กุกกักๆๆ
เสียงกุกกักทำฉันสะดุ้งจากฝันหวานอันยาวนาน ปรือตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองว่าใครมันทำเสียงดังในห้องตัวเอง พอเห็นว่าเป็นคินที่กำลังค้นตู้เสื้อผ้าอยู่ ฉันก็หลับตาลงอีกครั้งอย่างเกียจคร้าน
เมื่อคืนก่อนจะนอนดันเล่นไพ่กับไอ้เจ้าคินมันจนตีสี่ ตอนนี้น่าจะเช้าอยู่ด้วย ฉันเลยไม่อยากลุกจากเตียง ขอซุกหน้ากับหมอน อยู่ใต้ผ้าห่มหนาๆ ท่ามกลางสภาพอากาศยี่สิบสององศาสักสองชั่วโมงหน่อยเถอะ
ทว่านั่นมันแค่ความคิด เพราะไม่ถึงนาทีหลังจากนั้นฉันก็ได้ยินเสียง
โครม!!
ตามมาด้วย
“อะไรวะเนี่ย!”
แล้วหลังจากนั้นก้นอวบแสนงอนงามก็ถูกผู้ชายสูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรถีบเข้าอย่างแรงจนเกือบตกเตียง
“ไอ้เหี้ยคิน มึงถีบกูทำไม!!” ลุกขึ้นยืนจังก้าชี้หน้าด่ามันทั้งที่ผมเผ้ายังฟูฟ่องยุ่งเหยิง คราบน้ำลายยังเต็มมุมปาก และฟันยังไม่แปรง
“กูเรียกมึงสี่ห้ารอบแล้วเนี่ย จะนอนไปถึงไหนวะ จะสายแล้วเนี่ย”
สายเหรอวะ สายอะไร?
ฉันยังคงงงเพราะถูกปลุกกะทันหันอยู่เลยยังทำตัวไม่ค่อยถูก สมองเบลอจนเดินวนตัวเองสองรอบ ก่อนตั้งสติได้ในไม่กี่วินาทีต่อมา
วันนี้วันจันทร์นี่หว่า ลืมไปเลย
“กี่โมงแล้วอ่ะ”
“แปดโมง เรามีเรียนสิบโมง ต้องรีบไปแล้ว ไม่งั้นสาย”
“ไม่ปลุกตั้งแต่แรก แล้วนี่ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อ” สาดคำถามรัวๆ ใส่ไอ้คนเปลือยท่อนบนโชว์เรือนร่างสุดเซ็กซี่ชวนน้ำลายหก คินยืนเท้าเอวมองฉันด้วยสายตาแสนเหนื่อยหน่าย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันต้องโดนด่าในอีก ห้า สี่…
“กูปลุกมือตั้งแต่เจ็ดโมง ปลุกมาแล้วสี่ห้ารอบมึงก็ไม่ตื่น เหลืออย่างเดียวแล้วที่กูจะทำได้ คือเอาน้ำมาสาดมึง ซึ่งกูไม่ทำแน่ เพราะขี้เกียจมานั่งเก็บผ้าปูที่นอนมึงซัก”
“อ้อ..” ยิ้มแหย ใช้มือลูบท้ายทอยตัวเองด้วยความขัดเขิน
ก็แหม ฉันมันคนตื่นยากนี่นา เวลาได้หลับยาวจะหลับเหมือนตายเลย เคยมีหลายครั้งพี่เดือนถึงกับเรียกรถฉุกเฉินเพราะฉันไม่ยอมตื่นก็มี (ตอนนั้นเมาหนัก)
“แล้วนี่มึงหาไรอยู่อ่ะ ทำเสียงดัง” รีบเปลี่ยนก่อนโดนด่าซ้ำ
คินทำท่าไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรฉันต่อ
“หาเสื้อกูไง จำได้ว่าครั้งที่แล้วทิ้งไว้ตัวหนึ่ง เสื้อยืดแขนสั้นของ Louis Vuitton น่ะ เห็นไหม”
“เสื้อสีขาวเหรอ อืม…”
คิดไม่ออกแหะ ฉันเองก็จำไม่ได้ว่าซักแล้วเก็บไว้ไหน
ปกติแล้วถ้าเพื่อนคนใดคนหนึ่งมานอนค้างบ้าน พวกมันมักทิ้งเสื้อผ้าเอาไว้คนละตัวสองตัว เยอะสุดก็คือคิน เพราะไอ้เจ้านี่มาค้างบ้านฉันเกือบทุกสัปดาห์ บางครั้งมานอนด้วยเป็นเดือนก็มีด้วยซ้ำ
“เร็วๆ เสียเวลา เดี๋ยวไปสายเนี่ย” คินเร่งเร้า
“ลองหาในตู้ที่สองดู คงอยู่สักชั้นแหละ”
ฉันพูดมั่วๆ ไป ไม่รู้มีไหมอ่ะนะ จำไม่ได้ว่าเก็บไว้ไหน
“เออ” เขาตอบแค่นั้นแล้วหันหลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงมัน คินดันหมุนตัวกลับมาหา “ไปอาบน้ำนับดาว ถ้าสาย กูจะให้มึงเลี้ยงข้าวทั้งอาทิตย์”
“มึงรวยกว่ากูร้อยล้านเท่า ยังจะให้คนอย่างกูเลี้ยง ไอ้คนจิตใจต่ำทราม เอาเปรียบคนจน ไม่มีมนุษยธรรมไอ้ผู้ชายนิสัยไม่ดี ไอ้เลว…”
“ถ้ามึงไม่ไปในอีกสามวิ กูจะอาบน้ำให้มึงเอง”
อย่ามาขู่ ไม่กลัวหรอกโว้ย
“ถ้ากล้ามึงก็มาอาบให้กูดิ”
“…”
คินนิ่ง สายตาคู่คมกริบมองตรงมายังฉันค่อนข้างบ่งบอกถึงความในใจอย่างดี อีแบบนี้คงกำลังอี๋อยู่แน่ๆ
“ไปแล้วก็ได้ มึงก็เก็บของให้กูด้วยละกันถ้าเจอเสื้อตัวเองแล้วน่ะ”
“อืม…”
แล้วเขาก็ไปรื้อค้นตู้ฉันต่อหลังจากรื้อหนึ่งตู้ไปแล้วเรียบร้อย
ฉันยืนมองคินสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยไปหยิบเอาผ้าขนหนูเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
ใช้เวลาอยู่กับน้ำอุ่นๆ ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ ฉันก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวพันหมิ่นเหม่ที่หน้าอก
“เฮือก! ตกใจหมดไอ้คิน ทำไมยังอยู่ในนี้เนี่ย”
สะดุ้งโหยงสุดตัวตอนออกมาแล้วเจอผู้ชายตัวสูงที่ตอนนี้สวมชุดครบทุกอย่างเรียบร้อยยืนจังก้าเท้าเอวมองฉัน
“ตกใจอะไรขนาดนั้น แล้วนี่ทำไมมึงแต่งตัวแบบนี้”
“คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จจะให้ใส่ชุดเตรียมพร้อมออกไปรบหรือไง ถามอะไรแปลกๆ” ก้มลงมองเนินนมตัวเองแล้วเอียงคอมองหน้าคิน “ทำไม มึงหวั่นไหวที่เห็นเนินนมสุดอลังการกูเหรอ”
ไม่พูดเปล่า ยังส่ายหน้าอกใส่คินแบบไม่อายด้วย
กล้าทำแบบนี้กับเขาเพราะตลอดระยะเวลาที่คบกันมากว่าแปดปี คินไม่เคยล่วงเกินตัวเองเลยสักครั้ง ทั้งตอนที่มีสติครบ หรือตอนไม่มีสติก็ตาม เขาวางตัวกับฉันเหมือนเป็นเพื่อนผู้ชายอีกคน จนฉันคิดไปเองว่าเขาคงไม่มองฉันเหมือนผู้หญิงปกติธรรมดาทั่วไป
คินถอยหลังไปสามก้าวเห็นจะได้ จากนั้นก็ทำหน้าเหมือนเพิ่งอมบอระเพ็ดมาทั้งดุ้น
รังเกียจกันขนาดนั้นเชียว ไอ้บ้านี่!
“นมไม่มียังจะกล้า…”
“อะ… ไอ้คิน ไอ้คนเลว มาพูดกับผู้หญิงตัวน้อยๆ แบบนี้ได้ยังไง”
ทำท่าจะเข้าไปถีบขาไอ้คนตัวสูง ฉันเลิกชายผ้าขนหนูขึ้นเตรียมพร้อมจะยกขา คินรีบยกมือขึ้นมาห้ามปรามกัน เขาร้องเสียงหลงเหมือนตกใจกับอะไรบางอย่างถึงขีดสุด
“หยุด! อย่ายกมันขึ้นมา กูไม่อยากเห็นป่าดงดิบ”
“ดงดิบเหี้ยอะไร คนเพิ่งไปเลเซอร์มา เกลี้ยงทุกอณู ไม่มีขนทุกตารางเว้ย”
คินอ้าปากค้าง มือเขาชะงักกลางอากาศ ไม่นานก็ตบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ
“ก็ว่าทำไมห้องน้ำไม่มีขน ที่แท้มึงไปเลเซอร์มานี่เอง” เขาทำท่าเป็นโคนันยอดนักสืบ พยักหน้ากับตัวเองสองสามครั้ง
อะไรของมัน วิเคราะห์อะไรกับเส้นขนของฉันเนี่ย
“เออ ว่าแต่ทำไมมึงยังอยู่อ่ะ นึกว่าออกไปเตรียมรถแล้วซะอีก”
ได้ทีเลยเข้าเรื่อง ฉันก็เกือบลืมไปแล้วว่าเรากำลังรีบไปเรียนกัน ยืนคุยนานเลย
ได้ยินคำถาม คินก็หน้าแดงลามไปถึงหูทันที ปฏิกิริยานั้นทำฉันถึงกับงง
มันเขินเพราะถามว่ามายืนทำเซ่ออะไรอยู่ในห้องเนี่ยนะ?
คินไม่ตอบคำถาม แค่เดินไปยังปลายเตียง หยิบแท่งซิลิโคนขนาดประมาณสี่นิ้ว รูปร่างคล้ายกับปลัดขิกแต่อ่อนนุ่มกว่าหลายเท่า และที่สำคัญคือมันสามารถขยับเข้าออกขึ้นลงได้เพียงกดปุ่ม…
เอ่อ… นั่นมันของเล่นฉันนะโว้ย มันเอาออกมาทำไมเนี่ย
“มึง เอ่อ… ใช้ไอ้นี่ตอนเหงาเหรอ?” เขาถามตาโต กำลังทำเหมือนเขินฉันอยู่ก็ไม่ปาน
“ก็กูโสด จะให้ไปหาผู้ชายที่ไหน อีกอย่างมึงอย่ามาเรียกผู้ชายคนแรกกูว่าไอ้นี่นะ หยาบคาย!”
“ผู้ชายคนแรก?!” เขายกพี่ดิลโด้ขนาดสี่นิ้วขึ้น “ไอ้นี่เนี่ยนะผู้ชายคนแรกของมึง”
“ใช่ แล้วจะทำไม”
“เล็กกว่าของกูตั้งเยอะ…” แล้วเขาก็ทิ้งมันลงบนเตียงอย่างไร้เยื่อใย “เล่นไม่สนุกหรอก”
“สนุกไม่สนุกก็เรื่องของกู อย่าบังอาจทิ้งพี่โด้แบบนั้นนะ สุภาพกับเขาด้วย”
เท่านั้นคินก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เขาหัวเราะจนตัวโยนท่ามกลางความขุ่นมัวของฉัน
“เออๆ ขอโทษก็แล้วกัน ใครจะไปคิดว่ามึงจะคบกับดิลโด้ รู้งี้หาผัวให้สักคนก็ดี จะได้ไม่เหงาถึงขนาดคิดสั้น”
“ที่พูดหมายความว่าไงฮะ” ฉันขึ้นเสียง เริ่มมีน้ำโหเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร ไปละ มึงก็รีบๆ แต่งตัว มายืนพันผ้าขนหนูต่อหน้าผู้ชายสองต่อสองในห้องแบบนี้มันดูไม่ดี รู้ตัวป่ะ”
ก็ถ้าผู้ชายคนนั้นเห็นว่าฉันเป็นผู้หญิงปกติทั่วไปคงกลัวอยู่หรอก แต่ฉันรู้ว่าคินเฉยๆ และเห็นตัวเองเหมือนเพื่อนผู้ชายเลยวางใจ แค่นั้นเอง
“ไปไหนก็ไปเลยไป แต่ก่อนออกไป กราบขอโทษแฟนกูก่อน”
โป๊ก!
มะเหงกแข็งๆ ฟาดเข้าหน้าผากฉันอย่างจัง
“โอ้ย เขกหัวกันทำไม เดี๋ยวโง่ไม่รู้เหรอ”
“เป็นเอามากนะมึง ถ้าเหงานัก เดี๋ยวช่วยเอง” คินส่ายหน้าหัวเราะเสียงดัง ลูบหัวฉันสองสามที ก่อนเดินตัวปลิวออกไปจากห้องทั้งที่ยังหัวเราะร่า
ลับหลังนั้นฉันก็หรี่ตามองแฟนตัวเองที่นอนแอ้งแม้งบนเตียง
ด้วยความสงสาร
“โถๆ พี่โด้ ไม่น่าเลย ดูสิถูกทิ้งตั้งแรง ถ้าพี่เป็นอะไรไปแล้วฉันจะอยู่ยังไง”