได้ว่าสบายไปทั้งชาติ เนื่องจากปู่แท้ ๆ ที่บวชเป็นพระ ยกที่นาหลายร้อยไร่ให้ เขาจึงเอาไปปล่อยให้ชาวบ้านเช่า โดยไม่กินดอกเพราะดีกว่าปล่อยที่นาว่างไว้เฉย ๆ และถึงแม้บางครอบครัวจะจ่ายตรงบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ตัววัณณ์ฎาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะตัวคนเดียวไม่ต้องเลี้ยงดูหรือดูแลใคร และเหตุผลนี้ ตัวเขาจึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงในหมู่บ้าน ที่อยากได้เขาไปเป็นคู่ครอง “กูอยากรวยเหมือนมึงจัง จะได้ไม่ต้องไปทำไร่ไถนา” “มีที่ทำกินก็ดีแล้ว” “มันก็ดี แต่กูอยากนอนเฉย ๆ แล้วได้เงินมากกว่า” ปืนพูดด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ เพราะการทำไร่ทำนามันไม่ได้สบาย เหนื่อยแทบตาย ตากแดดจนหน้าดำหน้าแดงกว่าจะได้เงินแต่ละบาท วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นจึงแนะนำอาชีพหนึ่งให้เพื่อนสนิทตัวเอง “ก็มีนะอาชีพหนึ่ง” “อาชีพอะไรวะ กูจะไปทำ” “ศพ นอนอยู่เฉย ๆ กะได้ตังค์” “โอ๊ย ไอ้ห่า” ปืนที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์มองวัณณ์ฎาตัดไม้ไผ่ พอได้ยินเช่นนั้นก็สบถเพื่อนตัวเองทว่าไม่ได้จริงจังอะไร หลังจากวัณณ์ฎาตัดไม้ไผ่เสร็จก็แบกขึ้นบ่า แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปืน ก่อนจะพากันกลับบ้าน ซึ่งระหว่างทางก็มีพูดคุยกันไปเรื่อย “เพื่อนมึงไปไหนวะ?” “ใคร? ไอ้ตันน่ะเหรอ” “ใช่” “มันได้เมียแล้ว กูเลยไม่ค่อยไปหามัน” ร่างสูงเอ่ยตอบขณะดวงตามองชาวบ้านที่กำลังต้อนควายไปเลี้ยงที่ทุ่งนา “แล้วเมื่อเช้าน้องลออมาหามึงทำไม?” “เอากับข้าวมาให้” “น่ารักเนอะ” ปืนพูดด้วยความอิจฉาที่เพื่อนโชคดี มีผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างลออมาชอบ แถมยังจิตใจดีมีเมตตาทำกับข้าวมาให้กินทุกวัน ซึ่งไม่ใช่จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้ง่าย ๆ “ก็น่ารักอยู่ แต่ดื้อเกินกูไม่ชอบ” “ปากดีไปเถอะมึง ถ้าวันไหนน้องมันหันมาชอบกูขึ้นมา มึงอย่าเสียใจก็แล้วกัน” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากนั่งฟังเงียบ ๆ กระทั่งปืนเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม