บทที่ 4 ฆ่าฉันสิ 4

903 คำ
คิดถึงอีกครึ่งชีวิตที่ดับสูญหัวตาของเธอก็ร้อนผ่าว ยิ่งเหงาจับใจ อยากให้เปรมปรีดีอยู่ตรงนี้ข้างๆ กัน กุมมือเธอพลางยิ้มให้เหมือนทุกครั้งที่เธอเศร้า แต่มันไม่มีอีกแล้ว... น้ำตาร่วงหยดจากหางตา รู้สึกอ้างว้างจนทนไม่ไหว ต้องขดตัวกอดตัวเองเอาไว้ให้แน่นๆ หวังให้ไออุ่นจากตัวเธอช่วยคลายความเหน็บหนาวลงบ้าง เสียงสะอื้นแผ่วหวิวดังคลอกับลมหายใจที่อ่อนล้า สองไหล่เล็กๆ สั่นสะท้านจนตัวโยน โปรดปรีดาไม่อยากจะทนอยู่กับความเจ็บปวดอย่างนี้อีกแล้ว มันโหดร้ายเกินไป เธอต้องการไปจากที่นี่ ไปจากทุกคนที่ทำให้เธอเจ็บ อยากปลดเปลื้องพันธนาการที่คอยบีบรัดหัวใจเธออยู่ทุกวินาทีนี้สักที โปรดปรีดาตื่นขึ้นมาอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดมิดไปหมดแล้ว มีเพียงแสงจากโคมไฟดาวน์ไลต์ไม่กี่ดวงที่ยังพอให้ความสว่างไม่มืดจนเกินไป ไม่รู้เพราะเหนื่อยล้าหรือร้องไห้หนักกันแน่ ทำให้เธอรู้สึกคอแห้งแทบเป็นผง อยากจะลุกขึ้นรินน้ำดื่มสักหน่อย แต่สายตาเหลือบไปปะทะกับใครบางคนที่อยู่ร่วมห้องตั้งแต่เมื่อไรก้ไม่รู้เข้าเสียก่อน หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจ เพ่งมองฝ่าแสงสลัวให้ชัดๆ ว่าทำไมจู่ๆ ดนุวัศจึงมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าเขาลืมเธอสนิทไปแล้วหรือ หลังจากเราปะทะอารมณ์กันเมื่อเกือบสองอาทิตย์ก่อน เขาก็ไม่มาเยี่ยมเธออีกเลย เธอเองก็ไม่ได้เดือดร้อนและเลิกรอคอยเขาเช่นกัน ยังคิดว่าดีเสียอีกที่ไม่ต้องอดอึดอัดเห็นหน้ากัน เธอจะได้มีเวลาดื่มด่ำกับความสงบบ้าง เป็นแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว โปรดปรีดามองชายในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัวยืนหันหลัง มือล้วงกระเป๋ากางเกงท่วงท่าน่ายำเกรง ดนุวัศยังคงหล่อเหลาแผ่ออราความสง่าน่าหลงใหลจับใจผู้คนเหมือนเดิม เพียงแต่มันไม่มีผลต่อหัวใจเธออีกแล้ว หญิงสาวนอนลงอย่างเงียบเชียบ ความกระหายน้ำหายวับไปในทันทีที่เห็นเขา ดนุวัศละสายตาจากทิวทัศน์สีสันยามราตรีของกรุงเทพฯ ภายนอกบานกระจกกรุหันกลับมามองคนป่วยบนเตียง หัวคิ้วขมวดมุ่นพลางยกมือดูนาฬิกา เขามาถึงที่นี่ตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แต่โปรดปรีดายังไม่ตื่นสักที เธอหลับลึกเกินไปรึเปล่า เป็นเพราะความอ่อนเพลียหรือเกิดอาการผิดปกติอะไรที่เขาไม่รู้ขึ้นกันแน่ ภายในใจเกิดระลอกคลื่นของความหงุดหงิดกระวนกระวาย เขากลัวว่าเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ยิ่งคิดยิ่งใจโหวงชอบกล จนทนนั่งรออยู่เฉยๆ ไม่ไหว ต้องเร่งให้หมอมาดูอาการคนป่วยสักหน่อย “คนไข้ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งน่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากอุบัติเหตุ แถมเธอก็ทานได้น้อยมากถ้าเทียบกับการฟื้นตัวของร่างกาย หมอตรวจพบว่าเป็นเพราะคนไข้มีภาวะของถุงน้ำดีอักเสบ เป็นโรคแทรกซ้อนที่พบได้ในคนไข้ที่บริจาคตับครับ” “บริจาคตับ?” ดนุวัศนิ่วหน้าด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ ตั้งแต่แต่งงานกันเขาไม่เคยได้ยินหรือรับรู้ว่าเธอเข้ารับการผ่าตัดบริจาคตับให้ใคร “คุณหมอแน่ใจเหรอครับ” “ครับ ทางโรงพยาบาลได้เก็บประวัติการบริจาคตับของคนไข้ไว้อย่างละเอียดครับ” “ภรรยาผมบริจาคไตให้ใครครับ” “คนไข้บริจาคตับให้พี่สาวฝาแฝดที่ป่วยเป็นตับอักเสบแบบเฉียบพลันครับ ผลการรักษาเป็นไปด้วยดี ที่เกิดอักเสบของถุงน้ำดีครั้งนี้ หมอคิดว่าน่าจะเป็นเพราะได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้อาการยังไม่ร้ายแรงเพราะเพิ่งจะเริ่มเป็นเท่านั้น แถมคนไข้ก็ฟื้นตัวขึ้นมากแล้ว เราสามารถทำการผ่าตัดได้เลยทันที โดยใช้กล้องสอดลงไปในโพรงช่องท้อง จะทำให้คนไข้ไม่เจ็บมากและมีความปลอดภัยสูง” หลังจากหมอเจ้าของไข้ออกไปแล้ว เขาก็เฝ้าวนเวียนคิดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด ในหัวมีแต่คำถามที่ว่าเปรมปรีดีป่วยหนักขนาดนั้นได้อย่างไร เป็นมาตั้งแต่เมื่อไร เขาคบกับหล่อนมานานหลายปีทำไมถึงไม่รู้เรื่องเลย แถมคนที่บริจาคตับช่วยหล่อนก็คือคนที่เขากล่าวหาว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าหล่อนเสียอีก ถ้าโปรดปรีดามีใจโหดร้ายคิดจะฆ่าพี่สาวจริงๆ แล้วจะยอมเสี่ยงเจ็บตัวช่วยพี่สาวฝาแฝดทำไมล่ะ ปล่อยให้ป่วยตายไปซะก็สิ้นเรื่อง ความจริงที่เพิ่งรับรู้ทำให้ดนุวัศสับสน สิ่งที่เคยเชื่อถูกสั่นคลอนจนใจเริ่มไขว้เขว รู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่เคยเข้าใจโปรดปรีดาเลย ชายหนุ่มเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง มองคนป่วยที่ใบหน้ายังคงซูบเซียว มือหนากุมใบหน้าตอบเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือเขา ไล้ปลายนิ้วบนผิวซีดขาวและรอยแผลบนหน้าผากใกล้ๆ ขมับอย่างเบามือที่สุด หัวใจสัมผัสได้ถึงความปวดแปลบอย่างชัดเจน โปรดปรีดาผอมลงไปถนัดตาในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วัน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม