หลังจากเทกับข้าวใส่จานเรียบร้อย ลออก็เอาเสื้อของเธอไปตากข้างหลังบ้าน จากนั้นก็เดินกลับไปยังหน้าบ้าน เห็น ปันเพื่อนสนิทที่เพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ ขับรถเวฟเข้ามาในบ้านของวัณณ์ฎาพอดี เธอจึงยืนมองนิ่ง ๆ ส่วนเพื่อนสาวเมื่อเห็นเธอจึงเบะปากพูด
“ชีวิตมึงรู้จักที่อื่นบ้างไหม นอกจากบ้านตัวเองกับบ้านพี่วัณณ์”
“ก็หัวใจกูอยู่ที่นี่ แล้วจะไปไหนได้” แม้จะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ลออก็ต้องปิดในสิ่งที่ทำอยู่ ทั้งที่ไม่อยากทำเลยก็ตามแต่มันจำเป็น
“กูจะอ้วก”
“แล้วมึงมาที่นี่ทำไม?”
“กูมาตามมึงไปซ้อมรำ” เนื่องจากอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงงานช้างประจำจังหวัดแล้ว ซึ่งทั้งสองได้รับเลือกให้รำเปิดงาน ลออได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นได้พอดี
“เออ กูลืมไปเลย”
“ชีวิตมึงเคยจำอะไรได้บ้าง สงสัยมีแค่พี่วัณณ์ฎาคนเดียวแหละมั้ง”
“ใช่”
“เกลียด” เมื่อปันได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่หมั่นไส้อาการคลั่งรักผู้ชายของเพื่อน ก่อนจะเลือกไม่สนใจ
“งั้นกูไปรอที่โรงเรียนนะ”
“เออ เดี๋ยวกูตามไป”
ลออยืนมองปันขับรถออกจากบ้านของวัณณ์ฎากระทั่งพ้นสายตา จากนั้นก็หันมองยังห้องน้ำที่อีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยบอกคนที่อยู่ข้างในด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย
“พี่วัณณ์หนูหุงข้าวไว้ให้แล้วนะ แกงส้มที่หนูทำมาให้อยู่ในตู้กับข้าว ถ้าพี่หิวก็กินได้เลยหนูไม่ได้ใส่ยาเสน่ห์หรอก”
“…” ทางวัณณ์ฎาที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวสอบหลังอาบน้ำเสร็จ ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากยืนฟังเงียบ ๆ ส่วนลออเมื่ออีกคนไม่ตอบ เธอจึงไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินที่บอกหรือเปล่าจึงเอ่ยถาม
“พี่วัณณ์ได้ยินที่หนูพูดไหม?”
“…”
“พี่วัณณ์ได้ยินไหม!” คนที่ยืนอยู่ในห้องน้ำเมื่อได้ยินเธอเรียกไม่หยุด จึงถอนหายใจแล้วตอบกลับไป
“ได้ยิน”
“ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบล่ะ”
“ขี้เกียจตอบ” ลออได้ยินเช่นนั้นก็หมั่นไสไม่น้อย จึงเดินดุ่ม ๆ ไปยังผนังห้องน้ำที่ก่อด้วยอิฐบล็อกขณะปากเล็กพูดอุบอิบ
“ต้องเจอแบบนี้ ไม่อยากตอบดีนัก”
จากนั้นก็ไม่รอช้าขยับหน้าเข้าใกล้ช่องลม แล้วส่องดูอีกคนอาบน้ำเพื่อแกล้งเขา เมื่อตากลมโตมองเห็นเรือนร่างกำยำน่าหลงใหล ที่ตอนนี้มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวสอบไว้หมิ่น ๆ จนเห็นไรขนอ่อนตรงหน้าท้องโผล่พ้นขึ้นมาเล็กน้อย ลออจึงพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม
“อื้อหือ หุ่นดีจริง ๆ”
ด้านวัณณ์ฎาเมื่อได้ยินเสียงลออดังมาจากด้านข้างจึงหันไปมอง พอเห็นตาคู่สวยอยู่ตรงช่องลมก็ทำเอาตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบตั้งสติแล้วหยิบขันตักน้ำสาดไปยังช่องลมเพื่อสั่งสอนเธอ ที่ริอ่านแอบดูเขาอาบน้ำ
พอลออเห็นเช่นนั้นเธอจึงรีบหลบ...
“ว้าย! เกือบไปแล้ว”
ปากเล็กพูดพึมพำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ทำให้สบตากับอีกคนที่มองด้วยสายตาตำหนิ ทว่าเธอก็ไม่สนใจยิ้มหวานส่งให้แล้วพูดลอยหน้าลอยตาโดยไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำเมื่อครู่
“หนูไปซ้อมรำก่อนนะ เดี๋ยวเย็น ๆ มาหาใหม่”
“...” วัณณ์ฎาไม่ตอบนอกจากเมินใส่เธอ แล้วเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ส่วนลออเมื่อวัณณ์ฎาเดินออกไปแล้ว เธอก็เดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับพูดพึมพำ
“สงสัยต้องตบด้วยปาก กระชากด้วยลิ้นถึงจะยอมพูด”
ในเวลาที่ลออกำลังจะเดินถึงรถคู่ใจ จู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับเข้ามาในบ้าน เธอจึงเบี่ยงสายตาไปมอง เห็น ปืนเพื่อนสนิทของวัณณ์ฎาและยังเป็นพี่ชายของปัน ขับรถผมตั้งเข้ามาในบ้าน เธอจึงมองด้วยความสงสัยและคิดในใจ
สองพี่น้องว่างกันมากมั้งขับรถไปมาอยู่นั่น...
จากนั้นลออก็เลือกไม่สนใจเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเธอ ก่อนจะได้ยินปืนเอ่ยถาม
“คนสวยของพี่จะกลับบ้านแล้วเหรอ?”
“เปล่าหนูจะไปซ้อมรำ”
“ซ้อมรำงานช้างเหรอ?” เจ้าของร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาผิวคร้ามแดด แม้จะไม่ได้ขาวผุดผ่องเหมือนเด็กเมืองกรุง แต่กลับดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลมาก เอ่ยถามรุ่นน้องในหมู่บ้านด้วยใบหน้าสงสัย ลออจึงตอบกลับไป
“ใช่ พี่ปืนมาหาพี่วัณณ์เหรอ”
“ใช่ มันอยู่บ้านไหม?”
“อยู่” ลออเอ่ยตอบพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งจากปืน ก่อนจะเอ่ยถามออกไปตรง ๆ
“พี่ปืนจะไปไหน?”
“พี่จะไปซื้อของที่ตัวอำเภอ”
“ไปซื้อของที่ตัวอำเภอต้องฉีดน้ำหอมขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่” เนื่องจากเป็นเพียงลูกชาวไร่ชาวนา แถมพ่อยังพ่วงด้วยสถานะสัปเหร่อ ครอบครัวไม่ได้ดูรวยหรือเท่ในสายตาใคร จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนมาสนใจเหมือนเพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกัน ก็เลยอยากทำให้ตัวเองดูดีและเท่ในสายตาคนอื่นบ้างก็เท่านั้น เผื่อจะมีใครสนใจอยากมาเป็นคู่ชีวิตเขา
ขณะชายหญิงสองคนคุยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฝั่งคนที่อยู่บนบ้านเมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก เห็นลออกำลังยืนคุยกับปืนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จึงเค้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“หึ!” และได้แต่คิดในใจ เธอคงทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนรวมถึงตัวเขาด้วย
วัณณ์ฎายืนมองลออคุยกับปืนพักหนึ่ง กระทั่งเห็นว่าทั้งสองไม่มีวี่แววจะแยกย้ายกัน ตนจึงเลือกไม่สนใจก่อนจะเดินลงส้นเท้าหนัก ๆ ไปข้างล่างเพื่อหาข้าวกิน ขณะริมฝีปากพูดพึมพำ
“คนอื่นซ้อมรำจนจบเพลงแล้วมั้ง มัวแต่คุยกับผู้ชายอยู่นั่น” ทางด้านปืนกับลออในเวลาที่คุยกันอยู่ พอได้ยินเสียงคล้ายคนเดินกระทืบเท้าทั้งสองจึงหันไปมอง ก่อนจะเห็นวัณณ์ฎากำลังเดินลงมาข้างล่าง ปืนจึงตะโกนถาม
“ไอ้วัณณ์วันนี้มึงว่างไหม?”
“ทำไม?”
“พากูไปซื้อของให้ย่าหน่อย” ทางด้านลออขณะยืนฟังทั้งสองคุยกันพอวัณณ์ฎาหันมาสบตาเธอ จึงส่งยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้ อีกคนเห็นจึงเบี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วเอ่ยตอบเพื่อนของเขา
“เออ” หลังจากยืนฟังบทสนทนาของทั้งสอง ลออก็หันไปทางปืนอีกครั้ง
“หนูไปซ้อมรำก่อนนะ”
“ครับผม” สิ้นเสียงทุ้ม ลออก็เดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ จากนั้นก็ขับออกไปจากบ้านของวัณณ์ฎามุ่งตรงไปยังโรงเรียนของหมู่บ้าน เพื่อซ้อมรำกับนางรำคนอื่นที่ถูกเลือกไปร่วมแสดงในงานช้างที่จะถึง...
ส่วนวัณณ์ฎาหลังจากกินข้าวที่ลออทำมาให้อิ่ม ก็ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปืนไปยังอำเภอเพื่อซื้อของ
เมื่อเสร็จ ทั้งสองก็นั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน และพูดคุยกันตามประสาเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วงนี้วัณณ์ฎากับปืนจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย เนื่องจากกัปตันเพื่อนสนิทที่เรียนไสยเวทย์ด้วยกัน มีเมียแล้วจึงทำให้ไปมาหาสู่เหมือนเช่นเมื่อก่อนไม่ได้ ตอนนี้ตนจึงตัวติดกับไอ้หนุ่มผู้ช่วยสัปเหร่อนี่แทน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน วัณณ์ฎาก็ให้ปืนพาไปท้ายนาเพื่อตัดไม้ไผ่มาสานข้องใส่ปลา ที่อันเก่าใช้งานไม่ได้แล้ว
“มึงก็ไม่ซื้อใหม่วะ”
“กูกลัวไม่มีอะไรทำ”
เพราะชีวิตนั้นว่างเกิน ไม่มีงานการเหมือนคนอื่น หากไม่มีชาวบ้านหรือคนเดือดร้อนมารักษา วัน ๆ ก็นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านเท่านั้น แต่ก็มีเงินใช้ไม่อดอยาก เรียกได้ว่าสบายไปทั้งชาติ
เนื่องจากปู่แท้ ๆ ที่บวชเป็นพระ ยกที่นาหลายร้อยไร่ให้ เขาจึงเอาไปปล่อยให้ชาวบ้านเช่า โดยไม่กินดอกเพราะดีกว่าปล่อยที่นาว่างไว้เฉย ๆ และถึงแม้บางครอบครัวจะจ่ายตรงบ้างไม่ตรงบ้าง แต่ตัววัณณ์ฎาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะตัวคนเดียวไม่ต้องเลี้ยงดูหรือดูแลใคร
และเหตุผลนี้ ตัวเขาจึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงในหมู่บ้าน ที่อยากได้เขาไปเป็นคู่ครอง
“กูอยากรวยเหมือนมึงจัง จะได้ไม่ต้องไปทำไร่ไถนา”
“มีที่ทำกินก็ดีแล้ว”
“มันก็ดี แต่กูอยากนอนเฉย ๆ แล้วได้เงินมากกว่า” ปืนพูดด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ เพราะการทำไร่ทำนามันไม่ได้สบาย เหนื่อยแทบตาย ตากแดดจนหน้าดำหน้าแดงกว่าจะได้เงินแต่ละบาท วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นจึงแนะนำอาชีพหนึ่งให้เพื่อนสนิทตัวเอง
“ก็มีนะอาชีพหนึ่ง”
“อาชีพอะไรวะ กูจะไปทำ”
“ศพ นอนอยู่เฉย ๆ กะได้ตังค์”
“โอ๊ย ไอ้ห่า” ปืนที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์มองวัณณ์ฎาตัดไม้ไผ่ พอได้ยินเช่นนั้นก็สบถเพื่อนตัวเองทว่าไม่ได้จริงจังอะไร
หลังจากวัณณ์ฎาตัดไม้ไผ่เสร็จก็แบกขึ้นบ่า แล้วเดินไปนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปืน ก่อนจะพากันกลับบ้าน ซึ่งระหว่างทางก็มีพูดคุยกันไปเรื่อย
“เพื่อนมึงไปไหนวะ?”
“ใคร? ไอ้ตันน่ะเหรอ”
“ใช่”
“มันได้เมียแล้ว กูเลยไม่ค่อยไปหามัน” ร่างสูงเอ่ยตอบขณะดวงตามองชาวบ้านที่กำลังต้อนควายไปเลี้ยงที่ทุ่งนา
“แล้วเมื่อเช้าน้องลออมาหามึงทำไม?”
“เอากับข้าวมาให้”
“น่ารักเนอะ” ปืนพูดด้วยความอิจฉาที่เพื่อนโชคดี มีผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างลออมาชอบ แถมยังจิตใจดีมีเมตตาทำกับข้าวมาให้กินทุกวัน ซึ่งไม่ใช่จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้ง่าย ๆ
“ก็น่ารักอยู่ แต่ดื้อเกินกูไม่ชอบ”
“ปากดีไปเถอะมึง ถ้าวันไหนน้องมันหันมาชอบกูขึ้นมา มึงอย่าเสียใจก็แล้วกัน” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากนั่งฟังเงียบ ๆ กระทั่งปืนเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน...