ตอนที่ 6
17.00 น.
งานศพของรณพีร์ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่วัดโป่งสา วัดเล็ก ๆ ภายในตำบลโป่งสาอำเภอปาย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของรณพีร์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เสียงสวดพระอภิธรรมดังแว่วมาตามสายลม แขกเหรื่อไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในละแวกนั้นที่มาร่วมไว้อาลัย อัญชลิดาสวมชุดดำยืนต้อนรับแขกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ป้าของก็คอยช่วยเตรียมงานและต้อนรับผู้ใหญ่บ้านที่อยู่อีกฟากหนึ่ง ภาคินัยคอยยืนอยู่เคียงข้างเพื่อให้กำลังใจเธอ
วันต่อมาก็เป็นวันฌาปนกิจศพของรณพีร์ พ่อเลี้ยงหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิท คอยให้ความช่วยเหลือและดูแลทุกอย่างภายในงาน หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง คุณป้าของอัญชลิดาก็เดินเข้ามาหาภาคินัยด้วยสีหน้าขอบคุณก่อนจะเอ่ยขึ้นกับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
“ป้าต้องขอขอบคุณ คุณภาคินัยมาก ๆ เลยนะคะ..ที่ช่วยเหลืองานศพของหลานชาย” หญิงชรากล่าวขึ้นด้วยความซาบซึ้ง
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรผมหรอกครับคุณป้า ผมเต็มใจช่วย” ภาคินัยตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“หลานชายของคุณป้าก็เหมือนคนในครอบครัวของผมนั่นแหละครับ ถึงยังไงเขาก็เป็นแฟนกับเนตรดาว”
“คุณช่างมีน้ำใจกับพวกเราเหลือเกิน..คุณภาคินัย”
“ดีจนป้ากับหลานสาวไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย” หญิงชรากล่าวด่อ
“แค่คุณป้ากับหลานสาวสบายใจ ผมก็มีความสุขแล้วครับ” ภาคินัยกล่าว
“แล้วถ้าคุณป้ามีอะไรให้ผมช่วยเหลืออีกก็บอกได้นะครับ แล้วงานทำบุญ 7 วัน ผมก็จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เอง เพราะผมยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ป้าก็เกรงใจกะว่าจะจัดแค่ทำบุญแค่เล็ก ๆ ก็พอแล้วค่ะ ”ป้าของอัญชลิดากล่าว
“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ผมอยากช่วยเหลือจริงๆ” พ่อเลี้ยงหนุ่มแสดงความจริงใจจนหญิงชราซาบซึ้ง
“อีกอย่าง ถ้าน้องสาวของผมเค้าไม่ได้เจ็บป่วยอะไร เค้าก็คงต้องทำอย่างที่ผมทำเนี่ยแหละครับคุณป้า”
“ถ้าเสร็จงานแล้วป้าว่าจะขอไปเยี่ยมคุณเนตรดาวพร้อมกับคุณภาคินัยสักวันนึง?” หลานสาวมองหน้าคุณป้า
“ได้สิครับ ถ้าพรุ่งนี้คุณป้าว่าง ผมมารับที่บ้านก็ได้นะครับ” ภาคินัยเสนอ คุณป้าพยักหน้าแล้วยิ้ม ทั้งสองคนรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของภาคินัย
พอรุ่งเช้าวันต่อมา ภาคินัยก็ขับรถมารับคุณป้าและหลานสาวที่บ้าน เพื่อพาไปเยี่ยมเนตรดาวที่โรงพยาบาล พ่อเลี้ยงหนุ่มขับรถมาจอดที่บ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่งสภาพเก่าทรุดโทรม ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปทักทายกับคนในบ้าน
“สวัสดีครับคุณป้า” เขากล่าวทักทายหญิงชรา
“สวัสดีค่ะ คุณภาคินัย เชิญเข้ามาในบ้านก่อนค่ะ หนูอัญยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย คุณภาคินัยรอสักครู่นะคะ” คุณป้าตอบเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นไรครับหรอกครับคุณป้า ผมรอน้องอัญได้ครับ” ภาคินัยเห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ในห้องโถง เขาจึงเดินเข้าไปเยี่ยมด้วยความเคารพ
“สวัสดีครับคุณลุง” ภาคินัยเอ่ยทักทาย
“สวัสดีครับ” ชายชราที่นอนอยู่ตอบด้วยเสียงแหบแห้ง คุณป้าเดินเข้ามาพร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ภาคินัยฟัง
“คุณลุงประสบอุบัติเหตุถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนเมื่อปีกลาย เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หลังจากนั้นก็มาป่วยเป็นอัมพาตต้องนอนติดเตียง” ภาคินัยรู้สึกเห็นใจสามีของคุณป้า เขาจึงเอ่ยปากเสนอความช่วยเหลือกับหญิงชรา
“ไม่เป็นไรค่ะคุณภาคินัย แค่นี้ป้ากับหนูอัญก็เกรงใจจนจะแย่อยู่แล้ว” คุณป้ารีบปฏิเสธ
“ผมไม่แน่ใจว่าน้องอัญได้คุยเรื่องนี้กับคุณป้าแล้วเหรอยัง” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และแทนการเรียกชื่อของหลานสาวตามที่คุณป้าเรียกชื่อเล่นของเธอ
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เรื่องที่ผมชวนน้องอัญไปทำงานที่ไร่องุ่นด้วยกันที่สะเมิงครับ...” พ่อเลี้ยงหนุ่มทำทีชอบพอหลานสาวของหญิงชราอย่างออกหน้าออกตา จนคุณป้าเริ่มลังเลและเป็นห่วงหลานสาวของตัวเองขึ้นมา
“เอ้!!..ไม่เห็นหนูอัญบอกอะไรกับป้าเลยนะคะ แต่ป้าก็คงแล้วแต่หนูอัญค่ะ ถ้าเค้าอยากไปจริง ๆ ป้าก็ไม่ห้ามหรอก ลำพังไปเปิดร้านกาแฟต่อจากพี่ชาย รายได้ก็ไม่ค่อยพอใช้”
“แล้วน้องอัญเรียนจบอะไรมาเหรอครับ..คุณป้า” ภาคินัยถามด้วยความสนใจ ก่อนจะแสดงท่าทีเป็นกันเองและให้เกียรติผู้สูงอายุอย่างคุณป้าเป็นอย่างดี เขานั่งลงบนโซฟาไม้ตามหญิงชรา
“อ๋อ!! หนูอัญเค้าจบปริญญาตรีเกษตรที่แม่โจ้ค่ะ ป้าก็จำไม่ค่อยได้ ..อะไรนะ อ๋อ!!..กีฏวิทยา” คุณป้าตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“อื้ม...เก่งจังเลยนะครับ” ภาคินัยกล่าวชม และคิดว่าอัญชลิดาเหมาะกับงานนี้
“เห็นน้องอัญบอกว่ากำลังหางานทำอยู่ ผมก็เลยชวนน้องอัญไปทำงานด้วย คุณป้าจะว่าอะไรมั้ยครับ” หญิงชรายิ้ม จากนั้นอัญชลิดาก็เดินออกมาจากห้องนอนของเธอพอดี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ภาคินัยยืนคุยกับคุณป้าของเธอ
“คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ..คุณภีม” ชลิดาเดินมาหาทั้งสองแล้วเอ่ยขึ้น
“อะไรกันหนูอัญ!!!..เรียกพี่ภีมสิลูก พี่เค้าอายุมากกว่าหนูตั้งรอบกว่าเลยนะ” หลังจากที่คุณป้าได้สนทนาถามไถ่กับพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงเรื่องอายุอานามของเขาเมื่อวานนี้ จึงรีบบอกให้หลานสาวเรียกเขาเสียใหม่
“งั้นหนูเรียกว่าพ่อเลี้ยงดีมั้ยคะ” เธอพอจะรู้มาบ้างแล้วหลังจากการเสิร์ชหาข้อมูลเจ้าของไร่องุ่นที่สะเมิงตามชื่อไร่ที่เขาเคยบอก แต่ในข้อมูลก็ไม่ได้ระบุว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มมีภรรยา เพราะภาคินัยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเนตรดาวนั่นเอง
“อย่าให้ถึงกระนั้นเลยครับ...น้องอัญ!! งั้นพี่ขอเรียกว่า..น้องอัญตามคุณป้านะครับ” เขาแทนตัวเองว่าพี่ จนเธอรู้สึกดีไม่น้อย
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความจริงใจ
“ถึงคนในไร่จะชอบเรียกพี่ว่าพ่อเลี้ยง แต่มันก็แค่ในไร่เท่านั้นแหละครับ”
“ค่ะงั้นอัญ ขอเรียกพี่ว่า.. พี่ภีมนะคะ” ภาคินัยส่งยิ้มให้เธอด้วยความเสน่หา
“ดีมากเลยหนูอัญ ต่อไปพี่เค้าจะได้เอ็นดู” หญิงชราพูดเสริม
“ค่ะคุณป้า งั้นเราไปกันเลยมั้ยคะพี่ภีม อัญพร้อมแล้ว”
“เชิญที่รถเลยครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบบอก