Akira’s Pov
ปึก!
สะดุ้งเล็กน้องเมื่อหัวหนักๆ หล่นลงบนตักของตัวเองอย่างแรง เหลือบมองด้านแล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ เพราะคนเมาจนไม่สามารถตั้งคอให้ตรงได้มันคือนับดาวคนดีคนเดิมนั่นเอง
“กลับเลยไหม” ผมสะกิดที่ไหล่เล็กๆ ของนับดาว ก้มลงกระซิบที่ข้างหูให้มันได้ยิน ตอนนี้เราอยู่ในงานเลี้ยงอยู่ มันเลยเสียงดัง เธออาจจะไม่ค่อยได้ยิน
นับดาวพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหลับยกแขนขึ้นมาเกาะขาผมให้แน่นขึ้น ทำเหมือนกลัวว่าผมจะจากไปถ้าปล่อยมือ
“แป๊บ” พูดแล้วลูบหัวเธอเบาๆ ก่อนใช้เท้าสะกิดขาเวล เพื่อนผมเงยหน้าขึ้นจากจอ เลิกคิ้วถาม
“อะไร” พร้อมทำหน้าไม่ค่อยพอใจมากนัก
ไม่รู้จะติดเกมอะไรขนาดนั้น มางานเลี้ยงแท้ๆ มันยังไม่ยอมวางโทรศัพท์ลงเลย จะฝึกเล่นเพื่อไปแข่งอีสปอร์ตหรือก็ไม่ ขยันดีจริงๆ ในเรื่องที่ไม่ได้ประโยชน์เนี่ย
“กูจะพาไอ้ดาวกลับ ฝากมึงลาไอ้วินซ์ด้วย”
“ให้เรียกแท็กซี่ให้ไหม” เวลยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋า พอเห็นว่านับดาวเมาเริ่มไม่ได้สติแล้วจึงยื่นหน้าเข้ามาดูใกล้กว่าเดิม “หรือให้คนขับรถกูไปส่งก็ได้ บ้านไอ้ดาวไม่ได้ไกลอะไร”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเรียกเอง”
จริงอยู่ว่าบ้านนับดาวไม่ไกลจากที่นี่ และคืนนี้ผมก็ตั้งใจจะไปค้างบ้านมัน แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เพื่อนลำบาก รู้ว่าไอ้เวลเองก็คงกลับหลังพวกเราไม่นานหรอก
แก๊ง Introvert พวกผมเป็นเพื่อนกันก็จริงทว่าแต่ละคนกลับไม่ใช่พวกพูดมาก เราคบกันเพราะเราเหมือนกัน คบเอาสังคม คบแบบขอไปทีเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเราก็รักกันดี ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่ากับใครคนใดคนหนึ่ง ผม และเพื่อนๆ ก็พร้อมจะต่อสู้เคียงข้างไปพร้อมกับปัญหาด้วยกัน
“เออ งั้นก็ฝากมันด้วย อย่าให้มันไปไล่จูบผู้ชายที่ไหนล่ะ”
“อือ”
พูดจบก็จัดการแบกไอ้ตัวเล็กเบากว่ากระสอบนุ่นนิดหน่อยขึ้นบ่า นับดาวส่งเสียงครางท้วงเล็กน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนี้แค่จะอ้าปากพูดยังยาก
ใครให้มันกินเข้าไปเยอะขนาดนั้นก็ไม่รู้ รู้ว่าชอบของฟรี แต่มันน่านักเรื่องความโลภจนทำคนอื่นเดือดร้อนเนี่ย
“ไอ้ดาว มืออย่าซน!”
เพี๊ยะ!
ผมตบก้นเด้งๆ ของมันไปทีเพื่อเตือนสติ เพราะจู่ๆ ไอ้คนที่ผมแบกอยู่บนไหล่ก็เลิกชายเสื้อผมขึ้นแล้วลูบแถวๆ เอวเล่น
“อือ เจ็บ”
นับดาวส่งเสียงครางเบาๆ แต่ยังไม่ยอมหยุดมือลง ยังลูบเนื้อตัวผมไปทั่วจนขนลุกขนพองไปหมด
“ไอ้ดาว อย่าลูบ กูจั๊กจี้!”
เพี๊ยะ!
ฟาดลงไปที่ก้นมันอีกทีแรงๆ คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง ดิ้นไปมาบนบ่าผม
“เจ็บอ่า เจ็บ!” แล้วทุบกำปั้นสองสามทีลงที่แผ่นหลัง
“บอกแล้วว่าอย่าซน”
“…”
นับดาวเงียบไป หลังจากนั้นตัวที่เคยแข็งขืนก็อ่อนยวบลง ทิ้งน้ำหนักบนตัวผมอีกครั้ง
น่าจะหลับไปแล้วมั้ง
ผมแบกเธอมายังหน้าคลับ รอเรียกแท็กซี่ประมาณสองสามนาทีก็มีคนเข้ามาทักซะก่อน
“พะ พี่ พี่คินคะ”
เสียงหวานทำผมหันไปมองอย่างเสียไม่ได้ ไม่ใช่ว่ารู้สึกถูกใจน้ำเสียงขี้อ้อนนั่น แต่การถูกเรียกชื่อแล้วหันมันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย
ตรงหน้าคือสาวน้อยรูปร่างเล็ก ผิวขาวเหลือง ไว้ผมหน้าม้า เธอดูเป็นสาวหมวยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เสียงก็เข้ากับหน้ายกเว้นมีอย่างเดียวที่ขัดกับบุคลิกเธอนั่นคือทรวงอกอันใหญ่โตมโหฬารแทบจะแทกแขนที่ว่างของผม
“รู้จักกันเหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่จำเป็นต้องถนอมน้ำใจ ในชีวิตเจอพวกน่ารำคาญมากพอแล้ว ผมไม่ต้องการปัญหาเพิ่ม
เธอหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย แต่ก็ยังใจกล้าเงยหน้าขึ้นเผชิญกับผม
“คือว่าหนูเป็นรุ่นน้องของพี่ที่คณะ จำได้ไหมคะที่วันจันทร์ที่ผ่านมาไปสารภาพรักกับพี่”
“จำไม่ได้”
คำตอบสั้นๆ ทำสาวหมวยอกอึ๋มถึงกับอ้าปากค้าง เธอจ้องผมอยู่นานก่อนกระแอมหนึ่งครั้ง สูดหายใจเข้าปอดจนอกกระเพื่อมขึ้นเกือบชนแขนผมจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่อยากจะบอกพี่ว่าหนูจริงจังนะคะ ช่วยคบกับหนู…”
“ฉันมีแฟนแล้ว”
“ไม่มี พี่ไม่มีแฟน หนูรู้…” เธอเถียง เชิดใบหน้าขึ้นด้วยความมั่นใจ จังหวะนั้นเองยับตัวเล็กบนบ่าของผมก็ขยับยุกยิก รู้สึกตัวพอดี
“จะอ้วก ขอลงไปยืนหน่อย” พร้อมกับเสียงประท้วงและกำปั้นทุบเข้าที่หลังผมเต็มๆ
ผมยอมปล่อยนับดาวลงยืนด้วยตัวเองกับพื้น ยับตัวเล็กโงเงนเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาแขนผมไว้ กอดมันแน่นเพื่อยึดเป็นฐาน
“ฉันมีแฟนแล้ว” ผมหันไปย้ำกับน้องหมวยคนนั้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่านับดาวยืนได้มั่นคงแล้ว
ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยนะ ให้ตาย
ต้องปฏิเสธคำบอกรักสาวไปพร้อมๆ กับดูแลยัยเมรีตัวอ่อนปวกเปียกนี่ สมองผมสลับใช้งานไม่ทันแล้วนะ
“พี่ไม่มี” เธอย้ำอีกครั้ง “หนูไม่เคยเห็นพี่ควงใคร พี่ไม่เคยพาใครกลับคอนโดฯ”
“แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะไปค้างบ้านแฟนไม่ได้นี่”
“งั้นพี่ช่วยพิสูจน์ให้หนูดูสิคะ”
“เพื่อ?”
“เพื่อหนูจะได้ตัดใจ พาพี่สาวคนนั้นมาให้หนูเห็นหน้าสิ แล้วหนูจะยอมเลิกยุ่งกับพี่”
เหมือนเธอจะปักใจเชื่อว่าผมโกหกเลยให้ผมเอาแฟนมาให้ดู ไร้สาระเป็นบ้า แต่ผมคงจะไม่ปฏิเสธที่จะทำหรอก เพราะอย่างน้อยให้เธอได้ตัดใจไปหาคนอื่น และอีกอย่างผมจะได้เลิกมีคนตามมาสารภาพรักแบบนี้อีก
ถ้าจำไม่ผิด เธอคนนี้มาบอกรักผมสามสี่รอบได้แล้ว ซึ่งมันน่ารำคาญมาก
“เธอก็เห็นยัยนั่นอยู่ ไม่จำเป็นต้องพามา”
ขอโทษทีนะนับดาว ขอใช้แกเป็นไม้กันหมาสักวันหน่อย
บอกขอโทษนับดาวในใจ ก่อนจับตัวเล็กๆ ในยืนตรง ขยับมือไปโอบไหล่เล็กเข้าหา
นับดาวเงยหน้าขึ้นจากพื้น ส่งยิ้มกว้างให้กับสาวน้อยคนนั้นทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“หนูไม่เชื่อ พี่กับพี่นับดาวไม่ได้คบกัน”
“เราคบกัน คบแบบไม่ได้ประกาศให้ใครรู้” ผมย้ำเสียงแข็ง แต่ดูเหมือนเธอคนนั้นจะยังคงไม่เชื่อ “ไม่เชื่อเหรอ”
เธอส่ายหัวสองสามครั้งตอบกลับมา
เอาไงดีวะ
ถ้าเกิดว่าจะทำให้เธอตัดใจ บางอาจจะต้อง…
คิดได้ดังนั้นจึงก้มมองยัยตัวเล็กข้างกาย ผมอาจจะขอโทษเธอทีหลังเรื่องนี้ ไม่ก็พาไปกินไอศกรีมอร่อยๆ เจ้าดังเป็นค่าตอบแทน
“งั้นดูนี่”
พูดจบก็ดันนับดาวออกห่างเล็กน้อย ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เชยคางมนขึ้น เธอส่งยิ้มไร้เดียงสาให้ผม แล้วยกมือลูบใบหน้าผมเบาๆ สองที
“ทำไร…อุบ”
และก่อนที่จะได้พูดต่อ ผมก็ประกบริมฝีปากลงไปทีกลีบปากนุ่มของเธอแล้ว