“ฮาว…”
ปิดปากหาว บิดขี้เกียจไปมาในเช้าวันเสาร์สุดสดใส ค่อยๆ เดินงัวเงียตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรของตัวเองตามปกติเช่นทุกวัน แต่ยังไม่ทันได้ถึงจุดหมายดี ขาก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างแข็งๆ ที่พื้นเข้า
ปึก!
“อัก!”
บ้าอะไรวะเนี่ย!
ร่างทั้งร่างเสียการทรงตัว ฉันทรุดลงหน้าแทบทิ่มพื้น แต่โชคดีว่าไอ้สิ่งตัวเองสะดุดไปก่อนหน้าลุกขึ้นมาช่วยพยุงไว้เลยรอดไป
สัมผัสอบอุ่นในตอนแรกทำฉันรู้สึกอุ่นใจ แต่แวบต่อมาทำเอาหัวใจถึงกับเต้นระรัว เพราะฉันที่ใส่เพียงแค่ชุดนอนตัวบางกำลังนอนราบแนบเนื้อไปกับท่อนบนของผู้ชายที่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกปิด
“ลุกไปสักที หนัก!” เสียงนั้นทำฉันได้สติ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นคินที่ทำหน้าเบื่อโลกหลุบตามองต่ำอยู่
อุ้ย… มองมุมนี้แล้วนมคินใหญ่ดีจัง ใหญ่กว่าฉันอีกแหะ
“ไม่ต้องมามองหัวนมกู ลุกออกไปเดี๋ยวนี้ไอ้ดาว” คินย้ำอีกครั้งฉันถึงได้รีบกระเด้งตัวออกไปยืนอย่างรวดเร็ว
“ใครใช้ให้มึงถอดเสื้อแล้วเอาหน้ากูไปซุก ก็รู้ว่ากูหื่นกาม”
“หื่นกับใครก็ได้อย่ามาหื่นกับกู สยอง” คินลุกขึ้นทำท่าขนลุกขนพองใส่ฉัน
“สยองบ้าอะไร เมื่อคืนยังจูบกู ไอ้เลว!”
คิดถึงเรื่องเกิดขึ้นเมื่อคืนหน้าฉันพลันร้อนขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ถึงจะเมาจนแทบไร้สติ แต่อีดาวคนนี้ก็ความจำดี จำแม่นทุกเหตุการณ์
ฉันจะอ้วก จำได้ว่าขอลงจากบ่าคิน ตอนนั้นมีผู้หญิงมาสารภาพรักกับมันอีกแล้ว เป็นเธอคนเดิมที่เคยถูกปฏิเสธแล้วโมโหใส่ฉัน แล้วอยู่ๆ ไอ้เพื่อนตัวดีก็ดึงฉันเข้าไปจูบ ทีแรกนึกว่าฝัน จนกระทั่งมันเลยเถิดไปถึงขนาดไอ้บ้าคินสอดลิ้นเข้ามาในปากฉัน
แหวะ! คิดแล้วสยองเป็นบ้า
แต่ทำไมต้องใจเต้นระส่ำเป็นบ้าเป็นหลังตอนนึกถึงมันด้วยเนี่ย
“ก็กูไม่มีทางเลือก” คินหันไปมองทางอื่น แอบเห็นว่าหูมันแดงนิดหนึ่งด้วย
“ทางเลือกมึงมีเยอะแยะ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่จูบกู นี่ยังสยองไม่หายเลย แม่ง! คิดไงเอาลิ้นสอดเข้ามาในปาก…” เอามือปัดลิ้นตัวเอง ทำเหมือนขยะแขยงกับจูบนั้นสุดๆ ทั้งที่จริงๆ ฉันแอบตื่นเต้นกับมันมากกว่ารังเกียจ
“มึง…” คินหันมาเจอพอดี เขามีสีหน้าเศร้าเล็กน้อยตอนเห็นว่าฉันทำท่ายังไง “รังเกียจจูบกูขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“คิน มึงกับกูเป็นเพื่อนกันนะโว้ย มันไม่ควรมีเรื่องแบบนี้”
“เพื่อนกันจูบกันไม่ได้เหรอวะ”
อ้าวไอ้นี่ เพื่อนกันที่ไหนเขาจูบกัน
“เอาปากมึงเก็บไว้จูบกับแฟนเถอะ กูไม่ใช่แฟนมึง อย่ามาหาเศษหาเลย อีกอย่างถ้ามึงยังอยากอยู่เป็นเพื่อนกับกูนานๆ ก็ช่วยอย่าทำอะไรแบบนี้อีก” เพราะฉันหวั่นไหว คิดต่อในใจ
เป็นเพื่อนกันมาตั้งแปดปี นอนด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งยังไม่รู้สึกใจสั่นเท่าเมื่อคืนที่ไอ้เจ้าบ้าคินจูบอย่างดูดดื่มเลย
ฉันกลัวว่ามันจะเกินเลยไปมากกว่านี้ กลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติดแล้วอึดอัดตอนเจอกันเอา
“แต่กูโสด ไม่มีแฟน”
“ถึงบอกว่าอย่ามาหาเศษหาเลยกับกูไง”
“อือ…” คินเงียบไปก่อนพยักหน้าสองสามที “ขอโทษก็แล้วกัน ตอนนั้นสถานการณ์มันบีบบังคับ กูไม่รู้จะทำไงเลยเอามึงมากันหมาไว้ก่อน คราวหน้าจะระวัง”
“เออๆ” เลยพยักหน้าให้อภัยง่ายๆ ยังไงเราก็คบกันมานานแล้ว ครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรก จะโกรธก็ใช่เรื่อง “แล้วนี่มึงจะกลับบ้านเลยไหมกูจะได้ยืมรถพี่เดือนไปส่ง”
“กี่โมงแล้ววะ”
เหมือนสถานการณ์ระหว่างเราสองคนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว คินสวิตช์อารมณ์กลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง นั่นคือไอ้บ้าคินคนเก่า จากที่ทำหน้าเครียดใส่ฉันเมื่อก่อนหน้า
“สี่โมงเย็น วันนี้วันเกิดแม่มึงนี่”
“งั้นรบกวนหน่อยละกัน กูจะไปอาบน้ำรอที่ห้องข้างนอก”
“อือ”
แล้วเราสองก็แยกจากกันเลย ไม่มีใครพูดถึงจูบอีก
ฉันขับรถไปส่งคินที่บ้าน (อันที่จริงเรียกคฤหาสน์น่าจะถูก) ประมาณห้าโมงได้ ตอนนี้บ้านของพ่อแม่คินเต็มไปด้วยคุณหญิงคุณนายมากมาย รถหรูจอดเรียงกันราวกับว่านี่คือโชว์รูมรวมของหายากในประเทศ พอฉันขับอีแก่รถญี่ปุ่นของพี่ที่มีอายุประมาณสิบปีนิดๆ เข้าไปแล้วถึงกับอยากวนกลับ
เหมือนขับเศษเหล็กเข้าไปในงานโชว์ปอร์เช่ ความรู้สึกนั้นเลย!
“กูส่งมึงตรงนี้ได้ปะ”
นั่นทำให้คินเงยหน้าจากเกมคุ๊กกี้รันที่กำลังเล่น เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนมองฉันสลับกับข้างนอกหน้าต่างรถ
“ขับเข้าไปดิ ไปจอดดีๆ ในโรงรถเลย จะพาไปไหว้แม่ด้วย”
“แต่กู…”
“อะไร”
“กูอาย ดูรถที่กูขับกับรถที่เพื่อนแม่มึงขับมาสิ กูรู้สึกโคตรจนเลย”
“ก็ไม่เห็นน่าอายตรงไหน คนเรามีไม่เหมือนกัน มึงไม่ได้จนไอ้ดาว มึงแค่ชอบที่จะอยู่แบบพอมีพอกิน”
ก็อยากจะบอกไอ้เพื่อนคนรวยที่น่ารักนะว่า ฉันไม่ได้อยากพอมีพอกิน แต่ชีวิตมันมาได้แค่นี้ แค่ไม่มีหนี้ติดตัวจากพ่อแม่ก็บุญแค่ไหนแล้วเนี่ย
“อือ แล้วแต่ละกัน”
ฉันเลยขับไปจอดที่โรงรถดีๆ ทำอิดออดลีลาเล็กน้อยเพราะไม่อยากลงไปไหว้แม่คิน แต่เหมือนเพื่อนฉันจะทนไม่ได้ คินที่ออกไปยืนรอนอกรถประมาณห้านาทีเลยเดินดุ่มๆ มาเปิดประตู อัญเชิญอีดาวลงจากรถด้วยการช้อนขาทั้งสองข้างขึ้น แขนอีกข้างโอบไหล่ แล้วลากกันออกไปแบบท่าเจ้าสาว
“อีคิน! ปล่อยกู อยู่ๆ มาอุ้มทำไม” รีบโวยวายยกใหญ่ มือน้อยๆ กำแล้วทุบเข้าที่ไหล่กว้างจนคนตัวโตถึงกับนิ่วหน้า
“ลีลาอยู่ได้ กูรีบ รำคาญคน จะได้ไปทักแม่แล้วกลับกับมึงเลย เดี๋ยวเสียเวลานอน” คินวางลงหลังจากนั้น ไม่ประวิงเวลาอุ้มฉันนานมาก อาจจะเพราะอีดาวตัวหนักมั้ง (หนักนม)
“กูนึกว่ามึงจะค้างบ้าน”
“ไม่เอา เดี๋ยวมีลูกเพื่อนแม่แอบเข้าไปปล้ำกูอีก กูไม่อยากได้เมียที่ตัวเองไม่ได้เลือก”
“ก็ถ้ามึงไม่เล่นด้วยมึงคงไม่ได้ใครเป็นเมียหรอก นอนบ้านสักวันเหอะ”
คินส่ายหน้าไปมา “เชื่อเหอะว่าถึงกูไม่เอา ผู้หญิงมันก็ยัดเยียดได้ กูเจอมาแล้ว”
นั่นสินะ ทำเป็นลืมไปได้ว่าเพื่อนเคยเจออะไรมาก่อน
ไม่พูดพร่ำทำเพลงกันอีกต่อไป คินเอื้อมมาจับมือฉันแล้วลากเข้าไปในงานทันที
ดีนะที่ฉันไม่ได้ใส่ขาสั้นมา ยังใส่ยีนขายาวเผื่อไว้กรณีฉุกเฉิน มันเลยไม่ได้ดูน่าเกลียดเท่าไหร่มากนัก แต่จะมีอยู่อย่างที่คงโดนเหน็บจากเพื่อนๆ คุณแม่คินแน่ๆ เลยคือ เด็กราคาถูก ไม่มีแม้กระทั่งของขวัญให้แม่เพื่อนในวันเกิด
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอฉันเข้าไปในงาน คนก็พร้อมใจกันหันมามองด้วยสายตาดูถูกดูแคลนทันที
แต่ฉันหรือจะยอมให้คนมองเหยียดฝ่ายเดียว ฉันส่งสายตาแบบเดียวกันตอบโต้พวกเขาไปจนพวกคุณหญิงคุณนาย คุณหนูทั้งหลายถึงกับหน้าม้าน แม้จะไม่มีอะไรสู้ได้ แต่อย่ามาดูถูกกันเชียวเพราะอีดาวพร้อมจะตอกกลับแสบแบบพอๆ กัน
“แม่ฮะ… สุขสันต์วันเกิด” คินเดินเข้าไปโอบคุณหญิงมาตา ก่อนยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กให้เธอ
“ขอบใจจ้ะเจ้าลูกชาย ว่าไงจ๊ะหนูดาว วันนี้มาส่งลูกชายแม่เหรอ”
“หนูแต่งตัวไม่เรียบร้อย ขอโทษด้วยนะคะ” ฉันโค้งให้เธอพร้อมกับไหว้ไปด้วยเพื่อขอโทษ
“ไม่เป็นไรเลยลูก มาๆ เดี๋ยวแม่ให้คนพาไปแต่งตัวใหม่ เราจะอยู่ฉลองด้วยกันเย็นนี้” ตาโตแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยินคำนั้น
ไม่เอา! อยู่ท่ามกลางคนรวยแล้วคันยุบยิบ ฉันอยากกลับบ้าน
“แม่ฮะ แม่ก็รู้ว่าดาวมันไม่ชอบอะไรแบบนี้” คินแย้งขึ้น แต่คุณหญิงมาตาเหมือนไม่ได้ยินเข้ามาโอบไหล่ฉันเป็นที่เรียบร้อย
“ไปกับแม่นะคะ เดี๋ยวแม่ให้ช่างแต่งหน้าจัดการทุกอย่างให้เอง”
“คะ…ค่ะ”
อยากปฏิเสธ แต่นี่คือผู้ใหญ่ นี่คือแม่เพื่อน ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากส่งสายตาขอร้องอ้อนวอนไปยังคิน
แล้วที่เพื่อนฉันกลับมาน่ะหรือ คือยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
ไอ้บ้านี่!
คินมันรู้ว่าแม่ชอบฉันมาก ท่านอยากมีลูกสาว เจอฉันทีไรชอบจับไปแต่งตัวทำนั่นนี่ตลอด ฉันดีใจนะที่ผู้ใหญ่เอ็นดู แต่แบบนี้มันไม่ได้ปะวะ ไม่ได้จริงๆ