เอาเป็นว่าเขาจะยังไม่อนุมัติ รอให้เธอเล่นตัวเสียให้พอก่อน ซมซานกลับมาของานทำเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน งานเดี๋ยวนี้หายากจะตายไป แถมเงินเดือนที่มารดาของเขาอนุมัติให้เธอก็เยอะมากพอสมควร เธอจะหางานสบายที่เงินเดือนสูงแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก
ครามกลับไปนอนบ้าน เขาอยากรู้ว่ามารดาจะพูดกับเขาว่าอย่างไร แต่สิ่งที่มารดาทักทายเขาคือคำพูดทั่วไปแล้วท่านก็ขอตัวออกไปงานการกุศล สิ่งนั้นทำให้ชายหนุ่มแปลกใจไม่น้อย
สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดคือจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเพียงดาราตลอดอาทิตย์
เธอจะฟันเขาแล้วทิ้งใช่ไหม!!!
ไม่มีทางเสียหรอก!!!
“คุณแม่ครับ เลขาที่คุณแม่หาให้ผม เธอชิงลาออกไปแล้วนะครับ”
ในที่สุดคนที่อดรนทนไม่ไหวเป็นครามนั่นเอง เขาพูดกับมารดาในเช้าวันใหม่ขณะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน
“ตายแล้ว!!!”
คุณครีมสุดาอุทาน ครามเงยหน้ามองมารดาก่อนจะพูดต่อ เขาคาดเอาไว้แล้วเชียวว่าท่านต้องทำเป็นไม่รู้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ
“เสียใจด้วยนะครับที่แผนการของคุณแม่ล่มไม่เป็นท่า ผู้หญิงคนนั้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ พอทำงานเหนื่อยหน่อยก็ชิงลาออกไปซะก่อน”
“แผนการอะไร”
คนถามทำหน้างุนงง ครามยกยิ้มมุมปากคล้ายรู้ทันมารดา
“ก็แผนการจับคู่ไงครับ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ทันคุณแม่นะครับ”
“แผนการบ้าบออะไรของแก แม่ไม่เห็นรู้เรื่อง ที่แม่ให้เขามาทำงานกับเราเพราะบ้านเขาเป็นหนี้เราอยู่ แกเองก็ขาดเลขาเพราะคนก่อนลาคลอดไม่ใช่เหรอ แม่เขาน่ะเพื่อนเก่าแม่ แม่ก็เลยอยากช่วย จนๆ แบบนั้นใครจะเอามาเป็นลูกสะใภ้กัน ลูกสะใภ้ของแม่ต้องสมน้ำนมเนื้อฐานะเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ผู้หญิงจนๆ เป็นหนี้ท่วมหัวแบบนั้น”
“คุณแม่ว่าอะไรนะครับ!!!”
คราวนี้คนที่ทำน้ำเสียงตกใจกลายเป็นครามแทนเมื่อเขาได้ยินประโยคนั้นของมารดา
“ต้องไปตามตัวกลับมาทำงานให้ได้ ไม่อย่างนั้นเงินของแม่สูญแน่ๆ เลย”
“ครอบครัวเธอเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ครับ”
ครามเอ่ยถามอย่างสนใจ คุณครีมสุดาเดินไปหยิบสัญญาเงินกู้มาให้บุตรชายดู ครามนั่งดูอย่างใช้ความคิด
“งั้นเดี๋ยวผมจัดการทวงหนี้ให้คุณแม่เองนะครับ”
“ทวงยังไงก็ไม่มีปัญญาจ่ายหรอก เอามาทำงานใช้หนี้ดีที่สุด แม่ทวงแล้ว ทวงจนปากเปียกปากแฉะแล้ว แม่ก็เห็นใจว่าเคยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นมนานเก่าก่อน แต่มีหนี้ก็ต้องจ่าย แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ”
ครามได้ยินมารดาบ่นอย่างไม่พอใจก็เงียบเสียงนั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างคนเดียวเงียบๆ
ชายหนุ่มถึงบริษัทก็เรียกฝ่ายบุคคลมาพบ ก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายโทรไปตามเพียงดารากลับมาทำงาน แต่พอฝ่ายบุคคลโทรไปแล้วกลับได้รับคำตอบที่ทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อย
“คุณเพียงดาราเธอตอบปฏิเสธค่ะท่านประธาน”
“งั้นเอาเบอร์โทรศัพท์ของเธอมาให้ผม”
ครามได้เบอร์โทรศัพท์มาก็รีบโทรหาเธอทันที ปลายสายตอบกลับมาอย่างสุภาพเมื่อรอสายเพียงไม่นาน
“สวัสดีค่ะ โทรจากไหนคะ”
เพราะปลายสายเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย เธอเลยถามกลับไปแบบนั้น
“ผมเอง”
คำว่าผมเองทำให้เพียงดาราขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ผมไหนคะ”
เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง
“ผัวคุณน่ะ”
ปลายสายที่ตอบกลบมาทำเอาเพียงดาราถึงกับอึ้งไป ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะแดงซ่านลามไปถึงใบหู
เสียงปลายสายที่เงียบไปทำเอาครามรีบพูดออกไปเพราะกลัวเธอจะชิงวางสายใส่เขา
“ทำไมไม่มาทำงาน คุณเป็นหนี้ผมอยู่นะ”
คำว่าหนี้ทำให้เพียงดาราเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย
ครามมองโทรศัพท์เครื่องหรูของตัวเอง เธอยังไม่วางสายแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรกับเขาทำให้เขาหัวเสียไม่น้อย
“คิดจะหนีหนี้หรือไงคุณ ถ้าพรุ่งนี้คุณยังไม่กลับมาทำงานอีก ผมจะยึดบ้านของคุณซะ”
“แต่ฉันยื่นใบลาออกไปแล้วนะคะ”
“ผมยังไม่ได้เซ็นอนุมัติ คุณคิดว่าเจ้าหนี้คนไหนจะเซ็นใบลาออกให้ลูกหนี้ที่ไม่มีเงินใช้หนี้จนต้องให้มาใช้แรงงานแลกเงินบ้างล่ะ ลูกหนี้เดี๋ยวนี้นิสัยเหมือนกันหมด ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย”
“ค่ะ ฉันจะไปทำงาน แต่ขอไปทำแผนกอื่นได้ไหมคะ”
เธอต่อรอง ไม่อยากจะประจันหน้ากับเขานักหรอก เขาเป็นผู้ชายคงไม่ได้คิดอะไร แต่เธอนี่สิเป็นผู้หญิง เธอค่อนข้างคิดมากอยู่นะ
“ทำไม”
คำถามของเขาคือประโยคง่ายๆ แต่มันทำให้เธอพูดไม่ออก
“ฉันกลัวจะทำหน้าที่ได้ไม่ดีน่ะค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนั้นด้วย”
“แต่มันไม่มีตำแหน่งอื่นนี่คุณ”
“โอเคค่ะ”
เธอรับคำในที่สุดเพราะไม่มีทางเลือกอื่นใดแถมเธอยังหางานใหม่ทำยังไม่ได้
ครามนั่งเคาะนิ้วตัวเองไปมาบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ก่อนจะเผยยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าอยากให้พรุ่งนี้มาถึงไวๆ
เพียงดาราเงยหน้ามองตึกสูงตรงหน้าด้วยหัวใจเต้นแรงระคนเป็นกังวล เธอกลัวการเจอหน้ากเจ้าหน้าจอมโหดอย่างที่สุด แต่คนเรามีหนี้ก็ต้องชดใช้ และที่บ้านก็ยังมีอีกสองชีวิตให้เธอต้องดูแล เธอจึงต้องกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เธอมาถึงหน้าห้องทำงานท่านประธานก็พบแต่ความว่างเปล่า
โต๊ะทำงานของเธอหาย!!!
มมมันหายไปไหน???
“โต๊ะทำงานของคุณอยู่ในห้องทำงานของผม”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธอหันขวับไปมอง
“ฉันขอนั่งด้านนอกได้ไหมคะ”
“ทำไม”
เขาทำเสียงดุ เธอเองก็ไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ
“ฉันว่ามันสะดวกน่ะค่ะ”
“สะดวกคุณ แต่ไม่สะดวกผมเวลาเรียกใช้”
“เอ่อ...”
เธออึกอัก ขนาดอยู่หน้าห้องเธอยังกดดันเลยเวลาต้องทำงานกับเขา แล้วถ้าต้องนั่งอยู่ในห้องเดียวกันเธอจะอึดอัดขนาดไหน เขาชอบหาเรื่อง ชอบแขวะ ชอบแดกดันจะตายไป
“หรือคุณมีปัญหา ที่สำคัญมากๆ รู้ไหมทำไมผมถึงให้คุณย้ายไปนั่งทำงานในห้องกับผม”
“ไม่ทราบค่ะ”
“ผมสงสัยว่าคุณเป็นลูกหนี้ที่วางแผนจะหนียังไงล่ะ ดังนั้น... ผมไม่มีวันยอมแน่นอน ผมต้องคอยเฝ้าระวังพฤติกรรมของคุณ และคอยดูการทำงานของคุณว่าทำงานคุ้มกับรายได้ที่คุณจะได้รับไหม”
เพียงดาราได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่อึ้ง เธอนี่นะมีพฤติกรรมจะหลบหนีหนี้ เธอไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยสักครั้งเดียว
“ฉันไม่เคยคิดจะหลบหนีหนี้สินอะไรทั้งนั้นนะคะ”
“ใครก็พูดได้ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ในระยะนี้คุณต้องอยู่ในสายตาของผมอย่างใกล้ชิด”
“ค่ะ”
เธอรับคำเพราะไม่อยากจะเถียงอะไรกับเขาอีก เพียงดาราคิดว่าเธอจะตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด เขาจะได้ไม่พูดจาดูถูกอะไรเธออีก
“นี่คุณเพียง คุณพิมพ์งานผิดเยอะเลยนะ”
คนที่มายืนพูดอยู่เหนือศรีษะนำเอกสารที่เธอพิมพ์ผิดตกหล่นมาให้ดู
เพียงดาราเกร็งเมื่อเจ้านายมายืนค้ำหัวเธออยู่ แถมยังมีท่าทีคล้ายโอบกอดมาทั้งตัว เธอขยับตัวทำท่าจะหันขึ้นไปตอบเขาก็ก้มหน้าลงมาพอดิบพอดี
“อุ๊ย!” แก้มสาวถูกหอมเข้าเต็มๆ
“ผมเอางานมาให้คุณแก้ไม่ใช่ให้คุณยื่นแก้มมาให้ผมหอม”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันระวัง คุณก็ขยับออกไปหน่อยได้ไหมคะ” เธอพยายามจะหนีแต่หนีไม่พ้น
“คุณพิมพ์งานผิดเยอะ”
เขาพูดย้ำ เพียงดาราอยากจะเถียงใจจะขาด เขาเล่นใช้งานเธอหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้น เธอก็เลยไม่มีสมาธิพิมพ์งานให้เขาน่ะสิ
เขาแกล้ง เธอรู้!!!
“เดี๋ยวฉันแก้ให้ค่ะ”
“ทำผิดเยอะแบบนี้หักเงินเดือนดีไหม”
เขาก้มลงมากระซิบ เพียงดาราขนลุกซู่ สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างแก้ม
เขาเห็นท่าทีเกร็งๆ กลัวๆ ของเธอก็ยกยิ้มมุมปาก
“ผมหิวแล้ว เราออกไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ฉันขอไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัทนะคะ”
“ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
เธอพยายามดึงมือหนีอุ้งมือใหญ่ที่รั้งให้เธอเดินตามออกจากห้องทำงาน
“ผมไม่อยากไปกินข้าวคนเดียว คุณต้องไปกินเป็นเพื่อนผม”
คำตอบของเขาทำให้เธออ้าปากค้าง ก่อนนะโดนลากหัวซุนออกไปจากที่ทำงาน เธอพยายามดึงมือหนีแต่เขาจับมือของเธอไปหนีบเอาไว้ใต้รักแร้ ลากไปที่รถจนสำเร็จ