หลังจากเปิดเรียนได้สองสัปดาห์แล้วทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่ พิชญาภาก็เลยรับงานเดินแบบซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เธอทำมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เพราะต้องการเงินแต่เพราะรู้สึกว่าการออกไปทำงานมันจะทำให้เธอได้เจอผู้คนมากมายมันดีกว่าการที่จะต้องเหงาอยู่คอนโดตามลำพัง
วันนี้เธอได้รับการติดต่อจากโมเดลลิงที่ตนเองสังกัดอยู่เพื่อไปเดินแบบให้กับงานประมูลเครื่องเพชรแห่งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้จะใช้นางแบบหน้าใหม่ทั้งหมดเพราะผู้จัดงานต้องการให้ผู้เข้าร่วมประมูลสนใจเพชรบนตัวนางแบบมากกว่าใบหน้าของนางแบบ
ด้านหลังเวทีค่อนข้างวุ่นวายช่างแต่งหน้าและช่างทำผมทำงานกันมือเป็นระวิง พิชญาภาที่มาถึงก่อนเป็นคนแรกๆ แต่งตัวเสร็จแล้วตอนนี้ก็แค่รอเวลาที่จะขึ้นเวทีเท่านั้น
เครื่องเพชรที่ทุกคนใส่วันนี้ราคาไม่สูงมาก ทุกชุดเริ่มประมูลที่ห้าหมื่นบาท ทางเจ้าของงานอยากเน้นปริมาณเพื่อให้แขกได้ประมูลกันอย่างทั่วถึงมากกว่าจะเน้นสร้อยที่ราคาสูง ยกเว้นก็แต่เครื่องเพชรที่สวมกับชุดฟินนาเล่ซึ่งเพื่อนนางแบบคนหนึ่งสวมอยู่เป็นชุดเครื่องเพชรที่มีมูลค่ารวมเกือบสิบล้าน
นางแบบหลายๆ คนตื่นเต้นที่ได้สวมเครื่องประดับสวยงามแต่สำหรับพิชญาภาแล้วหญิงสาวรู้สึกเฉยๆ เพราะเห็นเครื่องประดับพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก
เมื่อทุกคนแต่งหน้าทำผมและสวมเครื่องประดับเรียบร้อยแล้วออแกไนซ์ที่รับผิดชอบก็เข้ามาบรีฟงานให้กับนางแบบทุกคนฟังอีกครั้ง
“พี่ตื่นเต้นมากเลยพีชแล้วพีชล่ะตื่นเต้นไหม”
รุ่นพี่นางแบบหันมาถามพิชญาภา
“พีชก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะพี่ ปิดเทอมที่ผ่านมาไม่ได้รับงานเลยนี่ก็เป็นงานแรกในรอบสามเดือนเลยค่ะ”
“แล้วปิดเทอมน้องพีชไปล่ะคะ”
“พีชไปอยู่กับคุณยายที่ต่างจังหวัดค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ”
“พี่ก็รับงานเดินแบบเรื่อยๆ แต่การเดินแบบเครื่องเพชรนี่นานๆ ครั้งถึงจะมี ส่วนใหญ่เขาก็จะเรียกนางแบบที่มีชื่อเสียงกันทั้งนั้นแปลกนะที่ครั้งนี้เรียกโนเนมอย่างพวกเรา”
“พีชได้ยินมาว่าเขาอยากให้ทุกคนสนใจที่เครื่องเพชรค่ะเพราะถ้าใช้นางแบบที่มือชื่อเสียงคนก็จะไปมองหน้านางแบบกันหมด ก็เลยเลือกนางแบบโนเนมอย่างเรา เขาอยากชูให้เครื่องเพชรเด่นกว่าตัวคนสวมค่ะ”
“เงินที่ได้ครั้งนี้จะนำไปมอบให้กับหลายมูลนิธิเลยใช่ไหมพีช”
“ค่ะ พีชได้ยินมาเหมือนกัน”
“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมนะประจำที่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด มองไปข้างหน้าไม่ต้องสนใจสายตาของใครเชิดเข้าไว้อย่ายิ้ม” เสียงออแกไนซ์ตะโกนบอก
นางแบบเข้าประจำที่เมื่อพิธีกรประกาศชื่อสร้อยเพชรชุดแรกที่จะเริ่มประมูลเสียงตบมือก็ดังขึ้น
ใช้เวลาเดินแบบไม่นานแต่จะเสียเวลากับการประมูลค่อนข้างนานเพราะแต่ละคนก็อยากได้ชุดเครื่องเพชรอีกทั้งการประมูลในครั้งนี้ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับคนประมูลด้วย ชุดเครื่องเพชรที่พิชญาภาใส่ถูกประมูลไปโดยคุณหญิงท่านหนึ่งในราคาสองแสนห้าหมื่นบาททั้งที่ราคาชุดที่เธอสวมนั้นรวมๆ แล้วไม่น่าจะเกินหนึ่งแสนด้วยซ้ำแต่ก็อย่างว่าวิถีของคนมีเงินการทำบุญแบบนี้นอกจากจะได้ทำบุญแล้วก็ยังจะได้หน้าอีกด้วย
เมื่อชุดเครื่องเพชรของตนถูกประมูลแล้วนางแบบจะกลับเข้ามาหลังเวทีและถอดชุดเครื่องเพชรใส่กล่องเพื่อให้ทางผู้จัดงานนำไปมอบให้กับผู้ที่ประมูลได้
พิชญาภาเก็บเครื่องเพชรใส่กล่องและเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนกับเสื้อเชิ้ตตัวเก่ง และนั่งรอเพื่อนนางแบบคนอื่นเพราะหลังจากเสร็จงานทุกคนจะต้องคืนเครื่องเพชรให้กับคนจัดงานและต้องถูกตรวจสอบว่าไม่มีใครนำอะไรออกไปจากงาน
เครื่องเพชรชุดสุดท้ายประมูลเสร็จแล้วนางแบบก็เดินกลับเข้ามาเปลี่ยนชุด พิชญาภาเห็นว่าคงอีกนานกว่าทุกคนจะเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอเลยวางกระเป๋าของตัวเองและเดินไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเธอเดินกลับมานางแบบทุกคนก็กลับมายื่นพร้อมกันอยู่นั่นหลังเวทีแล้ว
“ขอบคุณทุกคนมากที่วันนี้ทำงานกันอย่างเต็มที่นะ เอาละเดี๋ยวรอเจ้าของงานมาเช็กชุดเครื่องเพชรอีกทีหนึ่งและพวกเราก็จะได้กลับไปพักผ่อนกัน”
เครื่องเพชรแต่ละกล่องถูกตรวจสอบโดยออแกไนซ์และผู้จัดงานอีกสามคนอย่างละเอียด เพราะนอกจากจะกลัวการสูญหายแล้วยังจะกลัวมีการสลับเพชรเป็นเพชรปลอมอีกด้วย
ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้เหลือแค่กล่องเครื่องเพชรอีกสองชุดที่จะต้องตรวจสอบเท่านั้นพิชญาภาหาวแล้วหาวอีกเพราะรู้สึกง่วงมาก เนื่องจากเมื่อคืนเธอตื่นเต้นกับการเดินแบบครั้งแรกในรอบสี่เดือนก็เลยนอนไม่หลับ
เจ้าของงานและหัวหน้าออแกไนซ์เปิดเครื่องเพชรกล่องสุดท้าย แล้วก็มีสีหน้าตกใจ
“ต่างหูหายไปข้างหนึ่ง”
“อะไรนะคะ” นางแบบทั้งยี่สิบคนคนตกใจที่ได้ยินแบบนั้น
“ทุกคนอย่าเพิ่งออกไปไหนนะ การ์ดด้านนอกปิดประตูด้วยอย่าให้ใครเข้ามาในนี้และอยากให้ใครออกไป” ออแกไนซ์สั่งเสียงดังลั่นห้อง
“ใครเป็นคนสวมเครื่องเพชรชุดนี้” พี่เปรี้ยวถามนางแบบ
“เนยเป็นคนใส่เครื่องเพชรชุดนี้เองค่ะ ตอนเดินกลับเข้ามาหลังเวทีแล้วเก็บลงกล่องมันก็ยังอยู่ครบนะคะ”
“แล้วเธอได้เฝ้ากล่องไว้ตลอดไหม”
“เนยเอากล่องวางไว้ จากนั้นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดค่ะ”
“แล้วคุณอื่นๆ มีใครเข้ามาใกล้กล่องเพชรเครื่องนี้หรือเปล่า”
“ไม่นะคะ” นางแบบแต่ละคนรวมถึงพิชญาภารีบปฏิเสธเพราะต่างก็ยุ่งกับการเปลี่ยนชุดของตัวเอง
“พวกเรากลับมาจากหน้าเวทีก็ถอดเครื่องเพชรเก็บจากนั้นก็เปลี่ยนชุดกันค่ะ ถ้าจะมีใครสักคนเอาไปก็น่าจะเป็นคนที่เดินแบบเสร็จคนเล็กแรกๆ และเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วหรือเปล่า”
“พูดอย่างนี้มันก็ไม่ถูกนะจะมาปรักปรำคนที่เดินแบบเสร็จคนแรกๆ ได้ยังไง” หญิงสาวที่เดินคนแรกโวยวาย
ถ้าไม่ได้เอาไปจะกลัวทำไมล่ะ พี่เปรี้ยวคะหนูว่าลองเอากระเป๋ามาค้นเลยดีไหมคะ”
“ถ้าจะค้นก็ต้องค้นของทุกคนสิจะมาค้นของฉันคนเดียวได้ยังไง”
“เอาล่ะ อย่าเถียงกันเลยพี่ว่าเอากระเป๋าของทุกคนมากองรวมกันเดี๋ยวพี่จะให้เจ้าของงานตรวจกระเป๋าของทุกคนเอง”