เซลีนกลับมาถึงบ้านในช่วงหกโมงกว่า ปกติร้านปิดห้าโมง แต่กว่าลูกค้าจะกลับบวกกับทำความสะอาดร้านก็ปาไปหกโมง ไหนจะกลับถึงบ้าน ร่างบางเดินเข้ามาภายในบ้านไม้สองชั้นเล็กๆ พร้อมกับน้ำเต้าหู้สามถุง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก ดวงตาคู่สวยมองพี่ชายที่กำลังจัดเตรียมอาหารบนโต๊ะ
“กลับมาแล้วเหรอ พี่ทำอาหารเสร็จพอดีเลย เดี๋ยวมากินข้าวกัน” เซนต์เอ่ยด้วยท่าทีที่ทำตัวไม่ค่อยถูก ปกติตนไม่ค่อยทำอาหารบวกกับไม่ค่อยอยู่กินข้าวเย็นกับที่บ้าน วันนี้ตั้งใจเข้าครัวเพื่อไถ่โทษที่ผิดสัญญากับน้องสาว และอยากทำอะไรดีๆ ให้คนรอบข้างบ้าง
“แม่ล่ะ”
“นั่งดูทีวีอยู่ เรียกแม่มากินข้าวด้วยนะ”
เธอไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้า กำลังก้าวขาเดินไปหาแม่กลับหยุดนิ่งฝีเท้าแล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้พี่ชาย
“ฝากแกะด้วย”
เซนต์นิ่งประมาณสองวิ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปรับถุงน้ำเต้าหู้จากน้องสาวมา ดวงตาคมเข้มมองตามแผ่นหลังบางที่เดินออกไปแล้วเผยยิ้ม
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเซลีนไม่คุยกับตัวเองเลย แม้กระทั่งกินข้าวก็ไม่เอ่ยชวนเหมือนทุกที เจอหน้ากันก็เมินเฉยราวกับตนเป็นธาตุอากาศ วันนี้เลยคิดว่าจะอยู่บ้านทำความดี เผื่อว่าน้องสาวจะหายโกรธจนกระทั่ง…เซลีนยื่นน้ำเต้าหู้มาให้และเห็นว่ามันมีสามถุง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูอบอุ่นเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรกที่เซนต์อยู่บ้านกินข้าวเย็นกับครอบครัว ทุกทีเวลานี้จะออกไปหาเพื่อนไม่ก็อยู่แต่ในห้อง การได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเรียกรอยยิ้มจาก ‘กรองแก้ว’ คนเป็นแม่ได้ไม่ยาก
“กินเยอะๆ นะลูก”
เซนต์ยิ้มรับเมื่อคนเป็นแม่ตักกับข้าวมาวางใส่จานให้ เซลีนยังตักข้าวกินเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรเพราะยังโกรธพี่ชายเรื่องนั้นอยู่
“กินนี่สิเซย์ ของโปรดเราเลยไม่ใช่เหรอ” เซนต์ตักปลากระพงทอดน้ำปลาให้น้องสาว โดยเลือกชิ้นใหญ่ที่สุดให้
กรองแก้วแอบยิ้ม สองพี่น้องโกรธกันเป็นเรื่องปกติ ถึงแม้ตนอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่แต่ก็พอรับรู้วีรกรรมสุดโต่งของลูกชายคนโต เคยตักเตือนไปแล้วแต่สัญชาตญาณของความเป็นแม่ก็เดาได้ว่าเซนต์ไม่เคยหยุด
“ดีกันได้แล้วพี่น้องคู่นี้”
และทุกครั้งกรองแก้วต้องคอยเป็นคนเชื่อมสะพานที่แตกหักให้กลับมาบรรจบกัน เซลีนยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ส่วนเซนต์ก็ลุ้นว่าน้องสาวจะยอมดีด้วยไหม
“โกรธกันแล้วมีความสุขหรือไงหืม”
“…”
“เซย์”
“เซย์โกรธพี่เซนต์ แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้าจะไม่หายโกรธ แค่ตอนนี้ยังโกรธมากๆ อยู่”
กรองแก้วยิ้มเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา ลูกสาวพูดแบบนี้อีกวันสองวันคงหายโกรธพี่ชาย หากมองอีกมุมคงหายโกรธแล้วแต่ยังมีฟอร์มอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ซื้อน้ำเต้าหู้มาสามถุงครบจำนวนคนในบ้าน
“กินเยอะๆ ช่วงนี้เหมือนผอมลงด้วย” เซนต์บอก พลางเอื้อมมือไปขยี้ผมน้องสาวเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
เซลีนจิ๊ปากแล้วถลึงตาใส่พี่ชาย ก่อนจะหันกลับมาตักข้าวเข้าปาก คราวนี้เซลีนเริ่มพูดเยอะขึ้นจากเดิมที่เอาแต่นิ่งเงียบเพราะยังมีฟอร์มกับพี่ชาย
วันต่อมา
“เซย์ๆ ฉันได้ไอจีคนนั้นมาแล้ว!”
“คนไหน?”
“คนนั้นไงที่หล่อๆ หล่อสุดในร้านอะ”
“อ๋อ ไปเอามาจากไหนเหรอ” เธอถามด้วยความอยากรู้ ปกติส้มเช้งชอบทำตัวเป็นนักสืบโคนัน อยากรู้เรื่องของใครเพียงแค่บอก เธออึ้งมากที่ส้มเช้งได้ไอจีของรุ่นพี่มหา’ลัยของเธอที่ชื่อครินทร์
“ฉันไปเมาท์ให้ยัยมะเหมี่ยวฟัง ยัยนั่นฟอลไอจีเขาอยู่พอดีก็เลยได้มา เพิ่งรู้ว่าเขาเรียนวาแซร์ที่เดียวกับแกเลย เด็กวาแซร์ที่งานดี เทสดีจัดๆ อยากส่องไหม?” ส้มเช้งหันไปมองเซลีน ไม่รอให้อีกคนตอบ ส้มเช้งรีบแย่งโทรศัพท์ในมือเซลีนมาแล้วพิมพ์ไอจีครินทร์ “อะนี่”
เธอรับโทรศัพท์จากส้มเช้งคืนมา สายตาดึงมามองรูปภาพของครินทร์ในไอจีที่เขาเปิดเป็นสาธารณะ เขามีคนติดตามแสนห้า แถมยังไม่ติดตามใครทั้งนั้น จำนวนโพสต์มีแค่สิบห้า ส่วนใหญ่เป็นรูปถ่ายไม่เห็นหน้า รถหรู โทนภาพถูกแต่งไปทางโทนมืด มีภาพนึงที่เขาถ่ายคู่กับผู้ชายที่หน้าตาละม้ายคล้ายกัน โดยยืนกอดคอราวกับสนิทสนมกันมาก เดาว่าคงเป็นในครอบครัวของเขา
“คนอะไรทั้งหล่อ ทั้งรวย ชาติตระกูลดีอีกต่างหาก ฉันไปสืบมาหมดแล้ว เขาชื่อครินทร์เรียนวิศวะปีสี่ ตระกูลเขาคือรวยมากกก ฉันเพิ่งรู้ว่าเขานามสกุลไกรวณิชคุณ เป็นหนึ่งในตระกูลที่ก่อตั้งมหา’ลัยวาแซร์”
“แก…รู้เยอะมาก”
“ยัยมะเหมี่ยวบอกฉัน ยัยนั่นก็ได้ทุนเรียนวาแซร์เหมือนแกนั่นแหละ”
เธอละสายตาจากส้มเช้งมาเลื่อนดูรูปภาพของครินทร์ต่อ แต่ในจังหวะนั้นมือของเธอดันเผลอไปโดนปุ่มกดไลก์เข้า นาทีนั้นหัวใจหล่นวูบรีบกดยกเลิกทันที
“สะ…ส้มเช้งแย่แล้ว! ฉันเผลอไปไลก์โพสต์เขา แต่ยกเลิกไปแล้ว เขาจะเห็นไหม” ถึงแม้เขามีผู้ติดตามเป็นแสนแต่ก็อดกังวลไม่ได้
“แกใจเย็น! แค่ไลก์แล้วลบ มันไม่น่ามีอะไรหรอก เขาคงไม่ทันเห็นหรอกมั้ง…” ส้มเช้งพูดพลางทำหน้าเหมือนพยายามปลอบ แต่สีหน้าแม่งไม่ช่วยเลยสักนิด
“เขาจะไม่เห็นจริงๆ ใช่ไหม”
“เอาอย่างนี้ไหม ถ้าแกกลัวโป๊ะ อย่างน้อยก็ให้โป๊ะแบบดูเนียนๆ ไปเลย แกฟอลเขาดีไหม แล้วก็ไลก์โพสต์อื่นๆ ไปเลย จะได้ไม่ดูน่าสงสัย” ส้มเช้งพูดเหมือนผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้เกมความโป๊ะ
“ฟอลเลยเหรอ?”
“อาฮะ ฟอลเลย จะได้ดูเหมือนตั้งใจ ไม่ใช่แบบแอบส่องแล้วพลาด พอเข้าใจป่ะ?”
“ไม่ดีกว่า คนติดตามเขาเยอะขนาดนั้น ฉันว่าคงมีคนแบบฉันที่ส่องแล้วไลก์แต่ไม่ได้ติดตาม” วิธีของส้มเช้งยิ่งโป๊ะ ปล่อยผ่านไปให้มันจบๆ ดีกว่า
“ตามใจ งั้นป่ะ ไปทำงานกัน”
เซลีนพยักหน้า ก่อนจะเดินตามส้มเช้งไปทำงานต่อ
ด้านครินทร์
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งเขี่ยโทรศัพท์ ในมือคีบบุหรี่เหลือบเห็นแจ้งเตือนบางอย่างที่เด้งขึ้นมาด้านบนสุดของโทรศัพท์
celine__s liked your post
ด้วยความสงสัยบวกกับคุ้นชื่อเลยกดเข้าไปดู ก่อนจะพบว่าแจ้งเตือนั้นหายไปแล้ว ด้วยความที่อ่านชื่อเจ้าของแอคเคาท์แล้วรู้สึกคุ้นพิกล
“อ่า จะใช่เธอไหมนะ…” รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนมุมปากหยัก หลังจากเดาว่าน่าจะเป็นน้องสาวเซนต์ ยังไม่ฟันธงว่าจริงไหมแต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง
เขากดเข้าไลน์กลุ่มแล้วพิมพ์บางอย่างลงไป
ครินทร์ : ไอจีน้องไอ้เซนต์ชื่อไร
ไม่ถึงหนึ่งทีแจ้งเตือนของแชตกลุ่มก็เด้งขึ้นจนหน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งวางลงสว่างวาบ
จอมทัพ : celine__s
ตรีภพ : มึงไปหามาจากไหน
จอมทัพ : กูฟอลอยู่
ตรีภพ : มึงฟอลน้องสาวอริ?
จอมทัพ : น้อวสาวมันสวยขนาดนั้น
จอมทัพ : ว่าแต่มึงเหอะ @ครินทร์ เอาไอจีน้องมันไปทำไมวะ
ครินทร์ : อยากส่อง
เขาปัดหน้าจอออกจากแชตกลุ่มทันทีที่พิมพ์ตอบเสร็จ พิมพ์ชื่อไอจีน้องสาวเซนต์เพื่อส่อง แต่เธอ…ดันตั้งไอจีเป็นส่วนตัว
“บ้าฉิบ” ถึงจะหัวเสียไปบ้างแต่ก็ไม่ได้กดฟอลเพื่อส่องน้องสาวเซนต์โดยตรง เขาแค่ต้องการแน่ใจว่าคนที่มากดไลก์โพสต์แล้วยกเลิกใช่คนที่คิดเอาไว้ไหม
และก็ใช่จริงๆ