หญิงสาวผู้มีนามว่า ‘คีร่า’ ถอดถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเหนื่อยหน่าย ขนมไทยที่เธออุตส่าห์ตื่นเช้าขึ้นมาทำเพื่อนำไปขายที่ตลาดกลับเละไม่เป็นท่าเนื่องจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ขนมไทยของคีร่าเทกระจาดอยู่เต็มพื้นถนน ในขณะที่เธอเองก็ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นถนนไม่ต่าง ความเจ็บร้าวทำคีร่าเบ้หน้า พลันนึกถึงหมาที่วิ่งตัดหน้ารถเป็นเหตุให้คีร่าหักพวงมาลัยหลบจนเกิดอุบัติเหตุรถล้มก็สอดส่องสายตามองหาเพื่อต้องการแน่ใจว่า จังหวะที่คีร่าหักพวงมาลัยหลบไม่ได้ชนเข้ากับมัน
เห็นหมาปลอดภัย คีร่าก็รู้สึกโล่งอก พลันใบหน้าสวยของคีร่าสลดลงมองกองขนมด้วยความรู้สึกวูบโหวงแปลก ๆ
“สูญเปล่าสินะ” รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้า น้ำตาคลอเบ้าเสียดื้อ ๆ มันอดรู้สึกแย่ไม่ได้เลยจริง ๆ เมื่อขนมที่เธอทำไปขายหวังนำเงินมาประทังชีวิตเละเทะไม่มีชิ้นดี ขาดรายได้ไปอีกหนึ่งวัน แถมยังขาดทุนยับ ๆ อีกด้วย
ช่างเป็นวันที่โคตรซวย
คีร่ามองเศษเหรียญที่ติดกระเป๋าอยู่ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเหี่ยวเฉา อาหารของวันนี้คงหนีไม่พ้นมาม่าอีกแล้วสินะ
กินจนหน้าเธอจะเป็นเส้นมาม่าอยู่แล้ว
ไม่มีทางเลือกและไม่มีทางให้เลือกต่อ คีร่าจำใจก้มเก็บถาดขนมที่เกลื่อนพื้นขึ้นมาใส่รถขับตรงมายังบ้านหลังเก่า ๆ ของเธอที่พ่อและแม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตายจาก
‘คีร่า’ หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี อยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังเก่า ๆ เป็นมรดกเพียงชิ้นเดียวที่บิดาและมารดาทิ้งไว้ให้ก่อนตาย หญิงสาวอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เพียงลำพังมานานถึงห้าปีแล้ว ไม่มีญาติ ไม่มีพี่น้องให้พึ่งพา อาศัยวิชาทำขนมที่แม่ทิ้งไว้ให้หาเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอดไปวัน ๆ
หากถามว่าความจนสำหรับคีร่าน่ากลัวมากขนาดไหน คีร่าตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าน่ากลัวมาก หากเลือกได้คีร่าก็อยากมีชีวิตที่สุขสบายบ้างเหมือนกัน
อยากลองเป็นคุณนาย นั่งกินนอนกินบ้างสักครั้ง ทว่าบุญวาสนาของเธอคงไม่มีวันนั้น สำหรับคีร่าคงเป็นได้แค่แม่ค้าขายขนมงก ๆ ไปวัน ๆ รายได้ขั้นต่ำต่อวันหักต้นทุน เหลือกำไรแค่ร้อยห้าสิบ
“เฮ้อ” เมื่อไหร่จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวพาเธอออกจากความยากลำบาก ทุกวันนี้คีร่าเจอแต่เจ้าชายคางคกจ้องหลอกฟัน
ชีวิตของเธอนั่นช่างน่าอนาถจริง ๆ