1 ไร่ภูษา
"ยังไงแกก็ต้องแต่ง"
เสียงตะคอกของผู้เป็นพ่อ พูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโห
"ยังไงหนูก็ไม่แต่ง ทำไมพ่อไม่ให้อัญชันแต่งละคะ หนูมีแฟนแล้วนะ พ่อจะทำแบบนี้ไม่ได้"
หญิงสาวค้านหัวชนฝา ยืนท้าทายผู้เป็นพ่ออย่างไม่ยอม ดวงตากลมโตเอ่อล้นด้วยน้ำตา
"ก็น้องยังเรียนอยู่ จะให้น้องแต่งกับคนอายุห่างกันถึง10ปีได้ยังไง พ่อบอกแกหลายครั้งแล้วนะ ว่าไอ้ก้องภพแฟนแกหนะมันทำแต่เรื่องผิดกฎหมาย ขืนแกยังคบกับมันต่อไป ซักวันมันจะพาครอบครัวเราซวยไปด้วย"
ทัศนัยพยายามเตือนลูกสาวคนโตหลายครั้ง แต่ทับทิมก็ยังรั้น เพราะรักก้องภพมาก
"แต่หนูกับพี่ก้องภพรักกันนะคะ พ่อจะให้หนูแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก ไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า แล้วเราจะใช้ชีวิตกันยังไง"
ทับทิมเถียงผู้เป็นพ่ออย่างไม่ยอม
"แต่ภูมินทร์เขาช่วยกิจการของเราได้ กิจการที่บ้านจะเจ้งมะรอมมะร่ออยู่แล้ว แกยังจะห่วงความรักบ้าๆของแกอีก ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าไอ้ก้องภพมันเอาอะไรล้างสมองแก แกถึงได้หลงมันหัวปักหัวปำแบบนี้"
ทัศนัยทะเลาะกับลูกสาวคนโตอย่างรุนแรง เพราะอยากรักษากิจการที่บ้านเอาไว้ และภูษาเพื่อนรักของเขา ก็เสนอตัวยื่นมือเข้าช่วย
แต่ทั้งสองครอบครัวต้องเกี่ยวดองกัน เพราะต้องอาศัยชื่อเสียงภูษา ที่มีทั้งบริษัทบ่มไวน์และไร่องุ่น ส้ม และสตอเบอรี่ ที่นักธุรกิจรู้จักมากมาย ช่วยดึงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนกับบริษัทของเขา
อัญชัน
ร่างบางในชุดนักศึกษา ดวงตากลมโตสวยหวาน แอบมองผู้เป็นพ่อ กับพี่สาวต่างมารดาทะเลาะกันอย่างรุณแรง อยู่ในมุมมืด เธอไม่เคยรู้เลยว่ากิจการที่บ้านกำลังแย่ เพราะวันๆเธอเอาแต่สนใจเรื่องการเรียน ไม่เคยสนใจเรื่องในบริษัทเลย เมื่อเธอได้ฟังเรื่องราวก็สงสารพี่สาวไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
เดิมทีแล้ว เธอกับพี่สาวก็ไม่ถูกกัน เพราะพี่ทับทิมคิดว่าพ่อรักอัญชันมากกว่า
"เย็นนี้คุณลุงภูษา จะพาพี่ภูมินทร์มาทานข้าวที่บ้านเรา ทำตัวดีๆอย่าทำให้พ่อต้องขายหน้า"
แล้วนี่ก็เป็นคำส่งท้าย ก่อนที่พ่อจะเดินออกมาจากห้องของพี่ทับทิม
ปั้ง!!
"ฮึก ฮือ ฮือ หนูไม่แต่ง ยังไงหนูก็ไม่แต่ง
ฮือ ฮือ ฮือ"
เสียงพี่ทับทิมร้องไห้สะอึกสะอื้น ปริ่มจะขาดใจ ฉันฟังแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ด้วยความที่เราสองคนไม่ถูกกัน ฉันจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปปลอบ พี่ทับทิมมักจะคิดว่าพ่อไม่รักตัวเอง แต่ความจริงแล้วพ่อหวังดีที่สุด
"อัญชัน มายืนทำอะไรตรงนี้"
ฉันสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าพ่อจะเดินมาทางนี้
"หนูได้ยินพ่อกับพี่ทับทิมคุยกันแล้ว เกิดอะไรกับบริษัทเราเหรอคะพ่อ แล้วพี่ทับทิมต้องแต่งงานกับคุณภูมินทร์เหรอคะ"
ไหนๆพ่อก็เห็นแล้ว ฉันเลยตัดสินใจถามพ่อเลยแล้วกัน
"พ่อกำลังแก้ปัญหาอยู่เดี๋ยวก็ดีขึ้น เย็นนี้คุณภูษาเพื่อนของพ่อ กับคุณภูมินทร์ลูกชายของเขา จะมาดูตัวพี่ทับทิม ลูกไม่ต้องลงไปนะ"
เขายอมรับว่าห่วงลูกสาวคนเล็กมาก เพราะลูกสาวคนเล็กยังอ่อนต่อโลก ไม่ได้แพรวพราวเหมือนลูกสาวคนโต รายนั้นทั้งดื้อทั้งไม่ยอมคน ถ้าจะแต่งออกไปเขาคงไม่ห่วงมากนัก และอีกอย่างลูกสาวของเขา ก็สวยทั้งสองคน แต่อัญชันยังเด็กมาก ปีนี้ก็พึ่งจะ20ยังเรียนอยู่ปี2อยู่เลย ส่วนทับทิมค่อนข้างที่จะดื้อรั้นไม่ยอมคน ปีนี้ก็26แล้วเหมาะที่จะมีครอบครัว แม่ของทับทิมทิ้งเขาและทับทิมไปตั้งแต่เธอยังเล็ก จนเขาได้มาเจอกับแม่ของอัญชัน ที่ทั้งใสซื่อกิริยามารยาทน่ารัก แต่ก็มาประสบอุบัติเหตุ เมื่อตอนอัญชันมีอายุเพียง 10 ขวบ เขาเลี้ยงลูกทั้งสองคนให้เติบโตมาด้วยกัน แต่ลูกของเขาก็ไม่เคยถูกกันเลย เพราะทับทิมเอาแต่อิจฉาน้อง เพราะคิดว่าพ่อรักน้องมากกว่า
"ค่ะ พ่อ"
เธอรีบรับปากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณปู่ที่อยู่อีกห้อง
"สวัสดีค่ะคุณปู่"
เป็นประจำทุกวัน เมื่อเธอกลับจากมหาลัย
เธอก็จะมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ เพราะเธอสนิทกับปู่มากๆ
"มาแล้วหรอตัวแสบของปู่"
แล้วผู้เป็นปู่ ก็ลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู
"ปู่ค่ะ บริษัทของเรากำลังมีปัญหาหรอคะ"
สาวน้อยยังคงสงสัย และได้ถามปู่อีกครั้ง
"เฮ้อ!!"
ผู้เป็นปู่เองก็ได้แต่ถอนหายใจ เรื่องบริษัทขาดทุนเป็นมาสักพักแล้ว เขาเองก็หนักใจเพราะบริษัทนี้ เขาสร้างมันมากับมือแต่ลูกชายของเขา จะให้หลานสาวไปแต่งงานเพื่อรักษาบริษัทไว้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้สบายใจ แต่มันก็มีทางเลือกไม่มากนัก จึงยอมให้ลูกชายเป็นคนจัดการ
"ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เถอะนะ"
ปู่เองก็ไม่อยากพูดอะไรมาก
ไร่ภูษา
"อะไรนะครับพ่อ นัดดูตัวเจ้าสาวงั้นหรอ"
ภูมินทร์โพล่งขึ้นอย่างดัง เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นพ่อพูด
ภูมินทร์ ชายหนุ่มหน้าตาคมดุ ความสูง 185 เซนติเมตร ที่ทั้งหล่อ รวย และดูดีทุกอย่าง
แต่ครองโสดจนมาถึง อายุ 30 ปี ก็ยังไม่มีทีท่า
ว่าจะแต่งกับใครเลย ถึงจะมีผู้หญิงแวะเวียนมาหาบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยแถมทุกคนที่มา เขาก็ไม่เคยให้สถานะใดกับพวกเธอเลย
"แกฟังไม่ผิดหรอก เย็นนี้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
พ่อจะพาไปดูตัวหนูทับทิม ลูกสาวของอาทัศนัยเพื่อนของพ่อ"
เขาเองก็รู้จักกับคุณอาทัศนัยอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยเจอหน้าลูกสาวของทัศนัยเลย เพราะเวลาส่วนมาก เขาใช้มันหมดไปกับการดูแลไร่ภูษา ที่มีทั้งองุ่น ส้ม และสตอเบอรี่ เรียกได้ว่าเป็นคนที่บ้างานก็ว่าได้ ส่วนบริษัทบ่มไวน์พ่อเขาจะเป็นคนดูแล
"แต่พ่อครับ แล้วพ่อจะให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมไม่แม้แต่จะรู้จัก ได้ยังไงครับ"
เขาเองก็ค้านผู้เป็นพ่อ หัวชนฝาเหมือนกัน
"พ่อรับปากกับเพื่อนพ่อไว้แล้ว ยังไงแกก็ต้องแต่ง ตอนที่ไร่ของเรามีปัญหา ก็เป็นทัศนัยนั่นแหละที่ยื่นมือเข้ามาช่วย จนบริษัทของเราเติบโตมาได้ขนาดนี้ ต่อให้เอาเงินไปกองไว้ท่วมหัว ก็ชดใช้บุญคุณไม่หมดหรอก"
ภูษาบอกผู้เป็นลูกชาย ด้วยสีหน้าจริงจัง
"แล้วทำไมเราไม่ช่วยในเรื่องเงินไปล่ะครับ ทำไมถึงขั้นต้องให้ผมไปแต่งงานด้วย แล้วลูกสาวเขาจะยอมเหรอครับ"
เพราะเขาคิดว่าแค่ช่วยในเรื่องเงิน ก็คงจะเพียงพอแล้ว
"ต่อให้เราช่วยเรื่องเงิน มันก็ไม่สามารถดึงนักลงทุนได้หรอกนะ เพราะนักลงทุนส่วนมากเชื่อถือบริษัทของเรา ถ้า 2 ครอบครัวแต่งงานกัน
ก็จะดึงนักลงทุน ให้กล้ามาลงทุนกับบริษัทของทัศนัยได้เยอะพอสมควร เพราะหลายบริษัทที่เชื่อถือบริษัทบ่มไวน์ของเรา"
เมื่อเขาคิดตามผู้เป็นพ่อ เขาก็เห็นด้วยแต่ก็ใช่จะให้เขายอมแต่งงาน กับลูกสาวของเพื่อนเขา
"พ่อครับ พ่อลองคิดดูอีกทีได้ไหม เราช่วยประคองเขาไปก่อน ถ้ามันไม่ไหวจริงๆผมถึงจะแต่งอย่างนี้ดีไหมครับ"
เขาเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมผู้เป็นพ่อ
"ภูมินทร์ แกก็อายุขนาดนี้แล้ว แกเองก็ยังไม่มีแฟน แล้วมันจะเสียหายตรงไหนถ้าแกจะมีครอบครัว ถือว่าช่วยพ่อหน่อยแล้วกันนะ ทัศนัยมีบุญคุณกับครอบครัวเรามากนะ ถือว่าพ่อขอ"
ไม่ว่าจะพูดยังไง พ่อของเขาก็ไม่ยอม สุดท้ายแล้วเขาคงต้องแต่งงาน กับผู้หญิงที่ไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