เธอไม่อยากให้มีใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้อีกแล้ว ยิ่งไม่อยากให้คนตายต้องมีตราบาปติดตัว ต่อให้มันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
ณกูลหันมองคนเจ็บด้วยความดีใจ ลืมคนตรงหน้าและความขึ้งโกรธไปจนสิ้น รีบเปิดประตูปรี่เข้ามาหาเธอด้วยความเป็นห่วง
“ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”
โปรดปรีดายิ้มเซียวๆ
“ก็แย่อยู่ เจ็บระบมไปทั้งตัวเลย”
“ก็แหงละ รถพังยับขนาดนั้น รอดมาได้ก็บุญหัวแล้ว” นึกแล้วก็ยังใจหาย ตอนที่เขาเห็นสภาพรถของโปรดปรีดาพังยับไปครึ่งแถบ ยังดีที่ฝั่งคนขับเสียหายไม่มาก เพื่อนเขาเลยรอดพ้นความตายมาได้แบบหวุดหวิด แต่ก็เจ็บหนักมีแผลฟกช้ำไปทั้งตัว หัวแตก กระดูกแขนข้างขวาร้าวต้องเข้าเฝือก
“หมอบอกว่ายังไงบ้าง” หญิงสาวถามเพื่อนโดยไม่มองหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเย็นชา
ณกูลปรายตามองดนุวัศแล้วยักไหล่ เห็นโปรดปรีดาดูไม่สนใจ เขาก็ไม่อยากจะใส่ใจเหมือนกัน จึงเอ่ยกับเธอเหมือนไม่มีไอ้ตัวน่ารำคาญอยู่ร่วมห้องด้วยว่า
“โปรดหลับไปสี่วันเต็มๆ กายเป็นห่วงมาก คุณลุงคุณป้าก็โทร. มาถามอาการตลอด แทบจะทิ้งงานแล้วบินกลับจากฮาวายมาทันทีเลย”
“ขอบใจนะกายที่ช่วยเป็นธุระจัดการให้โปรด”
ณกูลเอื้อมมือไปกุมมือบางแนบแน่น มองโปรดปรีดาอย่างลึกซึ้ง แม้จะเจ็บป่วยดูซูบซีด แต่ใบหน้าของเธอยังคงสวยงามอยู่เสมอ ดวงตากลมโตยังคงสุกใสบริสุทธิ์ จมูกโด่งปลายงุ้มเหมือนหยดน้ำ ปากซีดแต่ยังดูอวบอิ่ม โดยเฉพาะรอยยิ้มบางๆ ที่ยังตรึงใจเขาได้ดีเสมอ
“ขอบใจทำไม ขอแค่โปรดปลอดภัย จะให้กายทำอะไรก็ยอม” เขาเอ่ยกับเธออย่างไม่ปิดบัง ไม่สนสามีที่ยืนหัวโด่อยู่กลางห้องด้วย ในเมื่อดนุวัศมีเพชรแท้อยู่ในมือ แต่ไม่เห็นค่า เขาก็จะแย่งเธอมาปกป้องดูแลด้วยตัวเอง
“ไม่จำเป็น!” ดนุวัศพูดขัดเสียงแข็ง หัวคิ้วขมวดแน่นแล้วพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย “ถึงคุณจะชอบทำตัวเป็นพวกแอบลักกินขโมยกินเมียชาวบ้าน แต่ตราบใดที่ผมยังอยู่ คุณจะไม่มีทางสมหวังแน่นอน อะไรที่เป็นของผม ต่อให้จะถูกเล่นจนพังกลายเป็นแค่ขยะที่ไร้ค่า แต่ถ้าผมยังไม่เขี่ยทิ้ง ใครก็ไม่มีสิทธิ์เก็บไปทั้งนั้น”
ณกูลกัดฟันกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดที่แขนปูดโปน ร่ำๆ อยากจะตะบันหน้าคนพูดเอาเลือดหัวออก แต่ถูกโปรดปรีดาฉุดรั้งบีบมือเอาไว้ก่อน เธอมองตาเขาเป็นเชิงขอร้อง เอ่ยด้วยสีหน้าสงบยิ่งว่า
“กายกลับไปก่อนนะ”
“แต่โปรด...”
“โปรดอยู่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง” เธอยิ้มบางๆ ให้เขาคลายใจ “แค่ยังรู้สึกเหนื่อยๆ อยากพักอีกสักหน่อย”
ณกูลสบแววตาที่แน่วแน่เด็ดเดี่ยวของหญิงสาวแล้ว ถึงไม่อยากจะถอย แต่ยิ่งไม่อยากสร้างปัญหาทำให้เธอลำบากใจมากกว่า โปรดปรีดาเพิ่งฟื้นขึ้นมา ไม่ควรได้รับแรงกดดันหรือความเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก เดี๋ยวจากที่เริ่มจะฟื้นตัวอาการจะพานแย่ลง
“ก็ได้ โปรดพักผ่อนเยอะๆ ไว้กายมาเยี่ยมใหม่” ชายหนุ่มมองคนเจ็บอย่างอาลัยอาวรณ์ ตวัดสายตามองเลยไปยังดนุวัศอย่างไม่พอใจ ก่อนจะจำใจจากไปตามที่โปรดปรีดาขอร้อง ทว่าช่วงที่เดินเฉียดไหล่ดนุวัศ อีกฝ่ายก็ยกมือขึ้นตบบ่าเขาหนักๆ หัวเราะเยาะ พูดเย้ยอย่างจงใจแสดงอำนาจทางสถานะที่เหนือกว่าของตนว่า
“เป็นแค่เพื่อนไม่ใช่ผัว ก็ได้แค่นี้แหละ กลับไปอย่าลืมซดน้ำใบบัวบกด้วยละ”
“ขับรถดีๆ นะกาย โปรดเป็นห่วง” โปรดปรีดาไม่ได้คิดจะท้าทายหรือประชดใคร เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะคนใกล้ชิดล้วนบาดเจ็บล้มตายจากอุบัติเหตุทางรถทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเอง
หญิงสาวยิ้มส่งเพื่อนสนิทที่หันมาพยักหน้ากับเธอ มองจนณกูลเดินลับสายตาออกจากห้องไปแล้ว จึงเอนกายนอนหันหน้าไปอีกทางที่ไม่ต้องปะทะกับสายตาของสามี รู้ทั้งรู้ว่าดนุวัศจงใจปั่นประสาทกัน แต่เธอเหนื่อยไม่อยากจะเล่นเกมกับเขาแล้ว
ทว่าท่าทีของเธอราวกับเป็นการยั่วยุคนช่างหาเรื่อง ยิ่งเธอเงียบมองเมินเหมือนไม่สนใจ ดนุวัศก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ก้าวพรวดเอื้อมมือมาคว้าหมับปลายคางเธอไว้ บังคับให้หันมาสบตากับเขา เลิกคิ้วพลางกระตุกยิ้มมองเธออย่างเย้ยหยัน
“ทำไม... โกรธเหรอที่ฉันไม่มาเยี่ยมเธอ”