> “ผมไม่เคยคิดกับคุณเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน”
มันคือคำที่ฝังใจเธอจนทุกวันนี้
และคือจุดเริ่มต้นของความเกลียด…ที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟแค้น
ล็อบบี้ของรีสอร์ตเช้านั้น
อากาศเย็นแต่บรรยากาศตึงเครียดทันทีที่พราวมุกก้าวเข้ามาในวงสนทนาของชุนกับเป่าเป้ย
เป่าเป้ยยืนอยู่ข้างเหยียนชุน
แว้บแรกที่สบตาพราวมุกหัวใจของเธอบีบแน่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เธอ…คือคนในรูปถ่ายกับพี่ชายเธอ
คนที่หายไปจากชีวิตคินหลังจากที่เขายอมทุกอย่าง…
> “ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะมา!”
ชุนตอบเรียบๆจริงจังกับคำตอบเธอก่อนหน้านี้
>“มาที่นี่เพราะอะไร? ”ชุนขมวดคิ้วเข้ม
พราวมุกหัวเราะเบาๆ
> “ก็แค่มาประชุมกับลูกค้า แล้วบังเอิญได้ข่าวว่าคุณอยู่ที่นี่ เลยแวะมาทักทายกับเด็กใหม่ของคุณด้วยใช่ไหมคะ?”
(เธอหันมายิ้มให้เป่าเป้ย แต่บอกไว้ก่อนเลยว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่เป็นมิตร)
“ชื่ออะไรนะ?” เธอแสร้งถามชื่อเป่าเป้ย
เป่าเป้ยยิ้มรับ แต่แววตายังจับจ้องพราวมุกไม่วางตา
> “เป้ยหลินค่ะ เด็กฝึกงานแล้วก็ผู้ช่วยพิเศษของคุณเหยียนชุนค่ะ”
สายตาทั้งสองปะทะกันชั่ววินาทีหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะคนแปลกหน้า แต่ในฐานะผู้หญิงสองคนที่กำลังซ่อนอะไรบางอย่าง
> “ตลกดีนะคะ” พราวมุกยิ้มแล้วหันกลับไปหาชุน เหมือนกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับชุนเป็นนัยๆ
>“เด็กใหม่ของคุณหน้าคล้ายใครบางคนมากเลยนะคะชุน”
ชุนนิ่งไม่ตอบแต่เป่าเป้ยจับได้ว่ามือของชุนกำหมัดเล็กน้อย
>“ผมต้องขอตัวก่อนนะ พอดีต้องคุยงานกับเป้ยหลินต่อ”
>“ได้ค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะคะ”
เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันมายิ้มให้เป่าเป้ย แล้วเดินจากไป
🌧️ หลังจากนั้นริมระเบียงห้องประชุม
ชุนเดินเข้ามาหาเป่าเป้ย ที่กำลังยืนมองออกไปยังวิวข้างนอกเหมือนกำลังใจลอยครุ่นคิดอะไรอยู่
> “เธอรู้จักพราวมุกมาก่อนรึเปล่า?”
เหยียนชุนถามทันทีเมื่ออยู่กันตามลำพังกับเธอ
เหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงจึงทำให้เขามีโอกาสที่จะคุยกับเป่าเป้ยในสิ่งที่เขาอยากรู้ก่อนประชุม
เป่าเป้ยชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนยิ้มจางๆให้เหยียนชุน
> “ไม่ค่ะ แค่เคยเห็นจากข่าววงในบ้าง แต่ดูเหมือนเธอจะสนิทกับคุณมากกว่านะคะ”
เขาไม่ตอบ
แต่จ้องเธออยู่นานราวกับกำลังอ่านเธอจากแววตา
> “อย่าไว้ใจเธอมากเกินไป เธอเก่งในการพูดในสิ่งที่คนอยากได้ยิน”
>“ค่ะ คุณเป็นห่วงหนูหรอคะ?”
>“เพ้อเจ้อ!”
คำเตือนที่ฟังดูแปลกๆ เพราะมันเหมือนพูดถึงตัวเธอเองด้วย ซึ่งเป่าเป้ยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไร แถมคำว่าเพ้อเจ้อกับท่าทีเย็นชาของเขามันช่างน่าหมั่นไส้นัก
>“หนูจะคิดซะว่าท่านประธานเป็นห่วงก็แล้วกันนะคะ”
>“ตั้งแต่ฉันโตมายังไม่เคยเจอใครหลงตัวเองเหมือนเธอเลยนะเป้ยหลิน”
เป่าเป้ยยิ้มให้ชุนจากตาโตๆจนตาหยี
>“ยิ้มอะไรของเธอ คิดว่าฉันชมรึไง🤨”
>“เปล่าค่ะ แค่ดีใจที่ท่านประธานพูดกับหนูยาว ปกติแทบจะไม่อยากพูดด้วย เหมือนกับว่าถ้าพูดแล้วดอกพิกุลจะร่วงยังไงยังงั้นแหละ😅”
>“เป้ยหลิน!😑”
และในตอนนั้นเอง ที่เธอได้ยินเสียงข้อความเข้าทางมือถือของตัวเองเป็นเบอร์แปลกๆ
> 📩 “เธอคิดจริงๆ เหรอว่าพี่ชายของเธอ ‘บริสุทธิ์’ เสมอ?”
>“ใคร?แล้วเขาหมายถึงอะไรนะ หรือนี่คือสิ่งที่เหยียนชุนกำลังเตือนฉันอยู่หรอ”
เป่าเป้ยปิดโทรศัพท์แล้วเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะเริ่มประชุม ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติหลังจากที่ประชุมเสร็จเธอก็ยืนรอชุนหน้าห้องประชุม
>“ท่านประธานมีนัดทานข้าวที่ไหนหรือเปล่าคะ สะดวกไปทานกับเป้ยหลินไหม”
> “ไม่มีนัดแต่ก็ไม่สะดวก ฉันไม่ชอบกินข้าวกับคนแปลกหน้า”
>“แปลกหน้าอะไรกันคะ หนูเป็นผู้ช่วยของคุณนะ”
(มัวแต่หยิ่งแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะได้เข้าใกล้ ไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรือไงอีตาบ้า)
>“แล้วไง แปลกหน้าอยู่ดี”
>“ค่ะ แปลกหน้า ไม่ทำความรู้จักกันถึงจะอยู่ด้วยกันเป็นปีก็แปลกหน้าอยู่ดี”
>“เป้ยหลิน !😠”
>“อย่าโมโหสิคะเดี๋ยวแก่เร็วค่ะ😅”
>“คุณเป็นแค่เด็กมาฝึกงานทำไมพูดมากจัง อยู่เงียบๆไม่เป็นบ้างหรือไง?”
เป่าเป้ยได้แต่กรี๊ดในใจ แต่ใบหน้าภายนอกกลับยิ้มหวานให้กับเหยียนชุน จนเขาชะงักไปกับรอยยิ้มของเธอ เป็นรอยยิ้มที่เหยียนชุนคุ้นเคยมาก
แต่ก็นั่นแหละเขาเลือกที่จะไม่ถามแล้วก็เงียบเหมือนที่ผ่านมา
>“ค่ะ ถ้าคิดถึงหนู อุ๊ย!ถ้ามีอะไรก็โทรหาหนูได้ตลอดนะคะท่านประธาน”
>“......”
>“เหยียนชุนนะเหยียนชุน ชิ!หล่อตายแหละ เย็นชาเป็นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือไปได้ คอยดูนะฉันจะเอาให้นายละลายเลย”
เป่าเป้ยเดินไปทานข้าวคนเดียวแล้วกลับมาพร้อมแก้วกาแฟ
>“คุณเหยียนชุนคะ หนูซื้อกาแฟเย็นมาฝากเจ้านี้อร่อยมากเลยนะคะ ลองทานดู”
>“ขอบใจแต่ฉันไม่ชอบกาแฟเย็นเอาออกไปเถอะ”
>“เอากลับไปได้ไงคะหนูตั้งใจซื้อมาให้คุณแล้ว งั้นหนูวางไว้ที่โต๊ะนะคะ ถ้าคุณไม่ดื่มก็ทิ้งมันได้เลย”
เป่าเป้ยรีบวางไว้บนโต๊ะแล้วรีบออกจากห้องของเหยียนชุนไป ไม่รอให้เขาพูด
>“ปวดหัวชิบหาย เด็กอะไรดื้อจัง!”
-------------
🛌🏻ในห้องพักเป่าเป้ย
[ไฟล์เสียงบันทึกไว้ในโทรศัพท์ที่พังแหล่ไม่พังแหล่ ครั้งนี้มันเปิดได้]
ชื่อไฟล์: “ถึงน้องสาวของพี่”
วันบันทึก: หนึ่งเดือนก่อนเสียชีวิต
> “เป่าเป้ย ถ้าเธอได้ยินสิ่งนี้แสดงว่าพี่คงไม่ได้อยู่กับเธอแล้วอย่าเพิ่งร้องไห้นะ พี่ไม่ได้อยากให้เธอเสียใจ…แต่อยากให้เธอเข้าใจ ผู้หญิงคนนั้น พราวมุกใช่, พี่เคยรักเธอจริงๆแต่พี่รู้ตัวช้าไป ว่าคนที่เธอเฝ้ารอมาตลอดไม่ใช่พี่”
เสียงของเขาสั่นนิดหน่อย ก่อนจะถอนหายใจเป่าเป้ยนั่งฟังอย่างตั้งใจ
> “มันไม่ใช่ความผิดของพราวมุก…และก็ไม่ใช่ของเหยียนชุนด้วย เป่าเป้ย…เธอต้องสัญญานะว่าอย่าหาทางล้างแค้นแทนพี่ อย่าใช้ชีวิตเพื่อลบใครออกจากใจ…แต่ใช้มันเพื่อจำว่าเธอมีหัวใจ”
เสียงในคลิปเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนเขากำลังกลั้นน้ำตา
> “ถ้าวันหนึ่งเป่าเป้ยได้พบกับชุน…อย่าเกลียดเขาเพราะพี่เลยนะ คนแบบนั้นหนะรักใครยาก แต่ถ้าเขารักแล้ว เขาจะปกป้องหมดใจ ถ้าเขารักเธอ…ก็ขอให้เธอรักเขาแทนพี่ด้วย”
ติ๊ด… (จบคลิป)
น้ำตาเป่าเป้ยไหลทุกครั้งที่มานั่งฟังคลิปเสียงของคิน
>“พี่คิน เป่าเป้ยไม่เข้าใจคนที่พี่รักคือใครกันแน่ ฮึก~ฮือๆ~ทำไมพี่ทำแบบนี้”
คืนนั้นหลังจากการเผชิญหน้ากับพราวมุก เป่าเป้ยนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนโซฟาตัวเดิม
แต่คราวนี้…ไม่ใช่เพราะมันไม่สบายแต่คิดไม่ตก
> “เธอคิดจริงๆ เหรอ ว่าพี่ชายของเธอ ‘บริสุทธิ์’ เสมอ?”
📩ข้อความจากเบอร์แปลกเมื่อเช้า
แม้เธอจะลบทิ้งไปแล้ว…แต่มันยังติดอยู่ในหัวไม่ไปไหน คำพูดแบบนั้น…มันหมายถึงอะไร?
> “พี่ชายฉัน…เขาไม่ได้ทำอะไรผิดใช่ไหม?”
เธอพึมพำกับตัวเอง
แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตัวเองที่เปิดคลิปเสียงของพี่ชายไว้ตั้งแต่วันที่เขาเสีย
คลิปที่เธอยังไม่กล้าฟัง
มือเล็กสั่นนิดหน่อยตอนจะกด
แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
> “ยังไม่นอนอีกหรอ?”
เสียงเรียบๆของเหยียนชุนดังขึ้น
เขาเพิ่งกลับมาจากการคุยงานเพิ่มเติมกับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง
> “นอนไม่หลับค่ะ…”
เธอรีบกดปิดหน้าจอมือถือแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมถึงหน้าอก
>“คืนนี้อากาศเย็นกว่าทุกวันเลยนะคะ😊”
เธอยิ้มให้ชุน เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาแล้ววางของบางอย่างไว้ข้างโซฟา
> “เอานี่ไป”
>“อะไรหรอคะ?”
>“ผ้าห่มไฟฟ้าสำรองของรีสอร์ต”
เป่าเป้ยชะงักเล็กน้อย
เพราะ…เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่กลับใส่ใจเสมอในทุกเรื่องเล็กน้อย เหมือนพี่เขาบอกไว้เลย
> “คุณเหยียนชุน…”
เธอเรียกชื่อเขาเบาๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
>“มีอะไร?”
ชุนขมวดคิ้วเข้มมองหน้าเป่าเป้ยด้วยความสงสัย
>“ถ้ามีใครสักคนเคยโกหกคุณ…แล้ววันหนึ่งเขาจะพูดความจริง คุณจะยังอยากฟังไหมคะ?”
เขานิ่งไปสักพัก
ดวงตาคมกริบหันมาสบกับตาเธอเข้าอย่างจัง จนเป่าเป้ยเกร็งไปทั้งตัวแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้เขา
> “ถ้าคนๆ นั้นสำคัญกับผม…ผมอยากฟังเสมอ”
คำตอบนั้นทำให้หัวใจของเป่าเป้ยสั่นไหว
เหมือนบางอย่างในตัวเธอกำลังเริ่มแตกออกทีละนิด
>“คุณถามผมทำไม?”
>“เปล่าค่ะ แค่อยากทำความรู้จักคุณไว้เฉยๆ”
>“งั้นก็นอนได้แล้ว หวังว่าคงจะไม่ถามอะไรอีกนะ”
พูดดักไว้แบบนี้ใครจะกล้าถามกันหละ ไม่รู้จะปิดกั้นตัวเองอะไรนักหนา เป่าเป้ยชักสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
>“กำลังด่าผมในใจ?”
>“เปล่า!ใครจะกล้าด่าท่านประธานเหยียนชุนคะ หนูเป็นแค่เด็กฝึกงานตัวเล็กๆเอง”
>“เด็กฝึกงานที่พูดมาก ชอบเถียง แถมดื้อไม่ว่า”
เสียงราบเรียบบ่นพึมพำเบาๆแต่เหมือนใบมีดปักลงใจเธอ
🌞เช้าวันถัดมา
เป่าเป้ยเดินแยกออกมาคนเดียวหลังอาหารเช้า
ในมือถือโทรศัพท์แน่น
หัวใจเต้นแรงกับความกลัวที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด
เธอค่อยๆ กดเล่นคลิปเสียงที่พี่ชายเธอเคยฝากไว้…
> “อย่าใช้ชีวิตเพื่อลบใครออกจากใจ…”
“แต่ใช้มันเพื่อจำว่าเธอมีหัวใจ”