จั๊กจี้

934 คำ
สรุปแล้วเราสองคนก็สายอยู่ดี แต่ไม่มากเท่าไหร่ อาจารย์เลยให้อภัยได้ เราเลยรอดตัวไปในครั้งนี้ “เมื่อวานไอ้คินค้างบ้านมึงเหรอดาว” เม่าถาม ตอนที่เรากำลังพักทานข้าวกันที่โรงอาหาร ตอนนี้คินออกไปซื้อข้าวกับเวล ที่โต๊ะมีฉันกับเม่าอยู่กันแค่สองคน “อือ ไมอ่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ถามกลับทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวแก้มตุ่ยในปากอย่างคนไร้มารยาท ยังไงเราก็สนิทกันมากจนไม่จำเป็นต้องสร้างภาพอยู่แล้ว ฉันเลยปล่อยจอย ทำตัวตามสบายมันซะเลย “เปล่า แค่รู้สึกว่าช่วงนี้มันไปค้างบ้านมึงบ่อยมาก เลยสงสัยว่ามึงสองคนคบกันแล้วหรือเปล่าแค่นั้น” “บ้า อย่าพูดแบบนั้นกับกูอีกนะขอร้อง” ฉันลูบแขนทำท่าขนลุกขนพอง “กูขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” “ฮ่าๆ เว่อร์แล้วมึงอ่ะ กูก็แค่ถาม” “ก็กูสองคนไม่ใช่แบบนั้นนี่ แค่คิดว่ากำลังเอากับมันกูก็ไม่ไหวแล้ว” “ฮ่าๆ” เม่าหัวเราะเสียงดังลั่นจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง แต่ปกติเราไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย อันที่จริงฉันไม่ได้รังเกียจคินนะ แค่รู้สึกว่าเพื่อนมันก็คือเพื่อนปะวะ จะให้ข้ามไปทำอย่างอื่นมัน เอ่อ… คงจั๊กจี้แปลกๆ “คุยอะไรกัน เสียงดังลั่นโรงอาหารแล้วเนี่ย” หนุ่มตัวสูงอีกคนในกลุ่มแก๊งกระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะแล้วถามฉัน “เปล่าหรอกเวล เรื่องไร้สาระที่เม่ามันถามน่ะ” “เรื่องอะไรไร้สาระวะ” คินเพิ่งหย่อนก้นลงตามเวลมาติดๆ ถามต่อทั้งที่คิ้วยังขมวดมุ่นอยู่ ไปอารมณ์เสียจากไหนมาเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกวันเลยสิน่า “มันถามว่ากูกับมึงคบกันเหรอ” คินเงียบ มือที่กำช้อนชะงักค้าง ส่วนเวลตอนนี้นั่งขำไปแล้วเรียบร้อย “มึงคิดไงถามมันแบบนั้นวะ กูว่าขนาดฟ้าถล่ม ดินทลาย โลกนี้เหลือเพียงแค่มันกับไอ้คิน นับดาวมันก็ไม่เอาเป็นผัวหรอก” “ก็กูเห็นมันไปค้างบ้านไอ้ดาวบ่อย นึกว่าแอบไปกินกันแล้วซะอีก” เม่าพูดขำๆ “ก็แค่หลบจากความวุ่นวาย พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบกลับบ้าน แถมที่คอนโดก็มีคดีความตลอดเพราะถูกดักรอ ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือบ้านไอ้ดาว กูจะไปบ่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จริงมะดาว” “เออ กูยังเฉยๆ ดีซะอีกได้มีคนหารค่าน้ำค่าไฟ ฮ่าๆ” พูดปนขำขัน ไม่นานหลังจากนั้นเราทั้งสี่ก็เปลี่ยนเรื่องคุยกัน พอทานข้าวเสร็จก็พากันเตรียมตัวสำหรับคลาสต่อไป ทว่าก่อนจะได้เข้าห้องเรียนก็มีหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กเท่าฉันมายืนดักรอหน้าห้อง เธอน่าจะเป็นรุ่นน้องวิศวะของเรา แต่คงเป็นคนละสาขา เพราะฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เธอคนนั้นก้มหน้างุดมองที่ปลายเท้าตัวเอง มือทั้งสองกุมเข้าหากันแน่น ไม่ค่อยกล้าเงยมาสบตาเราสี่คนเท่าไรนัก “มีอะไร มายืนขวางทางอยู่ได้ เสียเวลาเนี่ย” เป็นคินที่พูดเสียงดังใส่เธอจนตัวเล็กๆ สะดุ้ง ไหล่บอบบางเริ่มสั่นไหว เธอถอยไปหนึ่งก้าวจากเรา ก่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตา “อะ เอ่อ…” “พูดมาเร็วๆ อ้ำอึ้งอยู่ได้น่ารำคาญ” คินพูดต่อ “ไอ้คิน พูดดีๆ กับน้องเขาหน่อย ไม่เห็นหรือไงน้องเขาตัวสั่นแล้วน่ะ” เป็นเม่าที่ปรามก่อน “นั่นดิ สุภาพกับผู้หญิงหน่อย เดี๋ยวไม่มีเมียนะโว้ย” เวลเสริม “ไม่มีก็ช่างแม่งสิ ไม่ตายสักหน่อย” คินพูดแล้วเดินเลี่ยงไป แต่เสียงหวานดันเรียกเขาจนต้องหันกลับมาอีกรอบ “พี่คินคะ คือ..” “มีอะไรก็พูด” “หนูชอบพี่ ไปเดทกับหนูได้ไหมคะ” คินนิ่งไป ส่วนเราสามคนอึ้งมองหญิงสาวตัวเล็กท่าทางเรียบร้อยขอเพื่อนไปเดท ทุกคนยืนอยู่กับที่คล้ายโดนหยุดเวลา ก่อนจะเป็นเธอที่พูดขึ้นมาอีกครั้ง “หนูชื่อนุ่มนิ่ม เป็นรุ่นน้องพี่ปีสอง สาขาวิศวะเครื่องกล…” แล้วเธอก็เริ่มแนะนำตัว “ไม่ได้อยากรู้ และก็ไม่ได้อยากเดทตอนนี้ ไปขอคนอื่นเถอะ” พูดใส่หน้าอย่างไร้เยื่อใย แล้วเขาก็เดินหนีไปทั้งอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องใจร้ายขนาดนั้นก็ได้มั้ง ทำไมนับวันคินถึงได้เริ่มทำตัวไม่น่ารักกับผู้หญิงกันนะ อาจจะเพราะเขาถูกตามบ่อยๆ จนต้องแจ้งความก็หลายรอบ ไม่ก็คงเข็ดหลาบเพราะความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆ ก็ได้ แต่ใดๆ คือ ไม่ควรทำตัวหยาบคายกับเธอแบบนี้ น้องนุ่มนิ่มเริ่มร้องไห้ลับหลังคิน ฉันเลยเดินไปตบไหล่น้องแล้วพูดปลอบเบาๆ หวังให้เธอรู้สึกดีขึ้น “ไม่เป็นไรนะ” แต่แทนที่อีหนูน้อยจะซึ้งในน้ำใจ เธอกลับผลักฉันออกจากตัวเซถลาไปหลายก้าว แล้วเริ่มชี้หน้าปรามาสฉัน “เพราะพี่นั่นแหละที่ทำให้พี่คินปฏิเสธหนู เพราะพี่คนเดียวเลย!” แล้วเธอก็เดินจากไป… ปล่อยให้ฉันงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น เรื่องอะไรวะนั่น ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยฟะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม