4 ผลตรวจจากที่ตรวจครรภ์

1068 คำ
ภายในคฤหาสน์หรูย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร 'เหมันต์' มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งไทยฮ่องกงนั่งทอดกายลงบนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ในห้องทำงานส่วนตัว เขาวางขาข้างหนึ่งพาดทับอีกข้างเพื่อผ่อนคลาย ฝ่ามือหนาหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกขึ้นมาเปิดดู ภายในแฟ้มเต็มไปด้วยรายงานผลประกอบการของธุรกิจต่าง ๆ ที่เขาถือหุ้นอยู่ โดยเฉพาะธุรกิจหลักอย่างคาสิโนชื่อดังในฮ่องกง ธุรกิจค้าอาวุธปืนหรือธุรกิจใต้ดินที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้ “ผลประกอบการคาสิโนเดือนนี้ถือว่าเป็นไปด้วยดีครับ” โจ บอดี้การ์ดคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างรายงานผลให้เจ้านายตัวเองได้รับรู้ “รวมถึงการค้าขายอาวุธล็อตล่าสุดที่ทำกำไรเกินเป้าไปสิบห้าเปอร์เซ็นต์ครับ” เหมันต์เหลือบตามองแฟ้มในมือแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ริมฝีปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ป่านนี้ไอ้พี่ชายที่ไม่เอาไหนของกู คงโดนป๊าด่าแล้วมั้ง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะปิดแฟ้มลง “ได้ข่าวว่าธุรกิจคาสิโนกับโรงแรมที่มันดูแลขาดทุนยับเยินแทบทุกเดือน” “ผมก็คิดเช่นนั้นครับ คุณเคนไม่มีหัวเรื่องการบริหารเหมือนคุณเหมันต์ นายใหญ่ควรจะให้ไปทำงานอื่นที่เหมาะกว่าธุรกิจ” “ช่างแม่งเหอะ ปล่อยให้แม่งดันทุรังบริหารต่อไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้ซึ้งกันเอง” “ผมเห็นด้วยครับคุณเหมันต์” “ว่าแต่ไอ้พวกที่มาเล่นพนันแล้วติดหนี้เรา ตามเก็บได้ครบทุกคนหรือยัง” “บางส่วนครับ” โจตอบทันที “แต่ตอนนี้มีอยู่คนหนึ่งค้างหนี้เราห้าล้านบาท” “มันเป็นนักธุรกิจหรือเปล่า” มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งชะงักเล็กน้อย เขาเคยกำชับพวกลูกน้องแล้วว่าอย่าให้คนที่ไม่ใช่นักธุรกิจหรือพวกไม่มีเครดิตยืมเงินถึงเจ็ดหลักเพราะโอกาสการไม่ได้เงินคืนนั้นมีสูงมาก “เปล่าครับ มันไม่ใช่นักธุรกิจ” โจส่ายหน้า “มันชื่อวิทูร ดูเหมือนจะเป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำ ก่อนหน้านี้มันเอาทองแท่งมาค้ำไว้ ผู้จัดการคาสิโนเห็นว่าไม่น่าเสียหายก็เลยให้มันกู้เงินไป อีกเรื่องได้ยินมาว่าไอ้วิทูรมันยังไปยืมเงินพี่ชายคุณอีกนะครับ ถ้ามันไม่มีเงินมาคืน ผมว่าคุณเคนเอามันตายแน่” “ก็ไปทวงมันก่อนที่ไอ้เคนจะมาเอาตัวมันไปสิ สภาพอย่างมันจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนให้กูกับพี่ชายกูให้ครบ!” “ได้ครับนาย” “อีกเรื่อง ถ้ามันหาข้ออ้างไม่ยอมจ่ายมึงก็ไปลากคอมันมาให้กู” “ครับคุณเหมันต์” หนึ่งเดือนต่อมา ค่ำคืนนี้ญาดายังคงทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์เช่นเคย โชคดีที่เธอมีฝีมือพอตัวทำให้ลูกค้าหลายคนชื่นชอบที่เธอชงเหล้าเก่ง แถมยังพูดจาน่ารักจึงได้ทิปพอประมาณ เงินพวกนั้นจึงกลายมาเป็นค่าเทอมสำหรับภาคเรียนสุดท้ายที่เธอกำลังใกล้จะเรียนจบ @มหาวิทยาลัย หลังจากเรียนคลาสใหญ่เสร็จในช่วงกลางวัน ญาดารู้สึกเวียนหัว เธอรีบลุกจากเก้าอี้เดินไปยังห้องน้ำ และอาเจียนไม่หยุด ‘คติยา’ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในคณะรีบวิ่งตามมาพร้อมนำน้ำเย็นหนึ่งขวดมาให้ “ญาดา แกโอเคไหม” “ฉันโอเค สงสัยช่วงนี้ทำงานหนักไปหน่อย” ญาดารับน้ำมาแล้วพยักหน้าขอบคุณเพื่อนสนิท ทว่าคติยาขมวดคิ้วมุ่นเพราะรู้สึกว่าไม่น่าใช่แค่เรื่องพักผ่อนน้อย มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น “ญาดา ฉันสังเกตมาหลายวันแล้วนะ พักนี้แกดูเหนื่อยผิดปกติ เวียนหัวแล้วอาเจียนบ่อยด้วย” “เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยก็อย่างนี้แหละแก” “ฉันพูดตามตรงนะอาการแกเหมือนคนท้อง ถามหน่อยสิประจำเดือนล่าสุดมาหรือยัง” คำถามนั้นทำให้ญาดานิ่งงันไปชั่วขณะ ความคิดทั้งหมดหยุดชะงัก นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้วรอบเดือนล่าสุดยังไม่มาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่เคยเอะใจเลยสักนิด เพราะเธอไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายคนไหน ยกเว้นแต่เพียงครั้งนั้นกับมาเฟียหนุ่มที่ชื่อ 'เหมันต์' แล้วก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวเพราะวันนั้นเธอดันลืมกินยาคุม “...อาจเป็นเพราะความเครียดมากกว่ามั้ง” ญาดาพยายามปลอบใจตัวเองว่าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น “เอาอย่างนี้เพื่อความสบายใจ แกต้องไปซื้อที่ตรวจครรภ์ จะได้รู้กันไปเลยว่าแกท้องหรือแค่ไม่สบายกันแน่” ถึงแม้จะลังเลอยู่พักใหญ่ แต่ญาดาก็พยักหน้ายอมทำตามที่เพื่อนสนิทบอก ไม่อย่างนั้นคติยาได้มาถามเธอเช้าสายบ่ายเย็นอีกแน่นอน ที่สำคัญญาดาเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีทางท้องแน่นอน ทว่าหลังจากที่ผลตรวจจากที่ตรวจครรภ์ปรากฏ ขีดสีแดงขึ้นมาสองขีดอย่างชัดเจน ญาดาถึงกับทรุดลงนั่งบนเก้าอี้หินหน้าตึกเรียน ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง “ญาดา...” คติยาเอ่ยเสียงเบา “ใครเป็นพ่อเด็กวะแก” “มะ...มาเฟีย” “มาเฟียไหน?” “อันที่จริง...ฉันเคยวันไนท์กับมาเฟียคนหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย” หญิงสาวก้มหน้าถอนหายใจ จะถามหาความรับผิดชอบจากคนแปลกหน้าที่ไม่มีวันเจอได้อย่างไร “ฉิบหายแล้วสิ” คติยาสบถ “แล้วจะแก้ปัญหายังไง จะเลี้ยงเด็กด้วยตัวคนเดียวเหรอมันไม่ง่ายเลยนะ ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะพ่อแกที่วัน ๆ เอาแต่สร้างปัญหาอีก” “ถึงฉันอาจจะไม่ได้มีพร้อมเหมือนคนอื่น แต่เด็กในท้องคนนี้คือเลือดเนื้อของฉัน มันอาจจะยากนะแต่ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเขาเด็ดขาด” “เออ เอาไงเอากันวะ ฉันอยู่ข้างแกนะ แกไม่มีใครก็ยังมีฉัน” คติยาเอื้อมมือมาวางบนบ่าเพื่อนสนิทเพื่อปลอบใจ ญาดาเงยหน้าขึ้นยิ้มทั้งน้ำตา อย่างน้อยตอนที่กำลังมีปัญหาเธอก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีอย่างคติยาคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม