เขาคงไม่มีใคร

1473 คำ
“ยายดีใจด้วยนะปิ่นในที่สุดหลานสาวของยายก็มีแฟนสักที” คุณยายละมัยรู้สึกดีใจมากๆ หลังจากปิ่นปินัทธ์เล่าเรื่องที่กรัณย์กรขอเธอเป็นแฟนให้ฟัง หลานสาวของเธอเคยมีแฟนสมัยที่เรียนอยู่แต่ก็เลิกรากันไปนานแล้วจากนั้นปิ่นปินัทธ์ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนสอบบรรจุครูได้ที่โรงเรียนใกล้บ้านและเธอก็ไม่เห็นว่าหลานสาวจะเปิดใจคบผู้ชายคนไหนอีกเลย หลังจากทำงานผ่านมาเกือบสามปีปิ่นปินัทธ์ก็ยังไม่มีใคร พอรู้ว่าตอนนี้ตกลงคบกับคุณหมอกรัณย์กรแล้วคุณยายก็รู้สึกโล่งใจมากๆ เพราะคุณหมอดูเป็นคนดีและน่าจะดูแลหลานสาวของเธอได้ในวันที่ตนเองไม่อาจจะดูแลหลานสาวได้อีกต่อไป คุณยายมีลูกสามคนคือมารดาของเธอคุณลุงศักดิ์และป้าสาซึ่งสองคนนั้นแยกครอบครัวออกไปแล้วแต่ก็ยังไปมาหาสู่และแวะซื้อของใช้มาให้คุณยายอยู่ตลอด ปิ่นปินัทธ์เป็นหลานสาวคนเดียวที่ยายละมัยห่วงที่สุด “ปิ่นไปทำงานก่อนนะคะยาย” “เย็นนี้หมอรัณย์เขาจะมากินข้าวที่บ้านไหม” “หมอเข้าเวรค่ะยายเขาคงมาไม่ได้ คงมากินข้าวที่บ้านเราอีกทีเช้าวันอาทิตย์เลยค่ะ ยายถามทำไมคะมีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าหรอก ถ้าหมอจะมายายจะได้เตรียมกับข้าวรอ แล้วก็อยากจะคุยกับหมอนิดหน่อย” “เรื่องสำคัญหรือเปล่าคะ” “ไม่หรอกยายแค่อยากจะบอกหมอว่าตอนนี้หมอเขาก้าวเข้ามาในครอบครัวของเราแล้ว ยายก็อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่องอยากจะฝากเขาให้ดูแลปิ่น” “ทำไมจะต้องฝากเขาให้ดูแลปิ่นด้วยล่ะคะ ปิ่นดูแลตัวเองได้ การเป็นแฟนกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้อีกคนมาดูแลสักหน่อยต่างคนต่างดูแลกันน่าจะดีกว่านะคะ” “ยายก็แค่พูดเผื่อไว้เผื่อว่ายายเป็นอะไรไป” “โธ่ ยายของปิ่นยังแข็งแรงลุกมาทำกับข้าวให้ปิ่นได้ทุกเช้าแบบนี้ ยายจะต้องอยู่กับปิ่นไปอีกนานค่ะ” “เรื่องอนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ยายก็แก่ตัวลงทุกๆ วัน ถ้าจะให้ดีอย่าคบกับคุณหมอนานเลยนะ” “ทำไมล่ะคะ เมื่อกี้ยังดีใจที่ปิ่นมีแฟน แล้วทำไมตอนนี้บอกไปให้ปิ่นอย่าคบกับคุณหมอนานล่ะคะ ปิ่นงงนะคะยาย” “ยายหมายถึงอย่าคบกันเป็นแฟนนาน อยากจะให้รีบแต่งงานเผื่อยายจะอุ้มหลานก่อนเป็นอะไรไป” “ยายขาห้ามพูดเรื่องแบบนี้อีกนะคะ ปิ่นอยากให้ยายอยู่กับปิ่นนานๆ ปิ่นไปทำงานแล้วนะคะ ยายอยู่บ้านก็อย่าทำงานหนักล่ะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ” หญิงสาวขับรถออกมาจากบ้านด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างกังวลเพราะคำพูดของยายทำให้เธอเริ่มคิดหนัก ยายของเธออายุมากแล้วจริงๆ ร่างกายของท่านโรยราไปทุกวัน ถึงแม่จะไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม หญิงสาวมาถึงโรงเรียนในเวลา 07.30 นาฬิกา ขณะที่นั่งตรวจการบ้านอยู่ในห้องคุณครูพรศิริ ครูประจำชั้นนักเรียนชั้นประถมปีที่สองก็แวะเข้ามาทักทาย “ทำอะไรอยู่ปิ่น” “ปิ่นกำลังตรวจการบ้านอยู่เลย ขวัญล่ะตรวจเสร็จแล้วเหรอ” “ตรวจได้ครึ่งเดียว กำลังปวดหัวกับตัวหนังสือเด็กก็เลยวางไปก่อนน่ะแล้วก็มีเรื่องจะถามปิ่นด้วย” “จะถามเหรอขวัญ” ปิ่นปินัทธ์วางงานในมือลง “เรื่องส่วนตัวนิดหน่อยถามได้ไหม” “ถามได้เลยเรารู้จักกันมาตั้งสามปีแล้ว ขวัญจะถามอะไรล่ะ” “เมื่อวันก่อนขวัญผ่านไปแถวบ้านปิ่นด้วยนะ” “แล้วทำไมไม่แวะเข้าไปล่ะ ยายก็บ่นถึงอยู่เหมือนกันนะว่าช่วงนี้ทำไมครูขวัญไม่ค่อยแวะไปที่บ้านเลย” “ขวัญก็อยากจะแวะอยู่หรอกแต่วันนั้นที่บ้านปิ่นมีแขก เห็นมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน “รถคันสีดำใช่ไหม” “ใช่ขวัญเห็นหลายครั้งแล้ว ว่าจะถามปิ่นแต่ก็ไม่มีโอกาสถามสักทีแต่เดาว่าต้องเป็นรถของแฟนปิ่นใช่ไหม” “ทำไมถึงคิดว่าเป็นรถแฟนปิ่นล่ะ อาจจะเป็นรถเพื่อนของยายก็ได้” “ไม่มีทางหรอกขวัญว่าจะต้องเป็นรถของแฟนปิ่นแน่เลย บอกมานะเขาเป็นใคร ทำงานอะไรทำไมขวัญไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เลย” พรศิริคาดคั้น “ไม่ใช่แฟนขวัญหรอกเราก็แค่เพิ่งคุยกันได้ไม่นาน” “เพิ่งรู้จักแต่พาไปกินข้าวที่บ้านแล้วแบบนี้นี้ขวัญว่าน่าจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาหรอกนะ แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “ถ้าปิ่นบอกขวัญไปขวัญห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ” “ทำไมล่ะปิ่น หรือแอบไปเป็นเมียน้อยใครอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดนะปิ่นทั้งสาวทั้งสวยจะยอมเป็นเมียน้อยคนอื่นได้ไง” “ไปกันใหญ่แล้วที่ปิ่นไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร แต่ที่บอกขวัญว่าห้ามบอกใครเพราะเราเพิ่งจะเริ่มคุยกันเอง ไม่อยากให้คนอื่นรู้มากเกิดคุยกันแล้วมันไม่เข้าใจ มันไม่คลิกก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามว่าทำไมถึงเลิกคุยกันยังไงล่ะ” “ก็ได้ขวัญสัญญาว่าจะไม่บอกใคร แล้วตกลงเขาเป็นใครล่ะหล่อไหม” “ขวัญเคยพาลูกศิษย์ไปที่โรงพยาบาลใช่ไหม” “หมายถึงโรงพยาบาลที่โรงเรียนเราทำประกันอุบัติเหตุด้วยใช่ไหม” “ใช่โรงพยาบาลนั้นแหละ” “มีอะไรหรือเปล่าหรือเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนั้น” “อือเขาเป็นหมอ” “เจอกันที่นั่นเหรอ” “เจอกันตอนพาออมสินไปเย็บแผลที่หัวน่ะ” “ทำไมเวลาขวัญพาเด็กไปไปโรงพยาบาลไม่เจอหมอหนุ่มๆ หล่อๆ บ้างเลยนะส่วนใหญ่ก็เจอแต่หมอตี๋ๆ หรือไม่ก็เจอหมอผู้หญิง เขาชื่ออะไรล่ะ ลองบอกมาเผื่อขวัญจะเคยเห็นหน้า” “เขาชื่อหมอกรัณย์กรน่ะ ขวัญเคยเจอไหม” “หมอกรัณย์กร ขวัญเคยตรวจกับเขาด้วยนะตอนนั้นน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วไปหาหมอตอนเย็นหมอเขาออกตรวจนอกเวลาพอดีน่ะ คนนี้หล่อมากจริงๆ ปิ่นคบกับเขาแล้วใช่ไหม” “ยังไม่ถึงขั้นคบหรอกแค่เริ่มคุยกันน่ะ ปิ่นไม่รู้ว่าเขามีแฟนแอบมีแฟนอยู่ที่ไหนหรือเปล่า” “คงไม่หรอกมั้งดูท่าทางเขาก็เป็นคนดีนะ ถ้ามีแฟนแล้วก็คงไม่จีบผู้หญิงไปทั่วหรอก” “ปิ่นก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน” “ไม่มั่นใจอะไร” “ก็ปิ่นเคยได้ยินมาหมอก็จะเป็นแฟนกับหมอหรือไม่ก็คนที่ทำงานด้านสาธารณสุขเหมือนกัน” “ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลยนี่ ปิ่นทั้งสวยทั้งหุ่นดีขนาดนี้ไม่ว่าจะอาชีพไหนเวลาเห็นก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ” “ถ้าเขามีแฟนอยู่แล้วล่ะขวัญ” “ปิ่นคิดมากไปหรือเปล่า ว่าแต่เขาเคยพาปิ่นไปเจอเพื่อนๆ ของเขาบ้างไหมล่ะ ถ้าเขาพาไปก็แสดงว่าเขาบริสุทธิ์ใจและไม่ได้แอบซ่อนใครไว้จริงๆ” “เรายังไม่เคยไปไหนด้วยกันเลย ส่วนใหญ่เขาก็จะมาทานข้าวที่บ้านตอนเย็นแค่นั้นแหละ หมอเขางานยุ่ง” “หมอเป็นอาชีพที่งานยุ่งมากๆ แต่ถ้าเขายุ่งขนาดนั้นแล้วยังหาเวลามากินข้าวกับปิ่นได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะปิ่น” “แต่วันอาทิตย์นี้เขาชวนปิ่นเข้ากรุงเทพ ว่าจะไปดูหนังและเดินซื้อของกัน” “นั่นไงถ้าเขาพาปิ่นไปกรุงเทพก็เท่ากับว่าเขาไม่น่าจะมีใครอยู่นะ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ยุ่งมากๆ วันหยุดแบบนี้ถ้าคนมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟน แต่ถ้าเขามีเวลาให้ปิ่นแบบนี้ ขวัญว่าปิ่นมั่นใจได้เลยว่ายังไงหมอก็ไม่มีทางซ่อนใครไว้แน่นอน” “ขอบใจนะขวัญปิ่นสบายใจมากขึ้นแล้วล่ะ แล้วขวัญล่ะกับแฟนตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็” “เลยเรื่อยๆ กำลังช่วยกันเก็บเงินอยู่ไม่น่าจะเกินปีหน้าคงพอจะจัดงานแต่งงานได้” “ปิ่นแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะ” “แสดงความยินดี อย่างเดียวไม่ได้นะ ปิ่นต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ขวัญด้วยตกลงไหม” “ตกลงสิ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม