Chapter 2
จุดเริ่มต้น
PART PLOYSAI
ย้อนกลับไป ตั้งแต่ฉันเริ่มรับงานเป็นพริตตี้ใหม่ๆ ฉันได้รู้จักกับเพื่อนใหม่คนหนึ่ง เธอชื่อ นิลิน เธอเป็นคนที่สวยมาก ซึ่งฉันอายุน้อยกว่าเธอสองปี แต่ฉันไม่เคยเรียกเธอว่าพี่หรอกนะ เพราะมันดูห่างเหินกันเกินไป อีกอย่างฉันอยากคบกับเธอเหมือนคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่า
หลังจากฉันรับงานเป็นพริตตี้ตามงานออกบูทได้ไม่นาน เปาเปาและบิวตี้ เพื่อนสนิทที่เป็นสาวสองที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย ชวนฉันมาเป็นพริตตี้หรือที่เรียกกันว่า เรซควีน ที่สนามแข่งรถ ซึ่งเปาเปาและบิวตี้บอกกับฉันว่าเงินดีมาก
วันแรกที่ฉันรับงานเป็น เรซควีน ฉันได้เป็นเรซควีนที่คอยกางร่มให้กับนักแข่งรถคนหนึ่ง เขามีใบหล่อเหลาดั่งพระเจ้าสร้าง เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ลุคของเขาดูแบดบอย เพียงแค่ฉันได้เจอเขาครั้งแรก ใจของฉันก็เต้นไม่หยุดเลย เพราะฉันชอบผู้ชายบุคลิกแบบนี้ กร้าวใจฉันเหลือเกิน และเมื่อการแข่งขันจบลง ฉันพยายามฝืนเดินด้วยบุคลิกสาวมั่น เพื่อจะเดินเอาเครื่องดื่มไปให้เขาที่นั่งอยู่เพียงลำพังบนอัฒจันทร์ข้างๆ ตึกหรูในสนามแข่ง แต่รองเท้าเจ้ากรรมของฉันน่ะสิ! มันดันกัดเท้า จนเท้าของฉันระบมและแสบไปหมด ทำให้ฉันต้องเดินขากะเผลกไปหาเขาแทน
“ขาเป็นไร?” เขาเอ่ยถามฉัน ก่อนที่จะใช้สายตาก้มไปมองที่เท้าของฉันที่ตอนนี้เท้าคงเป็นแผลถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว
“ปะ...เปล่าค่ะ” ฉันเอ่ยปฏิเสธตอบเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจคนรอบข้างแบบนี้ เพราะดูจากบุคลิกของเขาแล้ว เขาดูเหมือนว่าจะไม่แคร์คนรอบข้างเลยสักนิด
“นั่งลงข้างๆ ฉันสิ” เขามองฉันด้วยสายตานิ่งๆ สักพัก ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากสั่งให้ฉันนั่งลงข้างๆ เขา
“นะ...นั่งทำไมคะ?” ฉันเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย เพราะอีกไม่กี่นาทีฉันก็หมดเวลางานแล้ว
“บอกให้นั่งก็นั่งสิ” เขาเอ่ยเสียงดุ และจ้องตาฉันนิ่งๆ
“ค่ะๆ” เมื่อฉันเห็นนัยน์ตาคมดุของเขา ฉันก็รีบนั่งลงข้างๆ เขาทันที
“ไหนเอาเท้ามาดูซิ” เมื่อเขาเอ่ยจบประโยค เขาก็ลงนั่งยองๆ ก่อนที่เขาจะถอดรองเท้าส้นสูงของฉันออกอย่างเบามือ
“คะ...คุณทำอะไรคะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน เมื่อเขานั่งยองๆ และก้มดูเท้าของฉัน ที่ตอนนี้เนื้อหนังมันถลอกเป็นแผลเหวอะ
“รู้ว่ารองเท้ามันคับ ทำไมถึงทนใส่อยู่ได้ฮะ! ดูสิ เท้าสวยๆ เนื้อหลุดจนเลือดซึมออกมาเลย” เขาเอ่ยตำหนิฉันเสียงดุ แต่ฉันรู้สึกหัวใจพองโตยังไงไม่รู้ เพราะดูเหมือนว่าเขาห่วงฉัน
“...”
“เจ็บไหม?” เขาเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“จะ...เจ็บค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบเขา ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นทันที
“นั่งรอฉันอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปหายามาทาให้”
จากนั้นเขาก็วิ่งๆ เข้าไปในตึกหรูหราที่อยู่ข้างๆ อัฒจันทร์ เขาวิ่งเข้าไปในตึกได้ไม่นาน เขาก็เดินออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลกับรองเท้าแตะคีบคู่ใหม่คุู่หนึ่ง
“เอ่อ...ดะ...เดี๋ยวพลอยทำแผลเองก็ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“นั่งอยู่นิ่งๆ” เขาเอ่ยเสียงดุ ทำไมเขาดุเก่งแบบนี้นะ
“แล้วเธอมาเป็นเรซควีนที่นี่นานแล้วหรือยังพลอย ฉันไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเลย” เขาเอ่ยถามฉัน แต่ประโยคที่เขาเรียกชื่อฉัน หัวใจฉันเต้นแรงไม่หยุดเลย เหมือนว่ามันจะทะลุออกมาให้ได้
“พะ...พึ่งรับงานที่นี่เป็นวันแรกค่ะ” ฉันเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อย่าตื่นเต้นสิพลอย เดี๋ยวเขาจะรู้กันพอดีว่า ฉันแอบใจเต้นแรงทุกครั้งที่ฉันสบตากับเขา ฉันได้แต่บอกตัวเองในใจ
“อืมม” เขาพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่เขาจะเปิดกล่องยาแล้วใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ ก่อนที่เขาจะเอามาเช็ดแผลให้ฉัน
“อื้อออ เจ็บ” ฉันขยับเท้าหนีเขาทันที ก่อนที่ฉันจะน้ำตาซึมเล็กน้อย เมื่อแอลกอฮอล์สัมผัสไปที่แผลของฉัน แต่มือแกร่งจับข้อเท้าฉันไว้แน่น
“ทนอีกนิด เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว” เขาเอ่ยปลอบฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเป่าที่เท้าฉันเบาๆ และทำแผลให้ฉันต่ออย่างเบามือ
“...” ตึกตักๆ หัวใจเจ้ากรรมของฉันเต้นอย่างแรงไม่หยุดเลย ฉันได้แต่หายใจเข้าลึกๆ เพื่อลดอาการประหม่า
“อะ เสร็จแล้ว” เขาเอ่ยบอกฉัน ก่อนที่จะเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ฉัน และหยิบรองเท้าคีบมาสวมใส่ให้ฉัน
“ขอบคุณนะคะ”
“อืม” เขาพยักหน้า ก่อนจะยิ้มบางๆ ส่งมา
“คราวหลังถ้ารองเท้ามันกัดเท้า ก็อย่าไปฝืนใส่มันอีกล่ะ เข้าใจไหม?” เขาเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเอามือสากลูบหัวฉันเบาๆ
"..."
“แล้วนี่กลับยังไง?” เขาก้มมองนาฬิกาหรูบนข้อมือ ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามฉัน
“พลอยขับรถมาเองค่ะ”
“งั้นขับรถกลับดีๆ นะ ฉันไปละ พอดีมีธุระน่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“อืม” เขาพยักหน้า ก่อนที่เขาจะสบตาฉันแวบหนึ่ง และหันหลังเดินจากไป ส่วนฉันก็ได้แต่มองตามเขาสุดสายตา แต่ต้องมาสะดุ้งตกใจกับเสียงกระแนะกระแหนเพื่อนสนิทของฉัน
“มองๆ มองจนตาจะหลุดออกจากเบ้าอยู่แล้วนังชะนีน้อยหอยสังข์” เสียงเปาเปาเพื่อนสนิทของฉัน เอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน
“อย่าแม้แต่จะคิดนะ ยัยพลอย ถ้าไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่าน่ะ” บิวตี้เอ่ยเตือนพลอยใสด้วยความเป็นห่วง เพราะใครๆ ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของหนุ่มหล่อเจ้าของสนามเป็นอย่างดี ว่าเขาน่ะเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจขนาดไหน
“ทำไมอะ ถ้าฉันจะคิดอะไรกับเขาขึ้นมา ทำไมฉันต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วย เขาดูเป็นผู้ชายอ่อนโยนดีออก” ฉันหันหน้าไปมองบิวตี้ ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทำไมมันถึงต้องพูดว่าฉันจะเสียใจ และทำไมมันถึงห้ามไม่ให้ฉันอยู่ใกล้เขาด้วย
“นี่แกอย่าบอกนะว่า แกยังไม่รู้จักกิตติศัพท์ของเขาน่ะ” บิวตี้เอามือเท้าสะเอวข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างชี้นิ้วมาที่ฉัน ก่อนที่มันจะเลิกคิ้วถามฉันด้วยสีหน้าตกใจ
“…”
“ยัยพลอย มันจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับคุณวาโยล่ะอีตี้ มันพึ่งจะมารับงานที่นี่เป็นวันแรกเองนะ”
“แกตั้งใจฟังฉันให้ดีนะ คนที่แกอยู่ด้วยเมื่อกี้น่ะ เขาคือคุณวาโย เขาเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่นี่ และเขาก็โคตรเจ้าชู้เลย อย่าแม้แต่จะคิดไปหลงรักเขาเชียว ถ้าไม่อยากเสียใจ” บิวตี้เอ่ยบอกฉันช้าๆ ชัดๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่เขาดูเป็นคนดีมากเลยนะ” ฉันเอ่ยออกมา ตามที่ฉันได้สัมผัสความอ่อนโยนจากเขาเมื่อครู่
“แกพูดแบบนี้ แสดงว่าแกชอบคุณวาโยแล้วใช่ไหมยัยพลอย” เปาเปาเอ่ยถามฉัน ก่อนที่มันจะเอามือปิดปากตัวเองและเบิกตากว้างมองฉัน
“ปะ...เปล่า ฉันพึ่งรู้จักเขา ฉันจะชอบเขาได้ยังไงกันล่ะ” ฉันรีบเอ่ยปฏิเสธเปาเปาทันที
“แต่สายตาแกมันฟ้องว่าแกชอบเขา” บิวตี้เอ่ยออกมาเหมือนจับผิด
“แต่จะว่าไปมันก็ไม่แปลกนะ ที่ยัยพลอยจะชอบคุณวาโยนะอีตี้ เพราะขนาดแกกับฉันยังชอบเขาเลย” เปาเปาเอ่ยพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“เราก็แค่แอบปลื้มเขาหรือเปล่าวะ ซึ่งเขาก็ไม่มีทางที่จะชายตามองพวกเราหรอกอีเปา แต่ที่ฉันเตือนยัยพลอย เพราะฉันไม่อยากเห็นมันเสียใจไง” บิวตี้เอ่ยพูดน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง
“ปะๆ กลับได้แล้ว อย่าซีเรียสสิ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย” เมื่อฉันเห็นว่าบิวตี้เริ่มจะจริงจังมากเกินไป ฉันจึงรีบชวนทั้งสองกลับที่พักทันที และหลังจากวันนั้นฉันก็เป็นเรซควีนให้กับคุณวาโยเรื่อยมา ส่วนเขาก็ดูแลเทคแคร์ฉันเป็นอย่างดี จนกระทั่งฉันกับเขาเริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง ฉันเริ่มมีใจให้เขาเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่ง เขาเลี้ยงฉลองสาว ๆ เรซควีนที่คลับเพื่อเป็นการขอบคุณ และคืนนั้นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มเข้าไป ทำให้ฉันใจกล้าบ้าบิ่นมาก ที่กล้าดึงเขา เข้ามาจูบอย่างเงอะงะภายในคลับในมุมที่ลับตาคน เขาไม่ได้ปฏิเสธกับการกระทำของฉัน แต่เขากลับจูบตอบฉันอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน จนฉันต้องทุบอกแกร่งเขาเบาๆ เพราะฉันเริ่มจะหายใจไม่ทัน จนกระทั่งเขาถอนจูบออก และส่งสายตาหวานซึ้งให้ฉัน ก่อนที่เขาจะกระตุกยิ้มมุมปาก และอุ้มฉันเดินขึ้นชั้นบนภายในคลับ
จากนั้นฉันและเขาก็เหมือนติดบ่วงเสน่หา และเริ่มบรรเลงศึกรักกันบนเตียงในห้องลับ ที่อยู่ในห้องทำงานของเขา เขาเป็นผู้ชายคนแรกของฉัน ที่ฉันเต็มใจมอบสิ่งที่หวงแหนที่สุดให้เขา และหลังจากวันนั้น ฉันก็ยอมเป็นเด็กของเขา เพียงหวังว่าสักวัน เขาจะหันกลับมารักฉันบ้าง แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ฉันก็ได้รู้แล้วว่า ฉันไม่เคยได้ไปนั่งอยู่ในใจของเขาเลยแม้แต่น้อย…