บทที่ 4 ฆ่าฉันสิ 2

848 คำ
บรรยากาศที่มาคุเต็มไปด้วยหมอกควันแห่งโทสะพลันหยุดนิ่ง ราวกับเวลาหยุดเดินทำให้ทุกสิ่งรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหวกะทันหัน ลมหายใจของชายหนุ่มเองก็คล้ายจะติดขัด มีเพียงริมฝีปากที่เม้มสนิทกับแววตาวูบไหวที่สั่นสะท้อนความรู้สึกออกมา “เธอพูดบ้าอะไร!” เขาตวาดกร้าว สีหน้าเกรี้ยวกราด ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินโปรดปรีดาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่า เธอรักเขามากยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก แล้วทำไมถึงขอหย่าง่ายๆ ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้ จะเป็นจะตายถ้าขาดเขาหรอกหรือ... แค่พูดว่าจะ ‘ตัด’ ก็ตัดใจได้เลย? หึ...จริงสิ! เธอเป็นฆาตกรนี่นา ขนาดพี่สาวแท้ๆ ยังใจดำทำร้ายได้ลงคอ แล้วนับประสาอะไรกับเขาที่เป็นแค่คนอื่น ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ คงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึกอย่างโปรปรีดา “โปรดผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง อะไรที่เคยติดค้างพี่ก็ถือว่าได้ชดใช้ไปหมดแล้ว เราไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีกแล้ว ปลดปล่อยตัวพี่เองและตัวโปรดไปเถอะค่ะ เลิกยึดติดและจมปลักอยู่กับความเจ็บปวดสักที อยู่แบบนี้มีแต่จะทำให้เรายิ่งทุกข์กับทุกข์เปล่าๆ ต่างคนต่างไปมีชีวิตที่ดีกันเถอะ โปรดสัญญาว่าจะไม่มาวุ่นวายกับพี่อีก พี่เองก็จะไม่ต้องทนเห็นหน้าโปรดอีกต่อไป” สีหน้าดนุวัศเย็นชาสุดขีด มุมปากยกยิ้มคล้ายกำลังฟังเรื่องตลกสุดๆ ผิดกับความรุ่มร้อนในใจที่ยุ่งเหยิงเดือดพล่านจนแทบจะระเบิดออกมา บนหลังมือที่บีบคางเธออยู่มีเส้นเลือดผุดโปนเด่นชัด เพราะต้องเพียรข่มใจอย่างยากเย็นไม่ให้พลั้งเผลอบีบคอผู้หญิงอวดดีตายคามือ “อยากให้ฉันปล่อยเธอ? ฝันหวานมากไปแล้วมั้ง เธอฆ่าผู้หญิงที่ฉันรักที่สุด ฉันก็จะขังเธอเอาไว้ ทรมานเธอไปแบบนี้ทุกๆ วัน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ต้องทน จนกว่าเราจะตายจากกัน อย่าหวังเลยว่าชาตินี้เธอจะหนีฉันพ้น...โปรดปรีดา ต่อให้เธอตาย ฉันก็จะขังวิญญาณเธอเอาไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิด จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ” ไม่เพียงน้ำเสียงเยียบเย็นที่เค้นลอดไรฟันออกมาจะฟังดูน่าขนลุก แต่ดนุวัศยังเลื่อนมือบีบกระชับคอเรียวเล็กแน่นจนโปรดปรีดาหายใจไม่ออก สายตาดุดันดุจยมทูตจ้องมองเธออย่างคุกคามแกมข่มขวัญ น่าแปลกที่แววตาของเธอกลับไม่สะท้อนความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยสักนิด แม้แต่ความหวาดกลัว มันดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย “อยากฆ่าโปรดเหรอคะ เอาสิ...ลงมือเลย โปรดจะได้หลุดพ้นไปสักที” คนถูกท้ายิ่งกระชับมือแน่น เขาไม่เชื่อหรอกว่าโปรดปรีดาจะไม่กลัวตาย ลมหายใจของเธอค่อยๆ อ่อนระทวย ร่างกายปลกเปลี้ยดูอ่อนแอคามือแกร่ง ทั้งที่ใบหน้าขาวซีดจากความเจ็บป่วยและขาดอากาศ แต่โปรดปรีดาก็ยังคงยิ้มราวกับไม่หวั่นเกรงสิ่งใด แม้กระทั่งความตาย ดนุวัศมือสั่น หัวใจเต้นระส่ำสั่นสะท้านเจียนบ้า ไม่รู้ควรทำอย่างไรกับผู้หญิงอวดดีคนนี้ เขามองคนเป็นเมียอย่างหงุดหงิด กระชับปลายนิ้วบีบให้เธอแหงนหน้าขึ้นสบตาเขา โดยไม่ทันคิดก็ฉกริมฝีปากวูบลงมาทาบทับ กระแทกจูบหญิงสาวอย่างระบายอารมณ์ ขบกัดปากอิ่มจมเขี้ยวโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สอดลิ้นร้อนเข้ารุกราน บดขยี้จนชอกช้ำรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั้งปาก แต่โปรดปรีดากลับไม่ขยับ! เธอเอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง ไม่มีท่าทีจะขัดขืนแม้แต่น้อย ขนาดเขากดจูบกัดย้ำรอยแผลเดิมจนเลือดซึม ยังไม่ได้ยินเสียงเธอร้องออกมาสักแอะ สีหน้ายิ่งราบเรียบไร้ความรู้สึก ราวกับเขากำลังจูบก้อนหินหรือท่อนไม้อยู่ก็ไม่ปาน “ทำไมไม่ดิ้นล่ะ หรือว่าชอบโดนแรงๆ?” เขาตะคอกถาม มือที่บีบแน่นเริ่มคลายออกอย่างไม่รู้ตัว โปรดปรีดายิ้ม ริมฝีปากแตกระแหงเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลซิบๆ บาดตาคนมอง แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือสายตาเย้ยหยันที่เธอมองเขา “ทำไมไม่ทำต่อล่ะคะ หรือว่าเกิดกลัวขึ้นมา” พูดพลางกุมกระชับมือเขาให้ออกแรงบีบคอเธอแน่นขึ้นไปอีก “ถ้าโปรดตาย เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก” เห็นหญิงสาวหน้าเขียวหน้าเหลือง ไอโขยกอย่างรุนแรง ดนุวัศก็ตกใจรีบสะบัดมือออกเหมือนโดนของร้อนลวก แล้วยืนตีหน้าขรึมอยู่ข้างเตียง มองคนป่วยที่ท้าวแขนพยุงตัวขึ้นเอนนั่งอย่างอ่อนแรง เธอหัวเราะเบาๆ เอ่ยถ้อยคำแข็งกร้าวที่เสียดแทงหัวใจเขาสิ้นดี “ถ้าพี่ไม่ฆ่าโปรด ก็ปล่อยโปรดไปซะ ระหว่างเราเป็นแค่ ‘คนแปลกหน้า’ กันดีที่สุดแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม