ตอน เล่นชู้กับหนุ่มรุ่นน้องที่ทำงาน
เราชื่อก้อย อายุสามสิบต้นๆ เป็นเซลล์สาวขายรถมือสองอยู่ที่ศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่งในตัวเมือง ชีวิตประจำวันของฉันวนเวียนอยู่กับการขายรถ การดูแลสามีที่เป็นข้าราชการ และลูกสาวตัวน้อยวัยอนุบาลหนึ่งคน ที่น่ารักน่าชัง
ฉันเป็นคนหน้าตาดี รูปร่างสมส่วน ผิวขาว ใบหน้าคมเหมือนสาวใต้ ทำให้งานขายรถของฉันไปได้สวย ลูกค้าหลายคนทั้งชายและหญิงมักจะเข้ามาพูดคุยกับฉันอย่างเป็นกันเอง และบางครั้งก็มีผู้ชายบางคนเข้ามาจีบมาหยอดคำหวานใส่ฉันอยู่เสมอ ฉันก็จะยิ้มรับและปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะฉันรักและซื่อสัตย์ต่อสามีและครอบครัวเสมอมา
ไม่นานมานี้ ศูนย์รถยนต์ของเรามีช่างซ่อมรถคนใหม่เข้ามาทำงาน เขาชื่อ อาชว์ เป็นหนุ่มรุ่นน้องอายุประมาณยี่สิบต้นๆ รูปร่างสูงโปร่ง ผอมขาว มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วเข้ม ดวงตาคม และที่สะดุดตาที่สุดคือรอยสักรูปมังกรที่พาดอยู่บนแผงอกลามไปถึงแผ่นหลัง
แรกๆ อาชว์ ก็เข้ามาจีบและคุยกับฉันแบบไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการคุยแชท เขาจะเข้ามาขอคำแนะนำเรื่องรถบ้าง ชวนคุยเรื่องทั่วไปบ้าง แต่หลังๆ มานี้ อาชว์ เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เขามักจะหาโอกาสเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น และชอบชวนฉันไปดื่มแถวหอพักที่เขาอยู่หลังเลิกงาน
ฉันรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยทุกครั้งที่เขาชวน เพราะลึกๆ แล้วฉันก็รู้สึกถูกใจในรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของอาชว์ไม่น้อย แต่ฉันก็ไม่กล้าไป เพราะฉันยังนึกถึงสามีและลูกสาวตัวน้อยๆ ที่น่ารักของฉันเสมอ ฉันจึงไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปมากกว่าการพูดคุยกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้
ฉันกับน้องอาชว์แอบคุยกันมาเรื่อยๆ จนเขาทำงานได้สองเดือนเต็มๆ ความสนิทสนมของเราเพิ่มขึ้นทีละน้อย เขายังคงเข้ามาหยอดคำหวานและซื้อขนมมาฝากฉันบ้าง แต่ทุกอย่างก็ยังอยู่ในขอบเขตของความเป็นพี่เป็นน้องร่วมงาน
อีกหลายวันต่อมาจู่ๆ อาชว์ ก็บอกฉันว่าโดนแฟนที่คบกันมานานขอเลิก เขาย้ายมาทำงานที่นี่ได้ไม่นานก็เลยโดดเดี่ยว และช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีใครที่อยู่ใกล้ๆ ให้ปรึกษาเรื่องที่ทำให้เขาทุกข์ใจ ทำให้เขาเสียใจมากจนไม่มาทำงานหลายวัน
ฉันเองก็รู้สึกเป็นห่วงเขาไม่น้อย เพราะเท่าที่คุยกัน เขาบอกว่าคบกับแฟนระยะไกล ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ทำให้ปัญหาและระยะทางทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบลง
เย็นวันนั้น เมื่อฉันขับรถมารับลูกสาวสุดที่รักชั้นอนุบาลที่โรงเรียน ฉันก็ตัดสินใจโทรขอที่อยู่ห้องเช่าของอาชว์ก่อนจะแวะซื้ออาหาร ขนม และของใช้จำเป็นมาแวะให้เขา เพื่อปลอบใจและให้กำลังใจ
ฉันขับรถมาถึงหน้าห้องเช่าของอาชว์ซึ่งอยู่ในซอยเล็กๆ แสงไฟสลัวๆ จากเสาไฟฟ้าส่องสว่างพอให้เห็นทาง ฉันติดเครื่องรถและเปิดแอร์เย็นฉ่ำให้ลูกสาวตัวน้อยนั่งรออยู่ในรถอย่างปลอดภัย
เมื่อฉันเคาะประตูห้องอาชว์ก็เปิดประตูออก ใบหน้าของเขาดูซูบซีดและเศร้าหมอง แต่เมื่อเห็นฉัน เขาก็โผเข้ามากอดฉันแน่นอย่างกะทันหัน ความรู้สึกตกใจปนประหลาดทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านจากร่างกายของเขา
ฉันรีบดันตัวอาชว์ เบาๆ "ทำอะไรน่ะ มีคนเห็นนะ!" ฉันกระซิบเสียงต่ำด้วยความกังวล เพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า โดยเฉพาะลูกสาวที่นั่งอยู่ในรถ และผู้คนในละแวกนั้นที่อาจมองมา
แต่อาชว์กลับเข้ามากอดและซบใบหน้าหล่อเหลากับไหล่ฉันอีก เขาตัวสั่นเทาราวกับกำลังร้องไห้ แต่ไม่มีเสียงสะอื้น น้ำตาก็ไม่มีแล้ว คงเพราะร้องไปหลายวัน
เมื่อเขาไม่ยอมปล่อย ฉันจึงรีบเดินเข้ามาในห้องอาชว์อย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูลงทันที ฉันและเขายืนอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ที่มืดสลัวกับเขาเพียงลำพัง
อาชว์ก้มลงมองฉัน ดวงตาคมของเขาจ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉันอย่างไม่ลดละ ร่างกายของเขาสูงมาก เมื่อยืนประชิดกันฉันต้องแหงนหน้าขึ้นจนคอแทบเคล็ด ความรู้สึกประหม่าปนความตื่นเต้นแล่นไปทั่วร่าง
อาชว์ค่อยๆ ยกมือขึ้นจับแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา ใบหน้าคมสันของเขาโน้มลงมาใกล้ ริมฝีปากอุ่นชื้นของเขาก็ประกบเข้ากับริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล มันเป็นจูบที่แผ่วเบา แต่กลับทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
มืออีกข้างของอาชว์โอบเอวฉันแน่น ก่อนจะเลื่อนลงมาลูบบั้นท้ายของฉันอย่างย่ามใจ แล้วไล่ลงมาตามเรียวขาภายใต้กระโปรงแหวกข้างสีดำสั้นๆ ที่ฉันสวมอยู่
ตอนนั้น ฉันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกข่มขืนโดยคนที่ฉันแอบรัก มันเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัว
แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าคนที่เราแอบรักมาข่มขืนเรา เราย่อมไม่อยากขัดขืน
ทั้งที่รู้ดีว่าลูกสาวกำลังนั่งรออยู่ในรถข้างนอก พ่อของลูกก็รออยู่ที่บ้าน แต่ฉันกลับยืนเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย ปล่อยให้ร่างกายแนบชิดกับอาชว์ แล้วจูบปากตอบเขาอย่างไม่ประสีประสา สติของฉันเริ่มเลือนรางไปกับสัมผัสที่เร่าร้อน
จูบนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อาชว์ผลักฉันเบาๆ ให้ถอยหลังไปจนชิดผนังห้อง มือของเขาลุกลามไปทั่วร่างของฉันอย่างรวดเร็ว เขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉันออกทีละเม็ด เผยให้เห็นบราลูกไม้สีดำที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ ฉันเองก็ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา
เสื้อผ้าของฉันและของอาชว์ถูกถอดออกอย่างรวดเร็วจนหมดเกลี้ยง ร่างกายเปลือยเปล่าของเราแนบชิดกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผิวขาวเนียนของฉันตัดกับผิวสีแทนของเขาอย่างชัดเจน อาชว์ ก้มลงไซร้ซอกคอของฉันอย่างหิวกระหาย ก่อนจะเลื่อนลงมาดูดดึงยอดอกของฉันอย่างรุนแรง ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่างกายของดิฉัน
เขาอุ้มฉันขึ้นไปวางลงบนเตียงนอนแคบๆ ในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งตัว อาชว์ก็แทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างเรียวขาของฉัน แท่งเอ็นลำโตของเขาแข็งจนตึงเปรี๊ยะ จ่ออยู่ที่ปากทางรักของฉัน
อ๊ะ! โอ๊ย! ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน อาชว์กระแทกแท่งเอ็นเข้ามาในตัวฉันอย่างบ้าคลั่ง เขาอดอยากมานาน จึงลงที่ฉันอย่างรุนแรง แท่งเอ็นลำโตแทงครูดเข้าออกจนกลีบสาวของฉันปลิ้นร่า ความรู้สึกคับแน่นเสียดสีทำให้ฉันต้องกัดฟันแน่น
"อื้อ! อ๊า!" เสียงครางของฉันดังลอดไรฟันออกมา อาชว์ ไม่สนใจเสียงร้องของฉัน เขายังคงกระแทกกระทั้นอย่างต่อเนื่อง เอวของเขาสอบขึ้นลงอย่างรวดเร็วและหนักหน่วง น้ำเสียวของฉันไหลทะลักออกมาเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน
ในที่สุดอาชว์ ก็ปลดปล่อยน้ำรักอุ่นร้อนเข้ามาในตัวฉันจนเต็มเปี่ยม ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งร่าง ความรู้สึกผิดบาปถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างรวดเร็ว มือไม้สั่นเทา ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า
ฉันรีบวิ่งออกจากห้องเช่าเล็กๆ นั้นโดยไม่หันหลังกลับ ปล่อยให้ อาชว์ นอนหอบหายใจอยู่บนเตียง ฉันตรงไปยังรถยนต์ที่ลูกสาวตัวน้อยของฉันยังคงนั่งรออยู่ แอร์เย็นฉ่ำในรถช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความรู้สึกผิดและความสับสนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันไม่จางหาย
นี่ฉันเพิ่งทำอะไรลงไป?...