ขณะที่เธอกำลังมองท่อนเนื้อขนาดใหญ่ยาวที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ต้องตกใจที่มันขยับคล้ายผงกหัวเหมือนกับกวักมือเรียกเธอ
“อื้อ...!” เธอเผลออุทานออกมาเมื่อนี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นของจริงที่ใหญ่และยาวอีกต่างหาก พลันรู้สึกเสียวเข้าไปที่ท้องน้อยชอบกล นึกขึ้นว่ามันกำลังเข้าช่องทางอันคับแคบตรงนั้นก็แทบจะถอยหลังหนี แต่มีมือใหญ่ ๆ ที่มันเคยหนุนหัวเขาอยู่คว้ามาที่มือของเธอดึงรั้งไว้เสียก่อน
หมับ!!
“อย่ากลัวมัน ลองสัมผัสมันสิ” เขาเห็นใบหน้าซีดเผือกราวกับหวาดกลัวเจ้าท่อนยักษ์นั้นก็อดให้นึกสงสารไม่ได้
เธอคงยังไม่เคยสินะ!
เขาคิดในใจอารามยินดียิ่งหากเธอจะได้ลองอมของเขาเป็นคนแรก เขาจะตั้งใจสอนเธออย่างอดทนเลยทีเดียว
“เอ่อ...คะ...คะ...คือว่า...อ๊า!!!” น้ำเสียงเธอตะกุกตะกักทันทีเมื่อเขาจับมือเธอขึ้นไปลูบไล้แล้วก็ให้เธอกำเข้าที่ลำท่อนนั้นทำให้เธอร้องอย่างตกใจ เพราะว่ามือเธอนั้นรู้สึกว่ามันใหญ่มาก แถมยังรู้สึกอุ่นจนเกือบร้อนไปด้วยซ้ำ
‘ที่เขาพูดกันติดปากว่ารับเอ็นอุ่น ๆ เพิ่มไหม ที่แท้ก็อุ่นแบบนี้นี่เอง’ดวงตาตระหนกของเธอจ้องมองไปราวกับกลัวว่ามันจะมาทำอะไรเธอเข้า ต้องจ้องมันไว้ไม่วางตา แล้วเขาก็ขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะก่อนที่จะช่วยเธอจับมันรูดลงมาจนเห็นหัวบานราวกับหัวเห็ดที่กำลังกึ่งตูมกึ่งบานก็ไม่ปาน ปลายมันสีชมพูสดแม้ว่าแสงจะสลัวแต่ส่วนนั้นราวกับจะเรืองแสงได้ทำให้เธอมองมันได้ชัดเจนนัก
‘นี่ฉันเห็นท่อนเนื้อของท่านประทานเข้าแล้ว!’
ต่อไปเธอไม่อยากจะคิดว่าเห็นหน้ากันจะทำหน้าอย่างไร แต่เรื่องนั้นไม่ต้องสนใจเพราะเธอก็แค่พนักงานการตลาดตัวเล็กตัวน้อย ที่โดนใช้งานเยี่ยงทาสเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ใดเกี่ยวข้องกับผู้บริหารชั้นบนสุดนั้นนักหรอก เรียกได้ว่าเขานั่งอยู่บนหอคอย แต่เธอนั้นเป็นเหมือนมดงานตัวน้อยที่ทำงานให้เขาเท่านั้น
“เป็นอะไรไป...ทำไมเงียบไป” เขาเริ่มเป็นห่วงแม่สาวน้อยตรงนี้เสียแล้ว เธอเงียบนี่กำลังตกใจหรือเปล่านะ หรือเขาต้องปลอบเธอเสียก่อน
เขากำลังคิดว่าจะปลอบเธออย่างไร แต่ยังไม่ทันจะได้ทำ กลับมีเสียงใสราวกับเสียงแก้วคริสตัลดังขึ้นก่อน
“เปล่า...ค่ะ...ไม่เคยเห็นขนาดเท่านี้มาก่อน” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มเฝื่อนราวกับกินของรสขม แต่จะให้เขารู้ว่าเธอประหม่าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกไล่ต้อนเหมือนเหยื่อตัวน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น
‘คำตอบของเธอที่บอกไม่เคยเห็นขนาดใหญ่เท่านี้ มันหมายความว่ายังไง เธอเห็นของใครมาก่อนงั้นเหรอ?’
เมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี้อาจจะเคยเป็นของคนอื่นมาก่อน ก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกไม่ยินยอมทั้งหึงหวงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่เคยเห็นใหญ่เท่านี้คืออะไร” เสียงเครียดกล่าวพร้อมกับแววตาที่แสดงความไม่พอใจเธอออกมาอย่างเด่นชัด และเขาก็เป็นคนเอาแต่ใจ เพราะของที่อยากได้ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น คนอื่นห้ามแตะ
“ก็ฉันเป็นพนักงานต้อนรับ” เธอไม่เข้าใจ อยู่ ๆ ประธานหน้าหม้อคนนี้โกรธอะไรเธอ เดี๋ยวอารมณ์ขึ้นเดี๋ยวอารมณ์ลงราวกับคนวัยทองก็ไม่ปาน มิน่าเวลาสั่งงานเหมือนไม่ใช้หัวบนคิด คงจะใช้หัวที่ให้เธอกำอยู่นี่สินะถึงได้งานไม่เคยตรงใจ
“แล้ว...เคยรับแขกไหม”
“ไม่ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบที่ถูกใจอารมณ์ขุ่นมัวราวกับเมฆหมอกดำมืดก็จางไป เหลือเพียงอารมณ์สดใสเบิกบานพร้อมรับการปรนเปรนด้วยลิ้นเล็ก ๆ กับปากกระจุ๋มกระจิ๋มของเธอ คิดภาพตามว่าหากลำท่อนของเขานั้น เข้าไปในปากของเธอ จะคับแน่นขนาดไหนกันนะ
“อ่าห์...ฉันอยากแล้วเธอเริ่มได้เลย” เขาสั่งราวกับเป็นเจ้าชีวิต ทำให้เธออดค้อนให้ไม่ได้ แต่ใครบอกว่าจะอมให้เขากัน เธอยืดตัวขึ้นแล้วก็ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เขาก่อนจะกล่าวบางอย่างออกมา
“เตรียมตัวดี ๆ นะคะ หากไม่ชอบบอกได้เลยนะ” แววตาเจ้าเล่ห์เงยขึ้นมองคนที่ชะล่าใจคิดว่าคนอย่างเธอหรือจะยอมอมให้ใครง่าย ๆ ยิ่งเห็นประกายตาแห่งความหวังของเขาเธอก็ไม่รีรออีกต่อไป
“ชอบฉันชอบหมดนั่นแหละ หากเธอเป็นคนทำ” เขาพูดอย่างใจกว้าง ไม่ว่าครั้งแรกของเธออาจจะทำให้ฟันครูดกับลำท่อนอันแข็งแกร่งบ้าง แต่รับรองว่าเขาจะไม่โกรธ แต่จะค่อย ๆ สอนเธออย่างใจเย็นทีเดียว
ร่างเล็กค่อย ๆ ดันเข่าขึ้นคล้ายกำลังคืบคลานเข้าหา ใบหน้าเงยขึ้นมองสบตาเขาในพื้นที่แสงสลัว ร่างกายของเขาก็เอนจนเกือบนอนแล้ว นั่นคือจังหวะที่ดี
‘ตายซะ’
เธอคิดในใจก่อนที่เข่าเล็ก ๆ ของเธอจะกดลงไปในส่วนลำท่อนใหญ่เข้าเต็มแรง
ฮึก...อุ๊บ!
เฟลิเปจุกจนทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เคยโดนทำร้ายกล่องดวงใจขนาดนี้มาก่อน จากที่ยืดยาวกลายเป็นหดลงแต่สาวเจ้ายังไม่ยอมหยุดขยี้ตรงกลางความเป็นบุรุษของเขา
“ไม่...ปล่อย...แบบนั้นมัน!!!” เขาพยายามจะผลักเธอออก แต่เธอกลับลงน้ำหนักลงมาอีกครั้ง แล้วก็อีกครั้ง
โอ๊ย...ตาย...น้องชายที่แสนภาคภูมิใจของฉัน...!
“ชอบไหมคะ...” เธอถามอีกครั้งก่อนที่จะได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้า แล้วสองมือของเขาก็กุมกล่องดวงใจ เมื่อนั้นเธอจึงได้โอกาสหนีรอดแล้ว
ร่างเล็กหันมองซ้ายขวา ไม่มีการ์ดของร้านแล้วก็คว้ารองเท้าส้นสูงที่ถอดรอไว้ วิ่งสุดชีวิตออกไปจากตรงนี้เธอไม่รับค่าจ้างของวันนี้วิ่งคว้ากระเป๋าของตัวเองออกทางหลังร้านแล้วก็เรียกแท็กซี่ตรงกลับบ้านไปเลย แม้โอมจะตะโกนเรียก แต่ทว่าเธอก็ไม่หันกลับมา เพราะรู้ว่าหากทำให้แขกไม่พอใจ อาจจะเป็นเธอที่โดนซ้อมก็เป็นได้
เสี่ยซ้งมันบ้า ผู้หญิงมันก็ไม่ละเว้นแล้วเธอก็ไม่อยากไปเป็นผู้หญิงที่นอนให้มันเอาบนเตียงในห้องข้างบนนั้นด้วย แม้มันจะเคยต้องคดี แต่ยามนี้มันออกมาลอยนวลเหมือนเดิม
ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีเด็กดริงก์ที่นี่ส่วนใหญ่ก็ผ่านมือมันมาแล้วทั้งนั้น หากอยากได้เงินเยอะคนเหล่านั้นก็ต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก เธอคิดว่าวันนี้ถือว่าเป็นค่าจ้างที่คุ้มแล้ว ต่อไปคงต้องไปหางานที่ร้านอื่นที่ดีกว่านี้หน่อย
‘Thousand lightss บาร์หรูระดับวีไอพีน่าจะดีกว่าระเริงบาร์นี้เป็นแน่’
คิดได้เช่นนั้นเธอก็เบาใจ แล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อน
นภาที่ไม่ยอมหลับยอมนอนรอลูกสาวกลับบ้านดึกดื่นทุกวัน เธอนั่งที่หน้าบ้านชะเง้อคอรอ แม้ว่าลูกสาวจะกำชับให้นอนแต่เธอก็เป็นห่วงลูกสาว เพราะมีกันอยู่สองคน ดังนั้นต่อให้ง่วงแค่ไหนก็ตัดใจหลับลงไปไม่ได้
เวลาห้าทุ่มครึ่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้าน พร้อมกับร่างของลูกสาวที่ลงมาจากรถทำเอาคนเป็นแม่เบาใจ นภาพ่นลมหายใจออกมายาวอย่างโล่งอก เธอลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ลูกสาว
“แม่คะ...บอกให้นอนไง มารอทำไมคะ” พระพายเห็นแม่เดินมาเปิดประตูก็เอ็ดทันที เธอไม่อยากให้แม่ต้องมาอดหลับอดนอนรอเธอ
“แม่เป็นห่วงลูกนี่นา แล้วหิวไหม แม่ทำต้มจืดไว้ให้” นภาไม่สนใจคำบ่นของลูกสาวรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ท่าทางอิดโรยของลูกสาวทำเอาคนเป็นแม่เจ็บปวดหัวใจ ‘หากเธอร่างกายแข็งแรงมากกว่านี้ก็ดีสินะ’
“เหนื่อยและหิวมากค่ะ” พระพายเดินเข้ามากอดเอวมารดาแล้วพากันเข้าบ้านไปทันที เธอใจอ่อนทุกทีเมื่อแม่ทำอาหารไว้รอ เธอจึงหิ้วท้องมากินข้าวบ้านตลอด
ส่วนคนที่เสียรู้สาวสวยนั้นเมื่อหายดีแล้ว จึงลุกขึ้นเดินไปตามหาหญิงสาวคนนั้น แต่เมื่อรับรู้ว่าเธอหนีไปแล้วเขาก็เจ็บใจนัก ไม่เคยเสียรู้ใครเท่านี้มาก่อน วันนี้นอกจากเสียเป็นหมื่น ก็ยังทำให้อารมณ์ค้างพร้อมกับลูกชายโดนทำร้ายอีกต่างหาก
“ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวแสบ!”
เขาไม่ยอมจบแค่วันนี้แน่ เจอกันคราวหน้าจะลากขึ้นเตียงไปสั่งสอนยันฟ้าเหลืองเลยคอยดู
เมื่ออาฆาตจบแล้ว เขาคว้ากุญแจรถในกระเป๋าขับออกไปจากระเริงบาร์...