ตอนที่ 11
ในช่วงเช้าอันแสนหดหู่ ภาคินัยเดินทางมาทำเรื่องรับศพของภรรยาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ก่อนจะรีบเซ็นเอกสารต่าง ๆ ด้วยมือที่สั่นเทา เขาบอกให้อัญชลิดารออยู่ด้านนอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะกลัวเธอจะรู้ว่าเนตรดาวคือภรรยาของเขา แผนการยังไม่ทันจะได้เริ่มต้น ภาคินัยก็เริ่มกลัวเสียแล้วว่าอัญชลิดาจะรับความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้ไม่ได้
“พี่ภีมคะ...” อัญชลิดาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่จะทำยังไงต่อไปคะ”
“พี่คงต้องจัดการเรื่องงานศพของของน้องสาวให้เรียบร้อยเสียก่อน” ภาคินัยตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า
“แล้วก็...” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า
“พี่คงต้องกลับไปที่ไร่คนเดียวก่อน”
“พี่จะกลับเลยเหรอคะ” อัญชลิดาถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ต้องไปจัดการเรื่องงานศพของดาว ที่ไร่ไม่มีใครนอกจากพี่แล้ว” ภาคินัยตอบ อัญชลิดาพยักหน้าเข้าใจ เธอรู้ว่าภาคินัยต้องรับผิดชอบหลายอย่าง แต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวที่เขาต้องเผชิญ ก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความเป็นกังวล
“ให้อัญไปด้วยไหมคะ” อัญชลิดาเสนอ
“อัญไม่ต้องไปกับพี่หรอก ช่วงนี้อยู่ช่วยดูแลคุณลุงกับคุณป้าที่นี่ดีกว่า พี่จะถือว่าอัญทำงานให้พี่ก็แล้วกันนะ พี่จะจ่ายเงินเดือนให้อัญตั้งแต่เดือนนี้เลย” ภาคินัยกล่าว อัญชลิดาพยักหน้าเข้าใจ
“พอเคลียร์เรื่องงานศพแล้วพี่อาจอยู่ทำงานที่ไร่อีกสักพัก” เธอรู้ว่าภาคินัยต้องการเวลาส่วนตัว แต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้
“ถ้าพี่ภีมต้องการอะไร ก็บอกอัญได้เสมอนะคะ” อัญชลิดากล่าว
“ขอบคุณมากนะครับ” ภาคินัยตอบก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
“อีกไม่นานพี่จะกลับมารับอัญนะ” ทั้งสองคนเดินไปยังรถของภาคินัยที่จอดอยู่ เขาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่ง ก่อนจะพาเธอไปส่งเธอที่บ้านคุณป้า
“เอาไว้ถึงแล้ว..พี่จะโทรหาอัญนะครับ” ภาคินัยบอกก่อนที่หญิงสาวจะลงจากรถของเขาไป
“ค่ะ” อัญชลิดาหันมาตอบ
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ” เขาเอ่ยเสียงทุ้ม
ภาคินัยปิดประตูรถและเดินไปยังฝั่งคนขับ เขาขึ้นรถและขับออกไปจากบ้านคุณป้าของเธอ อัญชลิดามองตามรถของเขาจนลับสายตา เธอรู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างจับใจ
ไร่องุ่นภาคิน วัลเล่ย์ ไวน์เนอรี่
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ภาคินัยสั่งให้คนงานและแม่บ้านเตรียมงานศพของเนตรดาว ที่วัดใกล้บ้านอย่างเงียบๆ หลังจากรถโรงพยาบาลพาร่างของภรรยาสาวมาส่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
หลายวันต่อมาหลังจากงานศพเสร็จสิ้นลง ภาคินัยก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกน้องคนสนิทฟัง รวมไปถึงแม่บ้านและแม่ครัว เพราะเขาบอกว่าไม่ต้องการให้ผู้จัดการคนใหม่รู้ถึงอดีตของเขา ซึ่งลูกน้องทุกคนก็รับปาก ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงของเจ้านายคืออะไรด้วยซ้ำ ลูกน้องทุกคนได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอผู้จัดการไร่คนใหม่ ที่เจ้านายจะไปรับมาที่นี่
ก่อนกลับไปรับอัญชลิดา ภาคินัยยังเน้นย้ำกับลูกน้องทุกคนว่าห้ามบอกอัญชลิดาว่าเนตรดาวคือภรรยาของเขา
“ทุกคนในที่นี้จำไว้ว่าคุณดาวเป็นเพียงน้องสาวของผมเท่านั้น เข้าใจมั้ย” ภาคินัยกำชับเสียงเข้ม ดีที่ว่าพ่อแม่ของเนตรดาวได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ เธอเป็นลูกคนเดียวแล้วก็ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
“ห้ามมีใครบอกความจริงกับผู้จัดการคนใหม่เด็ดขาด” คนงานและแม่บ้านพยักหน้ารับคำ ถึงพวกเขารู้ดีว่าภาคินัยกำลังปกปิดความลับบางอย่าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามว่าเพราะอะไร
วันต่อมา
ภาคินัยเดินทางออกจากไร่เพื่อไปรับอัญชลิดาที่อำเภอปายตั้งแต่เช้า เขารู้สึกดีใจที่จะได้เจอเธออีกครั้งแต่ในใจของภาคินัยกลับมืดมน ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา
อัญชลิดาเตรียมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ารอภาคินัยตั้งแต่เมื่อวานเย็น ตั้งแต่เธอเรียนจบและกลับไปอยู่บ้านคุณป้า เธอก็ไม่ได้กลับมาที่เชียงใหม่อีกเลย ทิวทัศน์สองข้างทางยังคงงดงามเสมอ แสงแดดยามเช้าสาดส่องทิวทัศน์สองข้างทาง