วัณณ์ฎา 4

3253 คำ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน วัณณ์ฎาก็นั่งเหลาไม้ไผ่ที่แคร่ ส่วนปืนเอาของที่ซื้อให้ย่าเสร็จก็กลับไปหาวัณณ์ฎาอีกครั้ง ระหว่างทางกำลังจะขับผ่านซอยบ้านตัวเอง ซึ่งอยู่คนละซอยกับบ้านย่า ดันเจอคนเป็นพ่อจึงจอดคุยกันเรื่องงานครู่หนึ่งจากนั้นก็แยกย้ายกัน ทางด้านวัณณ์ฎาในระหว่างกำลังนั่งเหลาไม้เพื่อสานข้องใส่ปลา ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาจึงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพื่อนสนิทขับรถมาจอดข้างแคร่ไม้ที่ตนนั่งอยู่ด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินมานั่งลงด้านข้าง แล้ววางเหล้าขาวบนแคร่พร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง “เฮ้อ~” วัณณ์ฎาจึงมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไม่สนใจนั่งเหลาไม้ไผ่ต่อ ก่อนจะได้ยินเสียงปืนพูดขึ้น “มึงไม่คิดจะถามกูเลยเหรอ ว่าเป็นอะไร?” “ไม่” “โอ๊ยไอ้ห่า ถามกูหน่อยก็ได้กูอยากเล่า” ปืนพูดด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ เมื่อเห็นเพื่อนไม่สนใจ ก่อนจะได้ยินประโยคถัดมาของวัณณ์ฎา “ถามทำไมเดี๋ยวมึงก็เล่าให้กูฟัง” “รู้ดีนะมึง” วัณณ์ฎาไม่ตอบอะไรกลับไปนอกจากนั่งเหลาไม้ไผ่เงียบ ๆ และรอฟังในสิ่งที่ปืนจะเล่า ซึ่งไม่ต้องเดาเขาก็พอรู้ว่ามันคือเรื่องอะไร ส่วนปืนเลื่อนมือไปหยิบแก้วเป๊กที่เอามาทิ้งไว้บ้านวัณณ์ฎา จากนั้นก็จัดการรินเหล้าขาวแล้วยกดื่ม เมื่อแอลกอฮอล์ไหลลงคอชายหนุ่มก็ระบายสิ่งที่อยู่ภายในใจให้เพื่อนสนิทฟัง “กูไม่อยากไปช่วยพ่อกูเผาศพว่ะ” “มึงยังไม่ชินอีก?” วัณณ์ฎาเอ่ยถามพร้อมกับช้อนตามองปืน “ใครจะชินกับศพวะ กูถามหน่อย” “...” วัณณ์ฎาเลือกนั่งเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ในขณะที่ปืนยังคงดื่มเหล้าแล้วบ่นพึมพำเป็นภาษาถิ่นกับโชคชะตา “เฮ้อ~ หน้าตากูกะหล่อปานว่าดาราเกาหลี เรียนกะจบตั้งราชภัฏพู้นน่ะ ให้กูมาเป็นสัปเหร่อพะนะ” (เฮ้อ~ หน้าตากูก็หล่อเหมือนดาราเกาหลี เรียนก็จับตั้งราชภัฏนู่นน่ะ ให้กูมาเป็นสัปเหร่อเฉยเลย) ที่พูดมาไม่ได้รังเกียจในอาชีพ ทว่าเป็นคนกลัวผีจนขึ้นสมอง และไม่อาจทำใจให้คุ้นชินกับวาระสุดท้ายของคนเราได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ เนื่องจากคนเป็นพ่อบังคับให้ช่วย ทางด้านวัณณ์ฎาไม่รู้จะพูดปลอบใจปืนยังไง ทำได้เพียงนั่งฟังปืนระบายความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ และนั่งเป็นเพื่อนอีกคนกินเหล้าย้อมใจเพื่อทำให้ตัวเองเมา ก่อนไปช่วยพ่อเผาศพในช่วงบ่ายแก่ “มึงว่ากูจะหายกลัวผีหรือเป็นโรคตับก่อนกัน” “โรคตับ” “ให้กำลังใจกูดีมากเพื่อน” “กูพูดผิดตรงไหน” พูดจบมือหนาก็วางมีดลงจากนั้นก็เริ่มสานข้อง ส่วนปืนก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเพราะมันจริงอย่างที่เพื่อนพูด จากนั้นทั้งสองก็นั่งคุยกันอยู่ที่แคร่กระทั่งบ่ายแก่ ปืนก็ขับรถไปวัดเพื่อช่วยพ่อเผาศพ ส่วนวัณณ์ฎาก็เก็บอุปกรณ์ไปไว้ใต้ถุนบ้าน จากนั้นก็ไปทำกับข้าว วัณณ์ฎาใช้เวลาอยู่ในครัวสักพักใหญ่ เมื่อเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก ก่อนจะมองไปยังหน้าบ้านเมื่อเห็นว่าเย็นมากแล้ว แต่อีกคนก็ยังไม่มาทั้งที่เธอบอกจะมา ก่อนจะเลือกไม่สนใจเดินไปยังห้องน้ำแล้วอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย... ทางด้านลออกว่าจะซ้อมรำเสร็จก็เย็นย่ำ จึงทำให้ไม่ได้ไปหาอีกคนที่บ้าน ทำเอาเซ็งไม่น้อยเมื่อรับรู้ว่าวันนี้จะต้องกลับบ้านมือเปล่าอีกแล้ว หลังจากขับรถเข้ามาภายในบ้านไม้สองชั้นมีใต้ถุนด้วยใบหน้าเซ็ง ๆ ตาคู่สวยก็เหลือบเห็นรถกระบะของเพื่อนพ่อจอดอยู่ ลออจึงเอ่ยถามมะยม กุมารทองเด็กผู้ชาย ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ชานบ้าน “มะยมลุงเชิดมาบ้านเหรอ?” “ใช่จ้ะพี่ลออ” “แล้วพ่อทำกับข้าวยัง?” “ไม่ได้ทำ ลุงเชิดซื้อกับข้าวมาฝากพ่อ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มก็ระบายยิ้มด้วยความดีใจ จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ได้ยินพ่อของเธอกำลังคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ในห้องรับรองจึงหันไปมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็เลือกไม่สนใจรีบเดินไปยังห้องนอนของเธอ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อยืดกางเกงขาสั้นลงไปอาบน้ำข้างล่าง ใช้เวลาไม่นานลออก็เดินออกจากห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเพื่อนของพ่อยังไม่กลับ เธอก็ชะเง้อคอมองขึ้นไปบนบ้านพร้อมกับเอ่ยถามมะยม “ยมพ่อยังอยู่ในห้องรับรองใช่ไหม” “ใช่จ้ะ” พอได้ยินเช่นนั้นร่างเล็กก็ไม่รอช้า รีบเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใต้ถุนบ้านทันที ในเวลาที่ลออกำลังจะเข็นรถคู่ใจออกไปสตาร์ตข้างนอก เพื่อไปบ้านอีกคนแล้วเอาตำรามาให้พ่อ เนื่องจากพูดโอ้อวดไว้แล้ว ยังไงเธอก็ต้องเอามาให้ได้ ก่อนจะได้ยินเสียงเล็กเอ่ยถาม “พี่ลออจะไปไหน?” “ไปบ้านปัน ถ้าพ่อถามบอกดึก ๆ เดี๋ยวกลับนะ” “ได้” พูดจบลออก็ไม่รอช้าขับรถออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังของวัณณ์ฎาทันที... ฝั่งวัณณ์ฎาหลังจากกินข้าวเสร็จก็นั่งแปรงฟันข้างโอ่ง เมื่อเสร็จก็นั่งอ่านตำราที่โต๊ะไม้สัก ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาภายในบ้าน ตาคมกริบจึงละจากหนังสือแล้วมองยังรถคันดังกล่าว เห็นลออจอดรถใต้ต้นไม้แล้วเดินมายังบันได คิ้วหนาดกดำจึงขมวดมุ่นเมื่อเห็นเธอมาบ้านเขาในเวลานี้ ก่อนจะนั่งมองกระทั่งลออเดินพ้นบันไดบ้าน จึงเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับใบหน้า “มาทำไม?” “หนูคิดถึงพี่ก็เลยมาหา” “กลับไป” “ใจร้ายจังเพิ่งมาถึงเอง จะไล่กลับแล้วเหรอ” เพราะเห็นว่ามืดแล้วไม่อยากให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน เขาจึงเอ่ยบอกเธอเช่นนั้น ส่วนลออแม้วัณณ์ฎาจะไล่เธอ แต่ก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมทำตามที่เขาบอก เนื่องจากเห็นตำราที่อยากได้อยู่ในมืออีกคน จึงตั้งมั่นยังไงวันนี้เธอก็ต้องเอากลับบ้านให้ได้ ก่อนจะตีมึนเดินไปนั่งลงที่โต๊ะไม้สักข้างอีกคน วัณณ์ฎาเห็นเช่นนั้นจึงปิดหนังสือตำราลง แล้วจ้องมองลออด้วยแววตาเข้มดุ ร่างเล็กเห็นเช่นนั้นจึงเล่นละครบทเศร้า “หนูขออยู่อีกสักพักได้ไหม วันนี้หนูเห็นหน้าพี่แค่แป๊บเดียวเอง” “...” วัณณ์ฎาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากเปิดหนังสืออ่านต่อ ส่วนลออเมื่อเห็นอีกคนไม่ไล่เธอกลับบ้านแล้ว จึงเลือกนั่งเงียบเพื่อไม่ทำให้อีกคนรำคาญใจ แล้วค่อยหาจังหวะทำยังไงก็ได้เพื่อเอาตำรามาจากเขา เวลาผ่านไปพักใหญ่ ร่างสูงก็ไม่มีท่าทีจะวางหนังสือลง ทำเอาลออสุดจะทนจึงหันไปมองวัณณ์ฎา ที่นั่งพิงหมอนขิดสามเหลี่ยมอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่ารักน่าเอ็นดู “พี่วัณณ์กินข้าวยัง?” “กินแล้ว” “หิวจัง หนูยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงเลย” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ละสายตาจากหนังสือ แล้วมองปากเล็กพูดขมุบขมิบ อีกทั้งใบหน้าจิ้มลิ้มที่ทำท่าทีออดอ้อน ซึ่งน่ารักน่าเอ็นดูมากจึงเผลอนั่งมองเธอไม่ละสายตาไปไหน กระทั่งเห็นว่าลออกำลังจะหันมา จึงหลุบตามองยังหนังสือเช่นเดิม ทางด้านลออเมื่อเห็นวัณณ์ฎาเอาแต่อ่านหนังสือไม่ยอมวางสักที จึงนั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งว่าจะเอายังไงต่อ ตีหัวเขาให้สลบแล้วขโมยตำรากลับบ้านดีไหมนะ... ตาคู่สวยมองอีกคนขณะในหัวพิจารณากับสิ่งที่คิด ก่อนจะสะบัดหน้าแรง ๆ กับความคิดไม่เข้าท่า จากนั้นก็หรี่ตามองอีกคนแล้วตัดสินใจทำอะไรสิ้นคิด มุดหัวลอดแขนกำยำเพื่อจะดูบทสวดในตำรา ด้วยเหตุผลที่ว่า แม้วันนี้ไม่ได้ตำรากลับบ้าน แต่อย่างน้อยได้เห็นบทสวดหรือรายละเอียดในเล่มก็ยังดี เมื่อมุดหัวลอดแขนวัณณ์ฎาแล้วลออก็รีบโผล่หน้าขึ้น สิ่งที่เธอตั้งใจเห็นคือบทสวด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะเธอดันหันผิดทาง แทนที่จะหันหน้าออกดันหันหน้าเข้าหาอีกคนแทน ทำให้ในตอนนี้ใบหน้าของเธอกับเขาห่างกันเพียงคืบเดียว รับรู้เช่นนั้นลออก็มองหน้าวัณณ์ฎานิ่ง ๆ ขณะริมฝีปากกัดเม้มกันแน่น ส่วนวัณณ์ฎามองลออด้วยแววตาเข้มดุพร้อมกับเอ่ยถามเธอ “ทำอะไร?” ลออตั้งสติได้ก็ปั้นหน้ายิ้มแล้วตอบออกไป “หนูจะดูว่าพี่กำลังอ่านอะไรอยู่” พูดจบลออก็หันไปทางด้านหลังเพื่อดูเนื้อหาในตำรา ทำให้ผมของเธอสะบัดโดนหน้าวัณณ์ฎาเต็ม ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งซบแผงอกกำยำอีกคน จากนั้นก็เตรียมไล่สายตามองบทสวด ทว่ายังไม่ได้อ่านเลยสักตัวเขาก็ปิดหนังสือลง ทำเอาเธอหงุดหงิดไม่น้อย จะหวงอะไรนักหนา... ทางวัณณ์ฎาเมื่อรับรู้ลออนั่งซบอกของเขา จึงเอยบอกเธอด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ทำดี ๆ” พร้อมกับดันไหล่เล็กให้เธอขยับออกห่าง เพราะกลัวชาวบ้านที่ออกไปส่องหนูหากบหาเขียดผ่านมาเห็นจะดูไม่ดีเอาได้ “ก็หนูบอกว่าหิวข้าวแต่พี่ก็ไม่สนใจหนูเลย” “หิวก็ลงไปกิน กับข้าวในครัวมี” “พี่ให้หนูลงไปกินจริง ๆ เหรอ?” “อือ” ได้ยินเช่นนั้นร่างเล็กก็เบะปากยิ้ม ตากลมโตเลื่อนลงยังแผงอกกำยำ ที่เต็มไปด้วยรอยสักน่าเกรงขาม กระทั่งสายตาผ่านกล้ามหน้าท้องจนถึงขอบกางเกง ที่มีไรขนอ่อนโผล่พ้นจากจุดสงวนขึ้นมา ซึ่งดูเซ็กซี่ไม่น้อยทำเอาเธอน้ำลายแทบหก แต่ดีที่กลืนลงคอทัน จากนั้นก็ตั้งสติแล้วเตรียมจะขยับหน้าลงเพื่อแกล้งเขาทว่า... ปึก! “โอ๊ย!” โดนของแข็งกระแทกยังหน้าผากเสียก่อน ลออจึงเงยหน้าขึ้นมองวัณณ์ฎาพร้อมกับเอ่ยถาม ขณะมือเล็กลูบหน้าผากตัวเอง เมื่อโดนเขาเอาตำราเล่มหนาเคาะหัว “พี่เคาะหัวหนูทำไม?” “แล้วคิดจะทำอะไร” “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” “สาบาน” “ก็ตายฟรีน่ะสิ” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับความดื้อรั้นของลออ ขณะดวงตามองเธอไม่ละไปไหน ซึ่งต่างจากเจ้าตัวที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรในสิ่งที่คิดจะทำเมื่อครู่ ขณะที่ทั้งสองนั่งมองหน้ากันโดยไม่มีใครพูดอะไร จู่ ๆ โทรศัพท์ของลออที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นก็ดังขึ้น เธอจึงรีบล้วงมาดู พอเห็นชื่อคนเป็นพ่อโชว์อยู่หน้าจอจึงรีบกดรับสาย “ว่าไงพ่อ?” (อยู่ไหน?) “บ้านปัน” วัณณ์ฎาได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองลออครู่หนึ่ง ก่อนจะยกหนังสือขึ้นอ่าน คล้ายกับทำเป็นไม่สนใจเธอ ทว่าหูกลับฟังในสิ่งที่เธอพูดอย่างตั้งใจ “เพื่อนพ่อกลับแล้วเหรอ” “เดี๋ยวหนูรีบกลับ” ทางด้านลออหลังจากวางสายพ่อของเธอ ก็หันไปทางวัณณ์ฎาก่อนจะเลื่อนสายตาลงยังตำราที่อยู่ในมือเขาตาละห้อย เนื่องจากมันอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่เธอก็ไม่มีปัญญาเอามาได้ ทำเอาหงุดหงิดไม่น้อยจนอยากเอ่ยปากขอเขาตรง ๆ แต่ก็ไม่กล้า จึงเลือกสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วปลอบใจตัวเองในใจ วันพระไม่ได้มีหนเดียวหรอกวะ... จากนั้นก็มองไปยังหน้าบ้าน เมื่อเห็นว่าบรรยากาศข้างนอกวังเวงจนน่าขนลุก จึงหันไปเอ่ยบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่วัณณ์ไปส่งหนูที่บ้านหน่อยได้ไหม?” “ทำไมต้องไปส่ง” “หนูกลัวผีไม่กล้าขับรถกลับบ้านคนเดียว” “ตลก เลี้ยงกุมารแต่บอกกลัวผี” เนื่องจากเคยเห็นเด็กผู้ชายติดตามลออมาที่นี่อยู่ครั้งหนึ่ง จึงรู้ว่าเธอเลี้ยงกุมาร “มันไม่เหมือนกัน มะยมไม่น่ากลัวเป็นผีน่ารัก” ซึ่งที่พูดทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริงเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แม้พ่อเธอจะเป็นหมอผี ทว่าตัวเธอไม่เคยเห็นผีเลยสักครั้งถ้าหากไม่รวมมะยม เมื่อเห็นวัณณ์ฎาไม่ตอบลออจึงออดอ้อนอีกครั้ง “นะ ๆ พี่วัณณ์ไปส่งหนูหน่อย” “…” “ถ้าพี่ไปส่ง หนูสัญญาจะไม่ดื้อไม่ซนอีก” “ถ้าพูดแล้วทำไม่ได้เจอดีแน่” “จ้ะ” ลออตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะคลายนิ้วมือที่ไขว้อยู่ข้างหลัง ส่วนวัณณ์ฎาเมื่อเห็นลออเอาแต่นั่งยิ้มก็หมั่นไส้ไม่น้อย จึงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยบอกเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวไปใส่เสื้อก่อน” “รับทราบค่ะ” สิ้นเสียงเล็กร่างสูงก็ดันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะไม้สัก เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบเสื้อยืดสีดำแขนสั้นมาสวมใส่ จากนั้นก็ออกไปข้างนอก พอเห็นลออหันมามองพร้อมกับฉีกยิ้มให้ วัณณ์ฎาจึงมองนิ่ง ๆ แล้วเดินนำเธอลงไปข้างล่าง ก่อนจะมุ่งไปยังรถมอเตอร์ไซค์ออโตสีหวานแหวว ทางลออเมื่อเห็นวัณณ์ฎาเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเธอ จึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “พี่ไม่ขับรถไปเหรอ?” “รถพัง” “แล้วพี่จะกลับยังไง” “ไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวหาทางกลับเอง” พูดจบวัณณ์ฎาก็คร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของลออพร้อมกับสตาร์ต คนตัวเล็กเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งไปนั่งซ้อนท้าย โดยเลือกไม่ถามต่อเพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ เมื่อลออขึ้นมานั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย วัณณ์ฎาก็ขับรถออกจากบ้านมุ่งตรงไปยังบ้านของเธอทันที หลังจากรถมอเตอร์ไซค์ออโตแล่นออกมาจากบ้านได้สักพัก ตากลมโตก็กวาดมองบรรยากาศรอบข้างที่ดูวังเวงไม่น้อย เนื่องจากแถวนี้ไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้านเลย มีเพียงบ้านเขาหลังเดียวโดด ๆ ทำเอาลออเสียวสันหลังวาบ จึงเลื่อนแขนไปโอบกอดรอบเอววัณณ์ฎาแนบแน่น พร้อมกับซบหน้ายังแผ่นหลังกำยำ ก่อนจะเอ่ยบอกอีกคนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน... “หนูขอกอดหน่อย กลัวผี” ขณะวัณณ์ฎากำลังจะบอกให้ลออปล่อยแขนจากเอว แต่พอได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเอง รถมอเตอร์ไซค์ออโตยังคงแล่นอยู่บนถนน ผ่านบ้านเรือนของชาวบ้านที่ปิดเงียบสงบกระทั่งถึงกลางหมู่บ้าน ซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงบ้านของเธอแล้ว วัณณ์ฎาจึงหันไปเอ่ยบอกลออ “ปล่อยได้แล้ว” “ทำไมอะ” “ก็ไม่ทำไม” “หวงตัวไม่อยากให้หนูกอดขนาดนั้นเลย” “ใช่” สิ้นเสียงไร้เยื่อใยของอีกคน ลออก็หมั่นไส้ไม่น้อยจึงกระชับแขนแน่นขึ้นกว่าเดิมทำเอาเต้าอวบบดเบียดยังแผ่นหลังกำยำ วัณณ์ฎารับรู้เช่นนั้นก็ขนลุกชูชัน ร่างกายร้อนวูบวาบอย่างห้ามไม่อยู่จึงรีบเบรกรถ ลออจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย... “พี่จอดรถทำไม?” “บอกให้ปล่อย” “ไม่อยากให้หนูกอดจนถึงกับจอดรถเลยเหรอ” “ใช่ รู้แล้วก็ปล่อย” ตาลุงนี่หวงตัวจริง ๆ ลออพูดในใจ ก่อนจะปล่อยแขนจากรอบเอววัณณ์ฎา จากนั้นก็นั่งกอดอกแทน ส่วนคนตัวสูงเมื่อร่างกายกลับมาเป็นปกติก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปบ้านเธอต่อ เป็นเวลาไม่นานเมื่อลออเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ซึ่งผิดปกติกว่าทุกครั้ง วัณณ์ฎาจึงเลื่อนมือไปปรับกระจกรถ แล้วมองหน้าจิ้มลิ้มของเธอผ่านกระจกเป็นระยะ ๆ กระทั่งเลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านของเธอ ก่อนจะจอดรถยังหน้าบ้าน เมื่อเห็นลออไม่ยอมลงจากรถ แถมเอาแต่เงียบนั่งกอดอกท่าเดิม วัณณ์ฎาจึงจะหันไปมอง ทว่าเป็นจังหวะที่ลออขยับหน้าเข้าไปใกล้เขา ทำให้ จุ๊บ! ริมฝีปากของเธอโดนแก้มเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ลออรับรู้เช่นนั้นก็ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ในขณะที่อีกคนนั่งเงียบสักพัก พอตั้งสติได้ก็รีบหันมามองหน้าเธอ พร้อมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตำหนิ เพราะคิดว่าเธอแอบหอมแก้ม “เป็นผู้หญิงหัดรักนวลสงวนตัวหน่อย ไม่ใช่มาแอบหอมแก้มผู้ชายแบบนี้” “ทำไมต้องหวง ถ้าชอบก็แค่เปิดเผย” จากคราแรกลออว่าจะแก้ตัว แต่พอได้ยินคำพูดของวัณณ์ฎาก็ทำเอาหมั่นไส้ไม่น้อย เธอจึงพูดเถียงพร้อมกับโน้มลงไปหอมแก้มวัณณ์ฎาฟอดใหญ่อย่างตั้งใจ แล้วกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซค์ พอเห็นเขามองด้วยสายตาตำหนิเธอจึงฉีกยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้ด้วยท่าทีกวน ๆ เมื่อวัณณ์ฎาเห็นเธอยืนลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงถอนหายใจแรง ๆ ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจกับความดื้อของเธอ ก่อนจะตั้งขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์ลงแล้วก้าวลงจากรถ “ขอบคุณที่พี่มาส่งหนูนะ” “ไม่ได้อยากมา” “แต่ก็มา” “...” เมื่อขี้เกียจเถียงกับเธอวัณณ์ฎาจึงเลือกเดินออกมา ขณะหูยังได้ยินลออเอ่ยถาม “เดี๋ยวก่อน! แล้วพี่จะกลับยังไง?” “กลับยังไงก็ได้โตแล้ว” ริมฝีปากหนาเอ่ยตอบขณะขายาว ๆ ก้าวเดินไปยังหน้าปากซอย ก่อนจะมุ่งตรงไปยังบ้านเพื่อนสนิท เนื่องจากบ้านลออกับบ้านปืนอยู่ไม่ไกลกัน โดยมีร่างเล็กยืนมองกระทั่งอีกคนเดินพ้นสายตาเธอก็เลือกไม่สนใจ พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ลออก็ยกแขนขึ้น แล้วใช้หลังมือถูริมฝีปากพร้อมกับเบะปากพูด “เนื้อยุ่ยหลุดติดปากมาไหมวะเนี่ย” ที่จริงไม่ได้รังเกียจแม้แต่น้อย แต่พอได้ยินคำพูดและท่าทีหวงเนื้อหวงตัวของเขาก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ จากนั้นก็เลือกไม่สนใจแล้วเดินเข็นรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้านพร้อมกับพูดพึมพำ “แก่แล้วยังจะหวงเนื้อหวงตัวอีก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม