2 ดูตัว

1299 คำ
ผมแต่งตัวเรียบร้อย ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว และกางเกงผ้าสแล็คสีดำ นั่งรถไปกับพ่อ เพื่อไปบ้านของคุณอาทัศนัย ที่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อ และเป็นว่าที่พ่อตาของผม "แกช่วยทำหน้าให้มันดีๆหน่อยภูมินทร์" ผู้เป็นพ่อพยายามบอกลูกชาย ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถแล้ว เมื่อเห็นลูกชายเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง ไม่สบอารมณ์ "แค่ผมยอมมาดูตัว แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วนะครับพ่อ" เขาไม่ได้ทำตามที่พ่อบอกแต่อย่างใด และก็นั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์ จนมาถึงบ้านของทัศนัย "มากันแล้วหรอ มาๆนั่งก่อน" เมื่อผมมาถึง ก็เห็นคุณอาทัศนัย ที่เดินออกมาต้อนรับผมกับพ่อเป็นอย่างดี "สวัสดีครับคุณอา" แล้วผมก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ และก็แอบมองหาว่าที่เจ้าสาวของผม "สวัสดีลูกโตแล้วหล่อเชียวลูก อาเห็นเราตั้งแต่ตอนเด็กๆ ไม่นึกเลยว่าโตมาแล้วจะหล่อขนาดนี้" ทัศนัยเองก็ดีใจแทนลูกสาว เพราะอย่างน้อย ภูมินทร์ก็หน้าตาหล่อเหลา ลูกสาวของเขาคงไม่ลำบากใจนักที่จะแต่งงานกับภูมินทร์ "ก็คงจะหล่อได้พ่อมันนั่นแหละ ฮ่าๆๆ" แล้วพ่อผมก็หัวเราะเสียงดัง ส่วนตัวผมเองก็ได้แต่นั่งเงียบ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร "อรไปตามคุณทับทิมลงมาได้แล้ว บอกว่าคุณภูษา กับคุณภูมินทร์มาถึงแล้ว" แล้วคุณอาก็หันไปบอกแม่บ้าน ให้ไปตามทับทิมลงมา ไม่นานเท่าไหร่นักทับทิมก็เดินลงมา ด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไม่มองแม้กระทั่งหน้าผม "มานี่สิลูก ไหว้คุณลุงภูษากับพี่ภูมินทร์เขาสิ" แล้วคุณอาก็แนะนำให้เธอ ให้รู้จักกับพวกผม "สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะพี่ภูมินทร์" เธอยกมือไหว้ผมกับพ่อ แต่แทบจะไม่มองดูหน้าผมด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเองก็ฝืนใจไม่น้อย บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร มีเพียงแค่เสียงของพ่อผมแล้วก็คุณอาทัศนัย ส่วนผมกับทับทิมแทบไม่พูดอะไรเลย ผมกินข้าวเสร็จ ก็ได้แต่นั่งฟังทั้งสองคุยกันอย่างถูกคอ ผมแอบมองทับทิมที่เธอไม่แม้แต่สนใจผมเลย แต่ก็ดีแล้วแหละ บางทีแต่งงานกันไปก็ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันก็ได้ อยู่กันแค่ในนามก็พอ เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรในตัวเธอสักเท่าไหร่ แค่อย่ามาวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของผมก็พอ "งั้นก็เอาตามนั้นนะทัศนัย เดี๋ยวแกไปหาฤกษ์งามยามดีมาแล้วกัน สินสอดของหนูทับทิม ก็ตามที่คุยกันไว้" คุยกันไว้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เพราะพ่อผมไม่ได้บอกเรื่องสินสอด แต่ก็คงจะมากพอสมควร "ได้ๆ งั้นก็เอาตามนั้นเลยแล้วกัน" ดูๆแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองจะเร่งให้แต่งเร็วที่สุด เพราะเรื่องของธุรกิจ คงรอนานไม่ได้ "ฉันกับภูมินทร์กลับก่อนนะ หนูทับทิมเดี๋ยวยังไงลุงให้พี่ภูมินทร์ มารับไปลองชุดนะลูก" แล้วพ่อผมก็หันไปบอกเธอ แต่เธอทำเพียงพยักหน้าเบาๆ "ค่ะ คุณลุง" แล้วตอบพ่อผมเพียงสั้นๆ "ผมกลับแล้วนะครับคุณอา น้องทับทิม" แล้วผมก็ยกมือไหว้คุณอาทัศนัย แต่ก็หันไปบอกทับทิม แต่เธอก็เอาแต่เงียบ "พ่อครับ ดูๆไปแล้วเธอก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผมเลย ทำไมพ่อของเธอต้องบังคับด้วยล่ะครับ" ผมเองก็ไม่ได้อยากฝืนใจใคร ถ้าไม่เพราะเรื่องที่พ่อเอามาอ้าง ผมเองก็คงไม่ยอมแต่ง "แกไม่ต้องคิดมากหรอก แต่งๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง" ดูพ่อผมสิพูดอะไรก็ง่ายไปหมด ไม่ลองมาแต่งเองเหมือนผมดูบ้างล่ะ "เฮ้อ!!" ผมทำเพียงถอนหายใจ และนั่งเงียบๆจนกว่าจะถึงไร่ "เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะไปหาฤกษ์ ถ้าได้วันเดี๋ยวพ่อบอกอีกที แล้วเดี๋ยวอย่าลืมพาน้องไปเลือกชุดด้วยล่ะ" พอมาถึงบ้าน พ่อก็รีบบอกผมเรื่องพาน้องไปลองชุด "ครับพ่อ" ผมก็รับปากพ่อไปอย่างนั้นแหละ ขี้เกียจเถียง "แล้วนั่นแกจะไปไหน" เมื่อเห็นผมกำลังจะขับรถออกไป พ่อก็รีบถาม "พรุ่งนี้มีส่งส้มไปที่ประเทศจีน5 ตัน ผมจะเข้าไปดูคนงานหน่อย ว่าเสร็จกันหรือยัง" ผมรีบบอกพ่อ ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ผมก็คงไม่ทิ้งคนงานให้ดูแลกันเอง ดีหน่อยที่ยังมีอาทิตย์ ที่เป็นหัวหน้าคนงานที่ผมไว้ใจได้ เวลาผมมีธุระผมจึงปล่อยให้อาทิตย์ดูแล "งั้นก็รีบไปเถอะ" เมื่อพูดกับพ่อเสร็จ ผมก็รีบขับรถเข้าไปในไร่ทันที จากตัวบ้านกับไร่ห่างกันอยู่ 10 กว่ากิโล ในไร่ก็จะมีบ้านพักคนงาน และมีบ้านพักของผมเองด้วย เพราะวันไหนถ้างานยุ่งมากๆ ผมก็จะนอนในไร่เลย "เรียบร้อยดีไหม" พอมาถึงที่ไร่ ผมก็รีบตรงไปหาอาทิตย์ทันที "ใกล้แล้วครับนาย" ผมสำรวจดูก็พบว่า งานที่สั่งให้ทำค่อนข้างที่จะเรียบร้อยดี เหลืออีกนิดเดียวก็เสร็จตามที่อาทิตย์บอก "นายคะมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำเย็นๆก่อน" พิกุลที่ถือขวดน้ำเปล่ามาให้ผม และก็เป็นแบบนี้ทุกวัน ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพิกุลชอบผม แต่ผมเองไม่คิดจะยุ่งกับคนงานอยู่แล้ว พิกุลเป็นลูกของคนงาน อายุ 27 ปีแล้ว หน้าตาก็สวยพอใช้ได้ ผมรับเอาขวดน้ำจากพิกุล เธอเองก็มีท่าทีเขินอายเหมือนกับทุกครั้ง แต่ผมเองก็ชัดเจนตลอด ว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แต่ด้วยความสงสารผมก็ไม่เคยต่อว่าเธอเลย และตั้งแต่ที่พิกุลโตมา เธอก็ทำงานในไร่มาตลอด "ขอบใจ" ผมพูดแค่เพียงสั้นๆ โดยไม่ได้สนใจเธอนัก "นายจะนอนที่ไร่หรือเปล่าคะ พิกุลจะได้ไปทำความสะอาดให้" เนื่องจากในไร่ไม่มีแม่บ้าน พิกุลจึงอาสาไปทำความสะอาดให้เป็นประจำ เวลาที่ผมนอนในไร่ "ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน" พอผมบอกเธอ เธอก็มีแววตาเศร้า "นายครับ ว่าที่เจ้าสาวเป็นยังไงบ้างครับ" ผมตาขวางขึ้นมาทันที เมื่ออาทิตย์พูดถึงเรื่องว่าที่เจ้าสาว ส่วนอาทิตย์ก็หุบปากแทบไม่ทัน "ว่าที่เจ้าสาวอะไรคะนาย " พิกุลรีบเอ่ยถามขึ้น "ไม่ต้องอยากรู้หรอก มีหน้าที่อะไรก็ไปทำกันได้แล้ว" ผมรีบตัดบท ก่อนจะเดินไปดูทางด้านอื่น ก็แค่เรื่องแต่งงาน ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และผมเองก็ไม่อยากให้คนงานเอามาพูด ให้เป็นขี้ปาก เพราะการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากความรัก มันเป็นเรื่องของธุรกิจต่างหาก ถ้าพูดไปก็คงจะเป็นฝ่ายหญิงนั่นแหละที่เสียหาย ผมเลยพยายามไม่อยากพูดถึงมันสักเท่าไหร่ เพราะในอนาคตเธอต้องเป็นเมียผม "นายครับ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ" ผ่านไปพักใหญ่ๆ อาทิตย์ก็วิ่งมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แล้วรถก็เตรียมวิ่งไปส่งที่ท่าเรือแล้ว "OK งั้นฉันกลับก่อน" ผมสั่งลูกน้อง แล้วขับรถกลับบ้านทันที ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย แต่วันนี้ไม่อยากนอนในไร่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม