ครึ่งเดือนต่อมา เจ้าของจวนก็ยังไม่กลับบ้านเลย คุณหนูสามก็มัวแต่ยุ่งกับอาการป่วยของฮูหยินใหญ่ นางจึงลืมหาที่อยู่ใหม่ให้สาวใช้ผู้นี้ และในจวนโหวก็ไม่เกิดปัญหาอันใดด้วย บ่าวไพร่ในจวนต่างก็ชอบใจที่มีสหายเพิ่มมากกว่า ที่สำคัญเจ้าหนุ่มหน้าตาดีผู้นี้ทำอาหารได้อร่อยเสียด้วย แม้แต่แม่ครัวประจำจวนยังไม่ยอมลงมือเอง รอให้ฮุ่ยอันมาจัดการแทนทุกรอบ
ยามโหย่ว [17:00 - 18:59]
ฮุ่ยอันเดินเลี่ยงออกมาทางประตูหลังจวนเช่นเคย นางมักจะมาขลุกอยู่ที่นี่หลังเสร็จงาน เพราะธรรมชาติเบื้องหน้ามันสะกดสายตาได้ดียิ่งนัก เสียงน้ำจากลำธารขนาดเล็กมันให้ความรู้สึกสงบจนบางครายังเผลอหลับไปก็มี
ทว่าช่วงหลังมานี้นางไม่ได้ทำเช่นนั้น ฮุ่ยอันกำลังศึกษาหาวิธีสร้างรายได้ให้ตนเอง ด้วยการทำกระดาษจากต้นไผ่ ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะสำฤทธิ์ผล
ยามนี้นางก็กำลังตรวจดูไผ่ที่แช่น้ำอยู่ว่ามันเปื่อยยุ่ยพอดีหรือยัง ทว่าเสียงหนึ่งกลับดึงความสนใจให้นางต้องหันไปดู
“อย่าให้มันหนีรอดไปได้” เสียงตะโกนดังเข้ามาใกล้ทุกที ต่อมาก็ปรากฏร่างโชกเลือดของใครบางคน กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งโซเซตรงเข้ามาหานาง ด้านหลังก็มีคนถือดาบอีกสามคนไล่ตาม
“ไล่ฆ่ากันหรือ ไม่ได้การ คนดีเช่นข้าต้องช่วย” เอ่ยพร้อมกับดึงหนังสติ๊กที่เหน็บอยู่ช่วงเอวออกมา มันคืออาวุธที่อยู่ในกระเป๋าเป้ตอนหลุดเข้ามายุคนี้ และยังมีอย่างอื่นด้วย ส่วนก้อนแป้งที่นางใช้ยิงนั้นพึ่งทำขึ้นมา เมื่อกระทบของแข็งมันจะแตกกระจาย พอคนผู้นั้นสูดดมเข้าไปก็จะหมดสติทันที
“พี่ชายมาหลบด้านหลังข้า” บอกอีกฝ่ายด้วยท่าทางองอาจ ก่อนจะพุ่งสวนออกไปยืนขวางคนตัวโตเอาไว้
จากนั้นก็ยิงก้อนแป้งออกไปใส่ทั้งสามคน ยังมาซึ่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันของพวกมัน ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างของชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ทรุดลงกองกับพื้น ราวกับว่ามันหลับไปกลางอากาศเสียอย่างนั้น หญิงสาวจึงเผยยิ้มชอบใจ
“ชิ! ให้รู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร” เอ่ยเยาะอีกฝ่ายทันที ก่อนจะหันมาหาคนที่หนีตายเมื่อครู่ ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นกลับเดินโซเซตรงไปยังกำแพงจวนแทนที่จะหยุด
“นี่พี่ชายเข้าไปไม่ได้นะ นี่มันจวนท่านโหว” ฮุ่ยอันรีบตรงเข้ามาขวางอีกฝ่ายไว้ ทำให้รู้ว่าเขาอาการสาหัสมาก ทว่าอาภรณ์ที่เขาสวมใส่มันก็ทำให้นางเริ่มฉุกคิด มีผ้าคลุมหน้าและใส่ชุดดำ ‘เอ๊ะ! หรือว่าเขาจะเป็นโจร งั้นสามคนนั้นก็เป็นคนของทางการน่ะสิ ใช่ ต้องใช่แน่ๆ แย่ล่ะซวยแล้วฮุ่ยอัน’ นึกในใจพร้อมกับตั้งท่าจะถอยหลังออกมา ทว่ามือเรียวที่ชุ่มด้วยน้ำเหลวสีแดงกลับรั้งแขนนางเอาไว้เสียก่อน
“ช่วยข้า ข้าจะให้เงินเจ้าห้าสิบตำลึง” คนเจ็บพยายามเอ่ย เพราะยามนี้สติเขามันเริ่มพร่าเลือนแล้ว
ดวงตาสวยโตเท่าไข่หานทันที 'ห้าสิบตำลึงหรือ’ นึกในใจตามคำพูดอีกฝ่าย ทว่าเงินแค่นี้มันจะพอกับการแลกโทษทัณฐ์ที่ตนอาจจะได้รับในวันหน้าหรือ ช่วยคนร้ายติดคุกหัวโตเลยนะนั่น ‘ไม่ได้ ๆ แกอย่าเห็นแก่เงินนะฮุ่ยอัน’ ท้วงตนเองทันที ‘ไม่สิ ถ้าเราช่วยเขา เราก็จะมีเงินเก็บนะ’ อีกใจก็ค้านเพราะเงินห้าสิบตำลึงมันก็มากอยู่ หากได้เงินนี้มาตนอาจออกไปอยู่ที่อื่นได้
ทว่ายังไม่ทันได้คิดอะไรมาก อีกฝ่ายก็เซลงมาซบไหล่นางเสียแล้ว ดีที่ยังพอมีสติอยู่บ้าง ฮุ่ยอันจึงรีบต่อรองกับเขา
“นี่พี่ชาย ข้าช่วยท่านก็ได้ แต่ต้องจ่ายเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยตำลึงนะ เพราะข้าก็เสี่ยงที่ต้องพาท่านเข้าจวน ที่สำคัญช่วงรักษา พี่ชายห้ามออกจากห้องเด็ดขาดรู้หรือไม่”
“ได้ รีบพาข้าไปเถิด” เอ่ยบอกเสียงอู้อี้ที่คอ ทำเอาคนตัวเล็กกว่าถึงกับหดหนีทันที ก่อนจะตั้งสติพยุงเขาตรงไปที่จวน
ดีที่ผู้คนเริ่มเข้าเรือนนอนกันแล้ว และห้องพักของฮุ่ยอันก็อยู่หลังสุดด้วย จึงเข้ามาโดยไม่มีใครเห็น
“พี่รอประเดี๋ยวนะ ข้าขอไปเอาอุปกรณ์ก่อน” ประคองอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียง ทว่าคนเจ็บนั้นไร้เรี่ยวแรงจะพยุงตัวแล้ว ชายชุดดำจึงทิ้งตัวลงนอนแผ่หรามันทั้งอย่างนั้น “เฮ้! อย่าตายนะพี่ชาย มีสติหน่อย” ฮุ่ยอันรีบก้าวกลับมายังเตียง นางวางกระเป๋าสะพายลง ก่อนจะจับอีกฝ่ายถอดอาภรณ์ด้านบนออก
ดวงตาสวยกะพริบถี่เมื่อเห็นมัดกล้ามของเขา ลำคอสวยกลายเป็นระลอกคลื่นทันที “นี่สินะเขาเรียกลูกรักพระเจ้า” แอบลอบยิ้มชอบใจกับลอนท้องของอีกฝ่าย เพราะบาดแผลที่ถูกแทงมันอยู่ใต้สะดือ สายตาฮุ่ยอันจึงวอกแวกอยู่ตรงแพขนไม่ไปไหน
ดีที่คนเจ็บนั้นหมดสติไปแล้ว เลยไม่เห็นว่านางใช้สายตาโลมเลียเขาเพียงใด กว่าจะทำแผลเสร็จนางก็ลูบคลำจนอีกฝ่ายศึกหลอหมดแล้ว “ถือว่าแถมค่ารักษาให้ข้าก็แล้วกันนะพี่ชาย”
ผ่านไปหนึ่งวันคนเจ็บก็ยังไม่ได้สติ ส่วนฮุ่ยอันก็ยังทำงานตามปกติ เพียงแต่เสร็จสิ้นหน้าที่แล้วนางไม่ได้ออกไปที่ลำธารเช่นเคย นางเกรงว่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงจะฟื้นขึ้นมาแล้วออกไปเดินเพ่นพ่านด้านนอกให้ผู้คนจับได้
ยามซวี [19:00 – 20:59]
เสียงไอแหบพร่าดังขึ้น ทำให้คนที่กำลังนั่งประดิษฐ์บางอย่างอยู่ต้องเงยหน้าหันไปมอง ก่อนจะรีบลุกมาหาคนเจ็บ ที่เอาแต่มองเส้นสีเหลืองที่ห้อยระย้าลงมาจากด้านบน
“อย่าขยับ สิ่งนี้มีไว้ช่วยรักษาร่างกาย มันช่วยให้พี่แข็งแรงเร็วขึ้น ไม่มีอันตราย” เผยยิ้มมุมปากให้เขา ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ เพื่อเอายาและอาหารมาให้เขากิน
“ขอบใจที่ช่วยข้า” เขามองหน้านางอย่างพินิจ
“ไม่เป็นไร ยังไงพี่ชายก็อย่าลืมคำพูดที่เอ่ยกับข้าก็แล้วกัน” ยังมิวายเตือนสติเขา ถึงเรื่องเงินที่ได้ต่อรองกันไว้
“ข้าจำได้ หายดีเมื่อไหร่หนึ่งร้อยตำลึงจะเป็นของเจ้าแน่ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนหรือ ใช่จวนโหวหรือไม่” แม้จะจำได้ลาง ๆ ว่าตนถูกประคองมุ่งหน้าเข้าจวนโหว ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะตนอาจถูกพามาที่อื่นก็เป็นได้ เจ้าหนุ่มนี่เขาก็ไม่คุ้นหน้าเลย จะว่าเป็นคนของจวนโหวก็ไม่น่าใช่
“ใช่ ที่นี่คือจวนหวังอวี้โหว รู้แล้วก็ทำตัวดีดีล่ะต้องเชื่อฟังข้านะรู้หรือไม่ หากถูกจับได้มีหวังตายคู่แน่” กำชับเขาเสียงหนัก ผู้ที่นอนอยู่จึงยกมุมปากขึ้น ทว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้เห็นมันหรอก เพราะผ้าบนหน้าเขายังอยู่ในสภาพเดิม
“เอาล่ะ กินข้าวก่อนจะได้กินยา” ขยับมาประคองเขาให้นั่งพิงหัวเตียง ซึ่งมันค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายตัวโตกว่ามาก เทียบความสูงฮุ่ยอันก็แค่ไหล่ ดีที่นางหน้าเด็ก เขาจึงคิดว่าเจ้าหนุ่มนี่คงอายุแค่สิบห้าสิบหกเท่านั้น
“เจ้ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ ไยเจ้าถึงกล้าพาคนนอกเข้าจวน” เริ่มตั้งคำถามกับเด็กหนุ่มหน้าขาว
คิ้วสวยผูกกันเป็นปมทันที “เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับพี่ รีบรักษาตัวเองให้หายแล้วออกไปจากที่นี่ดีกว่า หากท่านโหวกลับมา พี่และข้าอาจไม่รอด” เอ่ยเรื่องนี้แล้วแววตาสวยก็หม่นลง เพราะเกรงจะถูกจับได้ขึ้นมา สามคนที่ตามล่าเขามันคงไม่รามือง่าย ๆ แน่ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาเป็นคนร้ายล่ะ ทางการก็ต้องมาตรวจค้นจวนโหวน่ะสิ
‘ฮุ่ยอันนะฮุ่ยอัน ทำไมเธอลืมข้อนี้ไปได้ เห็นแก่เงินจริง ๆ’ ตำหนิตนเองในใจ ทว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดหรอกที่ทำให้นางช่วยเขา เห็นคนจะตายต่อหน้าจะไม่ช่วยเลยก็ดูจะใจดำเกินไป
“รีบกินข้าวเถอะจะได้กินยา นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าง่วง” เอ่ยจบก็ยื่นชามข้าวให้เขา อีกฝ่ายก็รับมาอย่างเสียไม่ได้ เพราะเจ้าเด็กหนุ่มหน้าขาวลุกเดินหนีไปนั่งที่เดิมแล้ว
คนเจ็บจึงต้องช่วยเหลือตนเอง แม้ร่างกายจะขยับไม่ค่อยได้ก็เถอะ เพราะบาดแผลตรงท้องมันตึงจนทำให้ทำสิ่งใดก็ไม่ถนัด พอเปิดผ้าออกดูก็ถึงกับเป็นงง เพราะรอยแผลมันถูกเย็บปิดอย่างดี หากจะว่าไปมันดูเหมือนรอยชุนผ้าก็ว่าได้
“นี่เจ้าทำอะไรกับแผลข้าหรือ”
#ลูกเราต้องรีบหาทุน อาจจะหน้าเงินไปนิด ขอแม่ ๆ โปรดเข้าใจ 55