ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ยักษ์กระเด้งตัวลุกจากที่นั่งเพื่อเดินอ้อมโซฟากั้นมาเพื่อดูรูป
ง่ำ ง่ำ
"เชี่ย! อีพิ้งค์มึงแดกกระดาษทำไม" เสียงตาลตกใจหน้าเหวอ
"อูอิว"
"ฮะ?!"
"อู อิว อ้าววว"{กูหิวข้าว}
"____"
ยังไม่ทันได้เห็น ปรากฏว่าสาวน้อยคว้ารูปวาดยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวขณะที่ยักษ์เองไม่รู้จะตกใจตรงไหนก่อน เขาก็นิ่งจ้องมองแต่ไม่พูดอะไร
กริ๊ง
เป็นช่วงเวลาเสร็จงานพอดี ชมพูพิ้งค์คว้ากระเป๋าแล้วลากแขนเพื่อนสาววิ่งออกนอกร้าน เหลือทิ้งไว้แค่เจ้าของใบหน้าหล่อหุ่นสูงใหญ่ ที่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง
"เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ลืมทั้งที่ลบความจำไปแล้วและเมื่อตอนตื่นก็จำอะไรไม่ได้หรือว่า..."
อึก
เสียงลูกกระเดือกขยับ เนื่องจากผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความฝืดเคือง อายุของผมผ่านมาเกือบร้อยปี ซึ่งแน่นอนว่าย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ ส่วนมากคนรอบตัวก็แค่ลบความทรงจำทิ้งไปก็ไม่สามารถจำได้ว่าผมเคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แต่เพราะว่าครั้งนี้มันผิดแปลก แต่จะว่าไปผู้หญิงคนนั้น...มีกลิ่นเลือดคลุ้งรอบตัวมากกว่าคนปกติ
หอพักสิริ
"มึงไม่ได้กลืนใช่ไหมกระดาษเปื้อนสีอันตรายนะ" ตาลหยุดเดินดึงแขนชมพูพิ้งค์ไว้
"ไอ อะ อืน"
"ฮะ..."
"โทษที แหวะ! ใครจะกลืน"
ฉันทำใจควักกระดาษที่อยู่ในปากออกมา จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าผ้า ท่าทางของตาลดูไม่เข้าใจแต่เนื่องจากอุปนิสัยที่ไม่ค่อยชอบถามหรือวุ่นวายเราสองคนจึงเดินกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ
ที่ให้ตาลมารับเนื่องจากว่าเราสองคนมักจะแวะกินข้าวด้วยกันช่วงเย็น
แกร๊ก
ฟุบ
ฉันโยนกระเป๋าที่มีสัมภาระมากมายทิ้งบนเตียง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัวอย่างชำระล้างร่างกาย ทำงานแทนเพื่อนโคตรจะเหนื่อยหน่าย อีกทั้งมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้ฉันคิดมากมายมาหลายวัน
คอนโด เหลือม
"มึงว่าอะไรนะ?" เสียงค่อนข้างประหลาดใจเอ่ยถามย้ำเมื่อยักษ์มาปรึกษา
"แต่กูยังไม่เห็นรูปภาพนั้นนะเพียงแค่เพื่อนของเด็กนั่นพูดขึ้นมา"
"อาจจะดูหนังมาแล้ววาดเล่นหรือเปล่า น้องคนนั้นเรียนพวกวาดรูปไม่ใช่หรือไง"
"งั้นดูหนังเรื่องอะไร?"
"อุลตร้าแมน"
ผวะ!
"มึงไปดูภาคไหนมาอุลตร้าแมนเป็นยักษ์!" ความกวนประสาทมันไม่มีใครเทียบผมจึงฟาดหัวมันไปที
"โอ๊ยยย ถึงกูไม่ใช่มนุษย์ปกติก็เจ็บเป็นนะ"
"หรือว่าเกิดเรื่องผิดปกติอะไรขึ้นกับความสามารถกู"
"มึงจะบ้าเหรอ มึงไม่สามารถใช้พลังกับพวกผีปีศาจได้แต่มึงบอกเองว่าเด็กคนนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา"
"เออ"
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อไอ้เหลือมพยายามยกเหตุและผลต่างๆ แต่กลับไม่สามารถหักล้างความรู้สึกสงสัย ภาพนั้นถูกยัยเด็กบ้ายัดเข้าปากแล้วเคี้ยวจนไม่สามารถแสดงเป็นรูปเป็นร่างได้ หรือสาวน้อยธรรมดาจะมีอะไรที่พิเศษกว่าใคร...
หอพัก สิริ
ซ่าาา
เสียงน้ำฝักบัวรดไหลลงร่างกาย ตัวเล็กถูสบู่ฟองฟอดละเลงไปทั่ว เธอรวบผมมัดจุกกลางศีรษะ หลับตาลงคิดทบทวนหลายอย่างที่กำลังถกเถียงกันในสมอง
"หรือเราอาจจะพักผ่อนน้อยและเครียดหนัก" ฉันรีบสลัดความคิดวุ่นวายทิ้ง "ช่างเถอะ เฮ้อ"
แกร๊ก
เมื่อออกมาจากห้องน้ำโดยพันผ้าเช็ดตัวและมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไหล่ สาวน้อยนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งกลมใส หยิบเครื่องสำอางบำรุงขึ้นมา
"ลิปมันสีชมพูพิ้งค์" คือสีที่ฉันชอบมากและแม่เองก็คงจะชอบเหมือนกันถึงได้ตั้งชื่อนี้ให้
ปวะ!
ริมฝีปากบางกระจับเม้มเข้าหากันเพื่อเกลี่ยความเนียนของลิปสติกเนื้อสวย แม้จะล้างหน้าไร้เครื่องสำอางแต่ความสวยก็คงอยู่
เพราะว่าเป็นผู้หญิงเข้มแข็งไม่ค่อยหวั่นเกรงอะไรถึงสามารถดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยผู้ชาย และแน่นอนว่าไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้งเดียว
ว้ายยย!!
พรึ่บ
สิ้นเสียงกรีดร้องเมื่อตัวเล็กลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อจะเดินไปหยิบชุดนอนแต่กลับเห็นใครบางคนที่เข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ
ผ้าขนหนูเจ้ากรรมหลุดร่วงกองกับพื้นสายตาของผู้บุกรุกจ้องมองเป็นประกายมันวาว เพียงชั่วครู่เลือดก็ไหลออกจากจมูก
ไฟในห้องกะพริบพั่บเป็นจังหวะแต่มีแสงสีแดงเปล่งประกาย ผู้ชายตัวสูงใหญ่ตรงหน้ามีเขี้ยวเเหลมงอกแทรกออกมาจากปาก อีกทั้งลวดลายที่เหมือนรอยสักเด่น
หากเปรียบเทียบในวรรณคดีก็คือ ยักษ์ ดวงตาสีแดงเริ่มชัดคล้ายกำลังจะกลายร่าง
ตุ๊บ!
อักกก!
ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งภายในไม่กี่นาที เสียงร้องอึกอักตะกี้คือของผู้บุกรุก
"พี่เข้ามาได้ไง ล..แล้วเข้ามาทำไม!" บ้าไปแล้วฉันต้องบ้าแน่ๆ "ตอบมาสิหนูกลัวนะ!!"
"กล้าพูดคำว่ากลัว เหอะ อีเด็กบ้า"
"พี่เข้าห้องหนูมาทางไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ โผล่มาตรงหน้าหนูตกใจมือไม้มันก็ไปเอง"
ฉันถือมีดปอกผลไม้ป้องกันตัวรักษาระยะห่าง ผู้ชายที่ลอบเข้ามาก็คือเจ้าของร้านเบเกอรี เราเจอกันหลายครั้ง
"มือไม้ไปเองเหรอ...เหอะ ส้นตีนล้วนๆ มากกว่า เธอกระโดดถีบขาคู่จนฉันสลบไปยังมีหน้ามาพูดมือไม้ไปเองอีกเหรอ!!!"