เป่าเป้ยบ่นพึมพำออกมาด้วยความสับสนปนความเจ็บปวด ไม่มีวันไหนเลยที่เธอไม่คิดถึงพี่ชาย การที่เธอก้าวเข้ามาอยู่ฝึกงานในบริษัทของเหยียนชุนก็เพื่อที่จะล้างแค้นให้พี่ชาย
แต่คลิปที่เธอได้ฟังกลับทำให้เธอสับสน เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า
ความรู้สึกที่ไม่เคยพูด
ค่ำคืนในคอนโดหรูของเขา
เหยียนชุนนั่งพิงพนักโซฟาในความเงียบ มือถือถูกเปิดคลิปเสียงบันทึกไว้จากใครคนหนึ่ง...
เขาหลับตาลงช้าๆ
ในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของคิน ชายหนุ่มที่ร่าเริงพูดมาก และชอบถือกาแฟหวานเกินขนาดเข้ามาในห้องทำงานของเขาทุกวัน
>“นายนี่ชอบทำหน้าดุ แต่แอบช่วยเหลือคนอื่นนะ”
เสียงของคินดังขึ้น แต่ชุนกลับเงียบไม่ได้ตอบกลับอะไรคิน
“….....”
“แกล้งทำเป็นเย็นชา แต่มีน้ำใจล้นเหลือฉันดูออกนะ”
คินพูดเล่นแบบนั้นเสมอ และชุนก็มักจะตอบกลับด้วยความเงียบแบบนั้นประจำ
เขาไม่เคยแสดงออกอะไร ไม่เคยพูดว่ารู้สึกอะไร
แต่ลึกๆ แล้ว…เขารู้
เขารู้ว่าคิน “รู้สึกกับเขาแบบไหน”
และเขาเอง…ก็ไม่เคยรังเกียจ
ไม่เคยผลักไส เขาแค่ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
ในโลกของชุน…ความรักไม่ใช่สิ่งที่เขากล้าคว้ามาไว้
เขาโตมากับการวางหน้ากาก ความคาดหวังของตระกูล และความโดดเดี่ยวที่ฝังลึก ทุกอย่างถูกจัดวางไว้ให้เขาแล้ว
> “ถ้าตอนนั้นฉันกล้าพอ ถ้าฉันพูดอะไรสักอย่าง
นายอาจจะยังอยู่ก็ได้คิน”
เหยียนชุนลืมตาขึ้นช้าๆ แววตานั้นแข็งและเศร้าในคราเดียวกัน ซึ่งไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
แต่วันนี้…กลับมีใครบางคน
เดินเข้ามาในชีวิตเขา พร้อมรอยยิ้มสดใส เสียงหัวเราะและ…ใบหน้าที่คล้ายกับคินอย่างน่าแปลกใจ
> “เป้ยหลิน!”
เขาพึมพำชื่อเธอเบาๆ
และหัวใจของเขาเริ่มสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
หนึ่งเดือนต่อมาที่รีสอร์ตชานเมือง
มีโครงการสัมมนาธุรกิจ 3 วันของบริษัทจัดขึ้นเป็นครั้งแรกนอกเมือง
เป่าเป้ยได้รับหน้าที่ตามประกบเหยียนชุนตลอดงานในฐานะ “ผู้ช่วยฝึกงานพิเศษ”
> “อย่าลืมเป้าหมายนะ เป่าเป้ย”
เสียงหลินเตือนผ่านโทรศัพท์
>“อื้อ รู้แล้วน่า”
เป่าเป้ยตอบหลินกลับไป
>“อ่อยให้อยาก แล้วจากให้จำจบแบบนางพญา!”
>“แกก็พูดเกิน”
เป่าเป้ยแค่นหัวเราะแห้งๆให้กับหลิน แต่หัวใจเธอไม่ได้มั่นคงเหมือนตอนเริ่มเลย…
ค่ำนั้น หลังเสร็จงานเลี้ยง
พนักงานคนอื่นแยกย้ายกลับห้อง เหลือเพียงเธอกับเหยียนชุนที่ยังอยู่หน้าล็อบบี้
> “คุณเป้ยหลิน ห้องคุณอยู่ตึก C ใช่ไหมครับ?”
พนักงานของรีสอร์ตเดินเข้ามาถามเธอ
“ใช่ค่ะ…”
“พอดีห้องคุณมีปัญหาเรื่องระบบน้ำกับแอร์มันเสีย ต้องปิดทั้งชั้นคืนนี้”
เธอหันขวับไปมองพนักงานแทบจะไม่เชื่อหูของเธอ ว่ารีสอร์ตระดับตระกูลเหยียนมาพักจะห่วยแตกแบบนี้
> “หา?! แล้วฉันจะไปนอนที่ไหนล่ะคะ?”
