เกณิกานั่งพับเพียบสำรวมอยู่ด้านล่างข้างโซฟาหลุยส์ราคาแพง มือบางยกขึ้นไหว้คุณหญิงรัศมี นายหญิงของบ้านศรันย์วดีด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยลืมว่าตนเกิดที่ใด เป็นเพียงดอกหญ้าไม่ใช่หงส์ฟ้า ที่มีวันนี้ได้เพราะคุณหญิงรัศมีเมตตาเอ็นดู หากไม่ได้พึ่งใบบุญของคุณหญิง เกณิกาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ชีวิตของเด็กผู้หญิงในวันที่มารดาพามาฝากผู้เป็นป้าเลี้ยงจะเป็นเช่นไร ฝากเลี้ยงตั้งแต่เยาว์วัยและไม่เคยกลับมาเหลียวแล มีเพียงรูปถ่ายใบเก่าเท่านั้นไว้ดูต่างหน้า
“ลุกขึ้นมานั่งข้างบนด้วยกันเถอะ หล่อนไม่ใช่คนใช้ของบ้านหลังนี้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว” หญิงชราวัยเจ็ดสิบปี ทว่าใบหน้ายังคงความสะสวย ร่างกายก็ยังแข็งแรง ทอดสายตามองเด็กสาวที่ตนอุปการะเลี้ยงดูและเอ็นดูไม่น้อยไปกว่าหลานตัวเอง ด้วยสงสารในโชคชะตาที่อาภัพมาตั้งแต่เด็ก
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง” ยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง ขยับตัวขึ้นนั่งตามที่คุณหญิงรัศมีสั่ง ทว่ายังคงรักษาระยะห่างไว้พอสมควร ไม่อยากเอาตัวเองไปเทียบชั้นกับท่าน
“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าหล่อนซะแล้ว หายไปนานหลายเดือน คงลืมคนแก่อย่างฉันเสียแล้วกระมั้ง” เอ่ยออกไปมิจริงจังเพราะใบหน้าเคลือบรอยยิ้มบางตลอดเวลา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณหญิง เตยไม่ลืมคุณหญิงค่ะ บุญคุณที่คุณหญิงมีให้ ความเมตตาที่คุณหญิงมอบให้ทั้งเตยและป้าจันทร์ เตยไม่มีทางลืมแน่นอนค่ะ”
“ถ้าไม่ลืม ทำไมไม่มาหา หรือว่าเจ้าตะวันสั่งห้ามไม่ให้มา”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณตะวันไม่ได้สั่งห้าม เพียงแต่ช่วงนี้เตยยุ่งเรื่องงานวาดรูปค่ะ มีลูกค้าค่อนข้างมากเลยไม่ค่อยมีเวลา”
“แล้วนี่หลานชายฉันไปไหน ทำไมไม่มาด้วยกัน หรือว่าแง่งอนมีปากเสียงกัน” เกณิกาเหมือนดั่งคนน้ำท่วมปาก ด้วยเรื่องที่เธอและภากรแยกกันอยู่ถูกเก็บเป็นความลับ คุณหญิงรัศมีไม่ทราบ และคิดว่าเธออาศัยอยู่ที่คอนโดของภากร แต่เธอกลับถูกชายหนุ่มเฉดหัวทิ้งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่า
ฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ฉันเกลียด จะไปหาเฉพาะตอนที่อยากเท่านั้น
เขาเกลียดเธอเข้ากระดูกดำกับสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ แต่กลับมาหาความสุขกับร่างกายของเธอ เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง สินะ
“คุณตะวันติดธุระค่ะ เลยไม่ได้มา แต่คุณตะวันฝากเตยมาบอกคุณหญิงนะคะว่าคิดถึงคุณหญิง” คุณหญิงรัศมียิ้มรับ ไม่คิดจะซักไซ้ให้มากความต่อ
เหลนจะแย่ บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า แต่เงียบเหงาเหมือนอยู่คนเดียว ตาตะวันไปทาง ตาฟ้าก็กลับดึกดื่น ไม่ได้เจอหน้ากัน ถ้ามีหลานบ้านหลังนี้คงครึกครื้นไม่น้อย” เกณิกามองใบหน้าของคุณหญิงรัศมีประดับด้วยรอยยิ้ม แววตาของคนแก่ทอประกายยามเอ่ยถึงเด็กตัวเล็กๆ ก็สะเทือนใจ
จะมีหลานให้ท่านได้อย่างไร ในเมื่อพ่อเกลียดแม่ขนาดนี้ หากเธอท้องขึ้นมาจริงๆ ภากรคงขับไล่ไสส่งเธอไปไกลๆ หลังจากที่เธอคลอดลูกให้เขา
“หรือว่าเจ้าตะวันไม่อยากมี หลานฉันยังตั้งแง่ใส่หล่อนอยู่ไหม ยังทำให้หล่อนเจ็บช้ำน้ำใจอยู่หรือเปล่า นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันไม่อยากให้เจ้าตะวันพาหล่อนออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าอยู่ที่นี่ฉันยังพอช่วยเหลือหล่อนได้บ้าง ยังปรามเจ้าตะวันไม่ให้แผลงฤทธิ์ใส่หล่อน”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง เตยรับมือไหว”
“ฉันคิดถูกหรือคิดผิดกันนะ ที่บังคับให้ตะวันรับผิดชอบหล่อน”
นี่คือสิ่งที่คุณหญิงรัศมีเฝ้าถามตัวเองทุกครั้งที่เห็นหน้าเกณิกา และเฝ้าโทษตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าไม่น่าใช้เกณิกาขึ้นไปบนห้องของหลานตัวเองเลย หากนางไม่ใช้เกณิกาขึ้นไปดูภากร เรื่องทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น เกณิกาก็จะไม่ถูกหลานชายของนางขืนใจ
แม้เกณิกาจะไม่ร้องขอให้รับผิดชอบ แต่จะให้นางปล่อยผ่านเลยตามเลยได้เยี่ยงไร ในเมื่อเกณิกาไม่ผิด และเกณิกาก็เป็นเด็กดี อีกอย่างนางและป้าของเกณิกาก็สนิทสนมแทบจะใช้คำว่าเพื่อนรักก็ได้ ก่อนที่จันทร์จะเสีย นางก็รับปากดิบดีว่าจะดูแลเกณิกาแทนอย่างดีที่สุด จึงบังคับให้ภากรรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง แม้จะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ
อีกอย่างนางก็มิได้ตาบอดหูหนวก จนมองไม่เห็นว่าสายตาของเกณิกาที่มองภากรนั้นมีความหมายใดซ่อนอยู่ หาใช่สายตาที่มองผู้ชายคนอื่นทั่วไปไม่ แต่เพราะฐานะที่ต่างกัน เกณิกาจึงเจียมตัวไม่คิดฝันสูงมาเทียมชั้น แต่หลานชายนางทะนงตนเป็นพวกอีโก้สูง หน้าตาต้องมาก่อน ความเหมาะสมต้องเท่าเทียม เมื่อถูกนางบังคับให้รับผิดชอบเกณิกาภจึงต่อต้าน
แต่นางก็ใช้คำว่าย่าบังคับให้รับผิดชอบจงได้ และยังถือโอกาสนี้ไถ่โทษเกณิกาที่นางเป็นคนไหว้วานให้ขึ้นไปหาภากรวันนั้น แต่หลานชายนางสิยื่นคำขาดว่าจะไม่มีการจัดงานแต่งงานแต่อย่างใด ไม่มีการจดทะเบียนสมรส และห้ามบอกใครว่าเกณิกาเป็นอะไรกับตน แต่จะดูแลเลี้ยงดูเกณิกาอย่างดีไม่ให้ลำบาก นางก็ได้แต่หวังตามประสาคนแก่ ว่าสักวันเกณิกาจะใช้ความรักที่มี ทำให้หลานของนางใจอ่อนให้ได้ แม้จะผ่านมาเกือบปีแล้วก็ตาม
“คุณหญิงอย่าคิดมากเลยนะคะ เรื่องมันผ่านมาจะเป็นปีแล้ว และอีกอย่างมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อยค่ะ” คุณหญิงรัศมีพยักหน้ารับ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นก็แสดงว่าต้องแย่สินะ
“คุณหญิงคะ เตยมีเรื่องถามหนึ่งเรื่องได้ไหมคะ”
“ว่ามาสิ”
“ถ้าเตยเก็บเงินครบห้าล้านเมื่อไหร่ เตยสามารถเอาเงินมาไถ่โฉนดที่ดินของป้าจากคุณหญิงได้ใช่ไหมคะ” โฉนดที่ดินที่อยู่ต่างจังหวัด เป็นมรดกตกทอดที่ป้าจันทร์นำมาจำนองไว้กับคุณหญิงรัศมี ช่วงที่สามีของป้าจันทร์ติดการพนัน และนำโฉนดที่ดินไปจำนองเกือบถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบยึดไป
จึงมาขอหยิบยืมเงินจากคุณหญิงรัศมีไปไถ่ถอนที่ และนำโฉนดมาไว้ที่คุณหญิง ส่วนเงินที่เหลือก็นำไปเป็นค่ารักษาให้สามีที่ป่วยจนเกือบไม่มีเหลือ เคราะห์ซ้ำกำซัดป้าจันทร์เกิดเป็นโรคไตต้องฟอกไตเป็นประจำ เดือดร้อนต้องนำเงินเก็บส่วนที่เหลืออีกน้อยนิดมาเป็นค่ารักษาการฟอกไตในแต่ละเดือน ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอ เกณิกาจึงต้องบากหน้าไปหยิบยืมภากรในช่วงแรกที่ใช้ชีวิตร่วมกัน
“ได้สิ หล่อนพร้อมเมื่อไหร่ก็มาหาฉันแล้วกัน” แม้ใจจริงอยากจะยกให้โดยไม่ต้องนำเงินมาไถ่ถอนสักแดง ทว่านางก็อยากใช้โฉนดตัวนี้เป็นข้อยึดให้เกณิกาอยู่กับหลานชายต่อ ไม่อยากให้เกณิกาต้องตีจากไปไหน
นางเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวซ่อนอยู่ภายใต้ความเศร้านี้ หากเกณิกาสามารถไถ่โฉนดผืนนี้ได้เมื่อไหร่ และหลานของนางยังใจร้ายใส่อยู่เช่นนี้ นางเชื่อว่าเกณิกาคงหนีห่างจากหลานชายนางอย่างแน่นอน
แต่หากนางเห็นว่าหลานนางร้ายมากๆ จนน่าหมั่นไส้ นางนี่แหละจะเป็นคนพาเกณิกาไปจากหลานชายนางเสียเอง จะเป็นคนส่งเกณิกาไปยังความสุข ไม่ต้องมาทนอยู่กับหลานชายของนางเหมือนอย่างทุกวันนี้