> “อย่าใช้ชีวิตเพื่อลบใครออกจากใจ…”
“แต่ใช้มันเพื่อจำว่าเธอมีหัวใจ”
น้ำตาเป่าเป้ยไหลเงียบๆโดยไม่รู้ตัว
คำพูดของคินทำให้โลกที่เคยมีแค่ “ความแค้น” เริ่มถูกท้าทาย
และในตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนใหม่
> 📩 “ถ้าเธออยากรู้ความจริงทั้งหมด…พรุ่งนี้เจอกันที่คาเฟ่Y 10 โมง
[คืนก่อนที่เป่าเป้ยจะไปเจอกับพราวมุก]
> 📞 เสียงวิดีโอคอล: “ปิ๊งง~”
ภาพหลินปรากฏบนหน้าจอมือถือของเป่าเป้ย
เธออยู่ในห้องนอน กำลังนอนพอกหน้าด้วยมาส์กสีขาวเต็มใบหน้า
>“เฮ้~ ตัวแม่สายล้างแค้น วันนี้ไปขยี้หัวใจท่านประธานเหยียนมาอีกกี่คำจ๊ะ?”
เป่าเป้ยถอนหายใจเบาๆ
นั่งพิงผนังห้องด้วยสีหน้าอ่อนล้า
> “เลิกล้อสักวันได้ไหมยัยหลิน…”
> “ไม่ได้~ เดี๋ยวแกหลุดจริงจังกับเขาขึ้นมาจะยุ่งนะ!”
เสียงนั้นเหมือนจะแซวแต่กลับดูจริงจังอยู่ลึกๆ
>“ว่าแต่แกดูแปลกๆนะเป้ย ตั้งแต่เล่าเรื่องเจอผู้หญิงชื่อ ‘พราวมุก’ สีหน้าแกมันแบบ…ไม่ใช่คนจะเอาชนะแล้วนะ มันคือคนที่กลัวจะรู้ความจริงมากกว่า”
เป่าเป้ยเงียบไปไม่ตอบ แต่ดวงตาสั่นระริก
>“แกเคยสงสัยไหม…ว่าเรารู้จักพี่คินดีพอหรือเปล่าบางทีเขาอาจไม่ต้องให้ฉันแก้แค้นเลยก็ได้”
เสียงของเป่าเป้ยดูอ่อนๆลง หลินจ้องเธอผ่านจอ
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่จริงจัง
> “เป้ย…ถ้าใจแกเริ่มลังเล ก็แปลว่าแกยังรักตัวเองอยู่นะ”
>“แกคิดแบบนั้นหรอหลิน”
>“อื้อ แค่แกสัญญากับฉันว่า ถ้าวันนึงแผนมันเริ่มทำร้าย‘หัวใจ’ของแกมากกว่าที่คิด แกจะหยุดมัน”
เป่าเป้ยก้มหน้าลงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
>“อื้อ ฉันสัญญา”
(แล้วถ้าเกิดฉันถอนตัวไม่ขึ้นหละฉันจะทำยังไงดี)
แน่นอนว่าเป่าเป้ยไม่ได้พูดคำนี้กับหลิน เธอเก็บไว้ในใจคนเดียว
>“แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง เหยียนชุนเขาสงสัยแกมั้ย?”
>“ไม่น่าจะสงสัยอะไรหนิ”
>“อืม ดีแล้ว ”
>“อืม แค่นี้ก่อนนะหลินฉันเหนื่อยอ่ะ”
>“เอ้า พึ่งคอลไปเอง โอเคถ้าเหนื่อยแกก็พักนะ”
เป่าเป้ยไม่ได้ตอบหลินวางสายไป เธอจึงออกไปพบกับพราวมุก แต่หลินกลับคิดว่าเธอดูแปลกๆ
เป่าเป้ยแอบนัดพบกับพราวมุกที่คาเฟ่ท์Yเพื่อ “ขุดความจริง” เกี่ยวกับพี่ชายเธอ…แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้มาเพียงลำพัง
หลินแอบสะกดรอยเป่าเป้ยมาด้วย และกลายเป็นคนที่ช่วยรับมือความกดดันจากพราวมุก พร้อมกับทำให้ความจริงที่ถูกปิดบังเริ่มเผยออกมา…
ความจริงบางส่วน
เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้าไปในร้านค่าเฟ่ทที่ไม่ค่อยมีคนเยอะมากนัก เป็นร้านเล็กๆน่ารักๆแถวๆบริษัทของเหยียนชุนที่พนักงานต่างชอบมานั่งที่นี่
เป่าเป้ยเดินเข้าไปช้าๆ ใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอซ่อนมือถือเอาไว้ในกระเป๋าเปิดเครื่องบันทึกเสียงเผื่อไว้
> “มาเร็วกว่าที่คิดนะ”
เสียงเรียบของพราวมุกดังมาจากมุมหนึ่ง
เธอนั่งกอดอกอยู่ใต้แสงแดดอ่อนๆ ยิ้มจางๆให้เป่าเป้ยที่กำลังเดินเข้ามา
>“ฉันมาเพราะอยากฟังเรื่องของพี่คิน ที่เธอบอกว่าฉันยังไม่รู้”
เป่าเป้ยตอบนิ่งๆ พยายามเก็บสีหน้าไม่ให้เธอรู้ว่าตัวเองกำลังกลัว พราวมุกเดินเข้ามาใกล้ๆเป่าเป้ย
>“เธอคิดว่าฉันเป็นคนทรยศพี่ชายเธอ แล้วไปรักเหยียนชุนใช่ไหม?”
เป่าเป้ยเม้มปาก
>“แล้วเธอเคยรู้ไหมว่าพี่ชายเธอเคยโกหกฉันว่าเขาโสด? ว่าเขาไม่เคยใช้ฉันเป็นทางผ่านเพื่อดึงดูดสายตาของเหยียนชุน?”
เป่าเป้ยชะงักไปอีกครั้งเมื่อได้ยินคำนี้จากปากเธออีกคน หลังจากที่ฟังคลิปเสียงที่คินอัดไว้
> “ไม่จริง…”
>“ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากเชื่อหรอก แต่บางทีผู้ชายดีๆในสายตาของน้องสาว อาจไม่ใช่คนดีในความสัมพันธ์เสมอไป”
ในจังหวะนั้นเอง เสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งก็ดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง
>“นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันมาไงจ๊ะพราวมุก”
เสียงใสๆของหลินดังขึ้น พราวมุกหันกลับไปเห็นหญิงสาวสวมแว่นตัวเล็กสวมฮู้ดสีเทา เดินออกมาพร้อมถือมือถือขึ้นถ่ายวิดีโอ
>“เธอกำลังพูดอะไรที่คนเป็นแฟนเก่า ไม่ควรพูดเลยนะพราวมุก!”
เป่าเป้ยอ้าปากจะพูดแต่หลินยกมือห้ามเบาๆ
>“ขอโทษนะเป้ยฉันรู้ว่าเธออยากมาเจอพราวมุกคนเดียว แต่ฉันปล่อยให้เธอมาเจอผู้หญิงอันตรายคนนี้คนเดียวไม่ได้หรอก”
หลินหันไปหาพราวมุกพร้อมกับมือถ่ายวีดีโอไว้
>“ถ้าเธอจะให้ข้อมูล ก็ต้องให้แบบมีหลักฐาน” หลินพูดกับพราวมุก แต่เธอกลับหัวเราะเบาๆแต่มันน่าหมั่นไส้มากเชื่อมั้ย
>“กล้าดีนะ…เพื่อนเธอเนี่ย” พราวมุกแสยะยิ้ม
>“ไม่ใช่แค่กล้า” หลินตอบกลับทันควัน
>“ฉันมีสมองด้วย แล้วก็เซ้นส์จับคนโกหกที่แม่นมาก”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด
แต่เป่าเป้ยกลับรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้อยู่คนเดียว พราวมุกถอนหายใจ แล้วยกมือขึ้นยอมแพ้เล็กน้อย
>“ก็ได้ฉันจะไม่พูดอะไรลอยๆ ลองไปเปิดดูคลิปที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์นี้ละกันรหัสคือวันตายของพี่เธอ”
เธอยื่นแฟลชไดร์ฟให้เป่าเป้ย
ก่อนจะเดินจากไป โดยไม่พูดอะไรอีก
แต่มันทำให้น้ำตาของเป่าเป้ยกลั้นไม่อยู่
ไหลลงมาอาบเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง
>“วันตายพี่คินหรอ ฮึก~ฮือๆ~” เป่าเป้ยเก็บอารมณ์ไม่อยู่ร้องไห้ออกมา
>“เป่าเป้ยแกอย่าร้องสิ เข้มแข็งหน่อย”
>“ฉันเหนื่อยว่ะแก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
เป่าเป้ยยืนอยู่กับหลินตรงหน้าทางออก
ทั้งสองจ้องแฟลชไดร์ฟในมือโดยไม่พูดอะไร
>“แกคิดว่า…มันจะเป็นอะไร?”
เป่าเป้ยถามเสียงเบา ความกลัวกำลังกลับมาอีกครั้ง
> “ฉันไม่รู้หรอก…” หลินบีบมือเธอเบาๆ
>“แต่ไม่ว่าอะไรอยู่ข้างใน แกก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้วนะเป้ย แกมีฉัน”
หลังจากแยกกับพราวมุก เป่าเป้ยและหลินก็กลับมาที่หอพักนักศึกษาฝึกงานอย่างเงียบๆ
แต่คนที่เธอไม่คิดว่าจะเจอ…กำลังยืนพิงรถหรูสีดำอยู่หน้าหอพักของเธออยู่
> “ประธานชุน!”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นช้าๆ
สายตาเขานิ่ง แต่ลึกลงไปในนั้นมีความ “ไม่ไว้ใจ” แฝงอยู่ในแววตาคมกริบคู่นั้น
> “หายไปไหนทั้งวัน?” น้ำเสียงเขาเย็นชามาก
> “เอ่อ…คือ…”
เป่าเป้ยลังเลที่จะตอบหลินเลยรีบพูดแทรกขึ้น
>“ฉันพาเธอไปหาหมอค่ะ พักหลังเป่าเป้ยดูเหมือนจะเครียดง่าย เลยให้ไปปรึกษาแพทย์”
ชุนขมวดคิ้วเล็กน้อย
>“แต่ผมเช็กแล้ว…วันนี้เป้ยหลินขอออกไปโดยไม่ได้แจ้งหัวหน้างาน”
เป่าเป้ยใจเต้นแรง เธอเผลอกำมือแน่นกลัวชุนจะจับได้ แต่ก็ต้องแกล้งใจดีสู้เสือไว้
> “คุณเป็นห่วงฉันเหรอคะ?😄”
เป่าเป้ยแสร้งยิ้มทำหน้าทะเล้นให้ชุน
>“เปล่า ผมไม่ชอบคนโกหก และผมก็ไม่ชอบคนที่โกหกต่อหน้าด้วย😠”
ประโยคนั้นเหมือนมีบางอย่างทิ่มลึกเข้ามาในใจเธอ
เป่าเป้ยได้แต่ยืนนิ่ง ไม่รู้จะตอบว่าอะไร
>“ถ้ามีอะไรที่คุณอยากรู้ คุณรออีกนิดได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันจะบอกเอง”
เธอเงยหน้าขึ้นดวงตาเต็มไปด้วยความลังเล แต่จริงใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา ชุนนิ่งมองเธออยู่สักพัก
ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
> “ผมจะรอ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
>“กดดันจัง”
เป่าเป้ยพูดลอยๆด้วยเสียงที่เบามากแต่เขากลับได้ยิน
>“ผมได้ยินนะเป้ยหลิน”
>“ค่ะ สมองดีไม่พอหูยังดีด้วย”
>“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?”
>“เพิ่งชมไปหยกๆ ฉันบอกว่าคุณสมองดีค่ะ แฮร่ๆ☺️”
>“เธอนี่มัน..ตกลงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมถึงได้พูดเก่งขนาดนี้” ชุนขมวดคิ้วเข้ม
>“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
เป่าเป้ยยิ้มบางๆให้เหยียนชุน
>“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะได้กลับ วันหลังถ้าจะออกไปไหนรายงานฉันด้วย”
>“ค่ะท่านCEOเหยียนชุน☺️”
ชุนชะงักไปเล็กน้อยกับรอยยิ้มของเธอ เหมือนมากเหมือนกับรอยยิ้มของคิน
>“พูดมากแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันจะได้ไม่...” ชุนหยุดพูดกลางคัน
>“ไม่อะไรหรอคะ จะบอกว่าจะไม่ได้เป็นห่วงหนูใช่มั้ย”
ชุนไม่ตอบ แต่เดินไปที่รถ
>“เดินทางปลอดภัยนะคะหนูเป็นห่วง”
ชุนนิ่งไปแว้บนึง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถซักพักแล้วขับออกไป
>“ให้ความหวังเขาคือหนึ่งในแผนของแกใช่ไหมยัยเป่าเป้ย”หลินแซะเพื่อนทันที
>“แน่นอน”
-------------------
คืนวันนั้นห้องพักเต็มไปด้วยความเงียบ
มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่
กับสายตาของเป่าเป้ยและหลินที่จ้องหน้าจอโน้ตบุ๊ก ซึ่งเพิ่งเชื่อมกับไดร์ฟข้อมูลจากพราวมุก
เป่าเป้ยค่อยๆ พิมพ์รหัส: 2707
(วันเสียชีวิตของพี่ชายเธอ)
📂 [คลิปวิดีโอ: “บันทึกก่อนลา”]
📂 [กล้องวงจรปิด: คาเฟ่หิมะ, 3 ปีก่อน]
📂 [เสียงบันทึกจากโทรศัพท์: มุก– ชุน – คิน]
สองคนสบตากันนิ่ง
ก่อนที่เป่าเป้ยจะเลือกเปิดคลิป “กล้องวงจรปิด” ขึ้นก่อน
🎬 [ภาพจากกล้อง – คาเฟ่หิมะ – 3 ปีก่อน]
โต๊ะไม้ริมหน้าต่าง ปรากฏร่างของสามคน
คนแรกคือ พี่ชายของเธอคิน คนถัดไปคือเหยียนชุน, และผู้หญิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามคือพราวมุก
ทุกคนดูอึดอัด แววตาเหมือนไม่ไว้ใจกัน
เสียงในคลิปเบา แต่พอจับใจความได้ว่า
>“นายเคยบอกว่าเธอไม่สำคัญ” คินเปิดคำถามกับชุน
>“เพราะตอนนั้นเธอยังไม่ใช่คนที่ทำให้ฉันลังเลในคำว่ามิตรภาพ” ชุนตอบคินกลับไปด้วยน้ำเสียงเบาและสั่นเครือเล็กน้อย