พนักงานหันมองเหยียนชุนอย่างมีความหมาย
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลากเสียงถอนหายใจ
> “ไปพักห้องผมก่อนก็แล้วกัน”
>“ได้หรอคะ”
เป่าเป้ยยิ้มอย่างพอใจ อะไรจะง่ายดายขนาดนี้แทบไม่ต้องลงมืออะไร ทุกอย่างเหมือนจะวิ่งเข้ามาหาเธอเอง สวรรค์คงต้องการจะช่วยเธอแน่ๆ
“เก็บอาการหน่อยคุณเป้ยหลิน ทำอย่างกับ...”
>“ท่านประธานคิดอะไร?หนูก็แค่ดีใจที่ไม่ต้องไปนอนห้องที่มันมีปัญหาแค่นั้นเอง”
ชุนถอนหายใจดังกว่าเดิมแล้วเดินนำหน้าเธอไปที่ห้อง
🛏️ ภายในห้องพักของเหยียนชุน
ห้องกว้าง เงียบ และเย็น
มีเพียงแสงไฟสีส้มนวลจากหัวเตียง
เป่าเป็นนั่งตัวตรงอย่างระวังที่โซฟามือกำกันไว้จนเปียกชุ่ม ขณะที่ชุนนั่งอ่านเอกสารเงียบๆบนเตียง
>“คุณไม่อึดอัดเหรอคะ ที่ต้องให้ฉันมานอนด้วย…”
เป่าเป้ยแกล้งถามไปงั้นแหละมีที่ไหนคนอื่นมานอนด้วยทำไมจะไม่อึดอัด ถามกลบเกลื่อนความกังวล
> “อึดอัดสิ”
เขาตอบตรงๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่ก้มหน้าดูเอกสารสมกับเป็นเหยียนชุนคนเย็นชาจริงๆ
>“แต่ไม่ใช่เพราะเธอ…เพราะฉันไม่ชอบคนแปลกหน้า”
คำว่า “คนแปลกหน้า” เหมือนมีดกรีดลงบนตัวเธอ
เธอเป็นแค่เด็กฝึกงานที่ใช้ชื่อปลอม…
คนแปลกหน้าที่ตั้งใจจะหลอกให้เขารัก มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ
> “แล้วถ้าฉันไม่ใช่คนแปลกล่ะคะ?”
เป่าเป้ยถามชุนเสียงเบาโดยไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาได้ยินแต่..
เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพูด
> “ถ้าเธอไม่ใช่คนแปลก…ฉันคงกลัวจะรู้จักเธอมากเกินไป”
หัวใจของเป่าเป้ยกระตุกวูบกับคำพูดของชุน เธอเริ่มกลัวเหมือนกัน กลัวว่าคนที่ควรจะ “เป็นเป้าหมาย”
จะกลายเป็นคนที่เธอรักจริงๆ
>“หรอคะ😅? คุณชุนจะรับกาแฟมั้ยคะเดี๋ยวหนูไปชงให้”
>“ดึกป่านนี้จะให้ฉันดื่มกาแฟ แล้วจะให้ฉันนอนตอนไหน?”
>“ฮ่าๆ~จริงด้วย งั้นเอาโกโก้ร้อนมั้ยคะ?”
เป่าเป้ยหัวเราะเสียงดังอย่างลืมตัว จนชุนชะงักไปแว้บนึง
>“ไม่ต้อง อีกเดี๋ยวฉันจะนอนแล้ว”
>“ค่ะ งั้นราตรีสวัสนะคะ”
>“อืม”
ห๊าาา!!เขาตอบด้วย ถึงจะแค่อืมก็ตาม แต่มันถือเป็นเรื่องที่ดี ดีกว่าการเงียบ😊
คำพูดที่ไม่ควรหลุด
กลางดึกในห้องพักรีสอร์ต เป่าเป้ยนอนขดอยู่บนโซฟาด้วยผ้าห่มผืนเดียว เหยียนชุนนั่งทำงานต่อเงียบๆ บนเตียงโดยแอบเหลือบมองเธอเป็นระยะๆ
เธอเงียบกว่าทุกวันไม่กวน ไม่พูดเยอะ
มีแววเศร้าในดวงตา เหมือนเด็กที่ฝืนยิ้มกลบอะไรบางอย่าง เหยียนชุนเองสังเกตเห็นแม้ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่ก็ยังเลือกเงียบต่อไปจนกระทั่ง…
> “พี่คิน…อย่าทิ้งเป่าเป้ยไปนะคะ…”
เสียงละเมอเบาๆ ทำให้ชุนชะงักหันไปมองเป่าเป้ยแล้ว
นิ้วหยุดกดแป้นพิมพ์
เขาหันไปมองร่างเล็กที่ขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง
หน้าซุกกับหมอน น้ำตาไหลอาบเปื้อนแก้ม
> “เป่าเป้ย…”
ชื่อที่ไม่ตรงกับข้อมูลในใบสมัครฝึกงาน
ไม่ใช่ชื่อที่เธอใช้กับเขา
เหยียนชุนนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกลงมาจากเตียงเดินมาหยุดข้างโซฟา
มองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของเธออย่างใช้ความคิด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ
> “เธอ…เป็นใครกันแน่”
-------------
🌞เช้าวันรุ่งขึ้นหน้าล็อบบี้
>“เธอมีอะไรอยากบอกฉันไหม?”
ชุนถามเป่าเป้ยด้วยสีหน้าเข้มขรึม เมื่อยืนลำพังกับเธอ
> “ไม่มีหนิคะ☺️”
เป่าเป้ยตอบพลางยิ้มเขินๆ เพราะรู้สึกเหมือนว่าเธอละเมอ เธอชอบเป็นบ่อยๆหลังพี่จากไป ไม่รู้ว่าละเมออะไรไปบ้าง
> “เธอละเมอชื่อคน”
เขาตอบเรียบแต่น้ำเสียงหนักแน่นและแววตาสงสัย
>“แล้วก็ร้องไห้หนักมาก”
หัวใจเป่าเป้ยกระตุกวูบ
เธอไม่รู้ว่าหลุดอะไรออกไปบ้าง
กลัวจนไม่กล้ามองหน้าเขา
>“หนูคงฝันถึงพี่ชายค่ะ เขาเคยเรียกฉันแบบนั้น”
เธอพยายยามพูดกลบเกลื่อนเสียงสั่น
ขณะที่ชุนยังจ้องเธอนิ่ง สายตานั้นลึกซึ้งและยากจะคาดเดา
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางเข้าล็อบบี้รีสอร์ต
> “ชุนคะ!”
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสหรูหราเดินเข้ามา
ริมฝีปากแดง แววตาเย้ยหยันมองมายังร่างบางของเป่าเป้ย
พราวมุก— หญิงสาวคนเดียวกันกับในรูปเก่าๆของพี่ชายเธอที่เขายังเก็บไว้
และเธอคือคนที่เป่าเป้ย “เชื่อว่า” คือผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้พี่เธอเสียใจจนจากโลกนี้ไป
>“คุณมาทำอะไรที่นี่?” ชุนขมวดคิ้วถาม
>“มาหาคุณไงคะ”
คำพูดของเธอทำเอาชุนกำหมัดแน่น ถ้าไม่ติดว่าเคยรู้จักกันมาก่อนเขาคงด่าเธอไปแล้ว
---------
ความลับของพราวมุก
[เหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน – มหาวิทยาลัย Y]
คาเฟ่เล็กหน้ามหาวิทยาลัย
หญิงสาวนั่งจ้องแก้วกาแฟตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสับสน เจ็บปวด และ…หึงหวง
> “พราวมุก!”
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหลัง
คินเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
มือของเขาวางแก้วกาแฟอีกแก้วตรงหน้าเธอ
> “ฉันขอโทษนะ ที่มาสาย”
เสียงของคินรีบบอกคนตรงหน้าที่กำลังนั่งหน้างอ
>“วันนี้ชุนเขาป่วยนิดหน่อย ฉันเลยแวะไปดูที่ห้องก่อนมา”
ดวงตาพราวมุกแข็งกระด้างขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ ชุน
> “นายไม่เคยพลาดดูแลเขาเลยสินะ ถึงฉันจะเป็นแฟนนาย นายก็ยังทิ้งฉันไว้แบบนี้ทุกครั้ง”
คินชะงักเหมือนกำลังพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ
> “ฉันไม่ได้ทิ้งเธอนะ ชุนเขาไม่มีใครเลยจริงๆฉันแค่..”
คินหยุดกลางคัน
> “แต่ฉันก็ไม่มีใครเหมือนกัน!”
พราวมุกตวาดเสียงใส่คินทั้งน้ำตาเอ่อล้นออกมา ก่อนจะพูดต่อ
>“นายเห็นเขาสำคัญกว่าฉันตลอด นายรู้ตัวไหม?”
เธอลุกขึ้นทันที
ก่อนจะหันหลังเดินหนี ทิ้งให้เขานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น
ในใจของเธอ
ไม่เคยเกลียดเหยียนชุน…
เธอแค่ อยากสำคัญกับคินเท่าที่ชุนเคยเป็น
แต่ความเจ็บปวดนั้น
ทำให้เธอเลือกทำบางสิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง
หนึ่งเดือนต่อมา พราวมุกหายตัวไปจากชีวิตคินโดยไม่บอกกล่าว ติดต่อไม่ได้แต่ปรากฏตัวอีกครั้ง…
ในฐานะคนรักใหม่ของ “หัวหน้าของชุน”
ตอนที่ชุนไปฝึกงานที่บริษัท
และความลับที่ฝังลึกก็คือ
เธอเคย “สารภาพรัก” กับเหยียนชุนแล้วถูกปฏิเสธด้วยคำพูดที่เย็นชาเพียงประโยคเดียว
> “ผมไม่เคยคิดกับคุณเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงาน”
มันคือคำที่ฝังใจเธอจนทุกวันนี้
และคือจุดเริ่มต้นของความเกลียด…ที่แปรเปลี่ยนเป็นไฟแค้น